“ใช่! แม่เฒ่าปราดเปรื่องยิ่งนัก เรื่องนี้ผมเห็นด้วย ต้องให้หลินอิ่งมันรู้ซะบ้าง ว่าถ้าไม่มีตระกูลหลินคุ้มกะลาหัวแล้วต้องเผชิญหน้ากับท่านเฉินเฟิงคนเดียวจะกดดันขนาดไหน!” หลินเสวียนหมิงพูดอย่างจริงจัง “แต่ไหนมาหลินอิ่งก็บ้าเลือด ขนาดศิษย์ของท่านเฉินเฟิงก็ยังถูกเขาฆ่า ถ้าไม่ได้แม่เฒ่าออกหน้าห้ามไว้ หุบเฉินเฟิงคงบุกไปฆ่ามันถึงตี้จิงแล้วแน่”
“แล้วมันล่ะ? นอกจากจะไม่สำนึกความกรุณาของตระกูลหลินที่มีต่อมัน แล้วยังไม่สำนึกบุญคุณแม่เฒ่าที่ช่วยมันอีก พอมาชางโจวก็ฆ่าเซี่ยวเอ๋อ พฤติกรรมแบบนี้เห็นชัดว่าคนคนนี้มีจิตใจโหดเหี้ยม”
หลินเสวียนหมิงค่อยวาที
และเมื่อเขากล่าวจบ หลินเสวียนเฮ่อก็ลุกขึ้นมาสนับสนุนต่อ
“ใช่ๆ แม่เฒ่า! ผู้อาวุโสสองพูดถูก พฤติกรรมของหลินอิ่งแต่ละอย่าง แสดงให้เห็นว่าเขามีประสงค์แอบแฝง ไม่สำนึกในบุญคุณตระกูลหลินแล้วซักนิด ไม่รู้จักกฎระเบียบ แม่เฒ่าให้ความสำคัญคุณชายเซี่ยวขนาดนี้ เขาก็ยังกล้าฆ่า นี่มันใช่การกลับตระกูลนับบรรพบุรุษยังไง? มีใจคิดคดชัดๆ! ผมยังสงสัยเลยนะ ว่าคนคนนี้จะเป็นสายที่แก๊งมังกรส่งมา!”
แม่เฒ่าหรี่ตา บีบบดอัญมณีเขียวใสที่ฝังติดอยู่บนหัวมังกรยอดไม้เท้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“แม่เฒ่าต้องคิดให้ดีนะครับ! แต่ถ้าแม่เฒ่าติดที่เพิ่งเรียกตัวหลินอิ่งกลับมา แล้วการฆ่าเขาจะทำให้ตระกูลหลินเสื่อมเสียชื่อเสียง งั้นก็ยืมมือท่านเฉินเฟิงเก็บมันเสียสิ คนภายนอกจะได้เห็นว่าเรายุติธรรม แล้วยังได้ขจัดความกังวลของภายในด้วย อีกอย่าง ต่อไปท่านเฉินเฟิงจะได้สำนึกบุญคุณ สวามิภักดิ์กับพวกเราไม่เป็นอื่น”
เมื่อเห็นแม่เฒ่าไม่ตอบโต้ หลินเสวียนเฮ่อก็ได้คืบเอาศอก
สีหน้าแม่เฒ่าไม่พอใจ หรี่ดวงตาลงเล็กน้อย เหลือบมองหลินเสวียนเฮ่อ
“เสวียนเฮ่อ นี่แกผิดแล้วยังจะผิดอีกนะ! ตอนนั้นฉันออกหน้าขวางไม่ให้ท่านเฉินเฟิงไปแก้แค้นหลินอิ่ง พอมาวันนี้กลับจะปล่อยให้ท่านเฉินเฟิงไปแก้แค้นหลินอิ่งงั้นเหรอะ? มีที่ไหนมาขัดแย้งกันเองแบบนี้?!” แม่เฒ่าพูดเสียงหนัก
“เรื่องพวกนั้นที่แกว่ามามันปั้นน้ำเป็นตัวชัดๆ จริงอยู่ที่หลินอิ่งมีแก๊งมังกรหนุนหลัง แล้วพวกแกล่ะ? มีใครไม่มีเส้นสายมีอิทธิพลในแวดวงลึกลับ ไม่มีเพื่อนที่คบหาสนิทชิดเชื้อ?”
“ไม่ต้องพูดเรื่องกำจัดหลิงอิ่งอีก!”
แม่เฒ่าพูดเป็นประกาศิต ตัดสินเรื่องของหลินอิ่ง
หลังจากแม่เฒ่าตระกูลหลินได้ยินข่าวว่าหลินเซี่ยวเสียชีวิตแล้ว นอกจากความตกใจและความเสียดายแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับหลินอิ่งเลย
คนที่ดำรงตำแหน่งสูงอย่างแม่เฒ่า พบเจอกับเรื่องมากมายหลายหลาก กุมอำนาจตระกูลหลินมาหลายปี การตรึกตรองจะเหมือนกับหญิงธรรมดาหรือ?
เรื่องที่หลินอิ่งกับหลินเซี่ยวประมือกัน จะเป็นหลินเซี่ยวตายก็ดี หลินอิ่งตายก็ช่าง ทุกอย่างล้วนอยู่ในการคาดการณ์ของแม่เฒ่าทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ
ที่แม่เฒ่าคำนึงถึง คือผลประโยชน์ส่วนรวมของตระกูล
หลินอิ่งมีพลังร้ายกาจขนาดนี้ ถึงกับฆ่าหลินเซี่ยวได้ในการสู้ตัวต่อตัว ดังนั้นหลินอิ่งย่อมเป็นที่จับตามองและต้องฝึกฝนให้มาก
ที่แม่เฒ่าแนะให้หลินอิ่งไปพบกับตู้เฉินเฟิง ก็คงเพราะอยากฝึกฝนหลินอิ่งเท่านั้น ให้หลินอิ่งเจอกับอุปสรรคบ้าง ทั้งยังเป็นการบอกคนตระกูลหลิน ว่านี่ก็คือบทลงโทษของเขา ถือเป็นการปกป้องแบบอ้อมๆ
ในความคิดของแม่เฒ่า ตู้เฉินเฟิงอย่างมากก็แค่ระบายอารมณ์กับหลินอิ่ง สั่งสอนเขาสักยกเท่านั้น
“นี่…!”
เมื่อได้ยินแม่เฒ่าพูดตรงๆ ว่าห้ามฆ่าหลินอิ่งแล้ว แววตาหลินเสวียนหมิงก็เผยความไม่พอใจสุดขีดออกมา
แต่…เขากลับอดกลั้นไว้อย่างที่ไม่เคยทำ คงความใจเย็น ไม่โต้แย้งแม่เฒ่าในทันที
“เอาล่ะ ตามนี้ก็แล้วกัน ให้ฉินเหิงเยว่ไปบอกหลินอิ่ง” แม่เฒ่ากล่าว
จากนั้นผู้อาวุโสตระกูลหลินสองสามคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ก็กลับไปแบบต่างฝ่ายต่างมีความคิด
เมื่อผู้คนออกไปจนหมดแล้ว แม่เฒ่าก็นั่งอิงอยู่กับเก้าอี้ปรมาจารย์ หรี่ดวงตาเล็กน้อย มองขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ
“ฉินชาง คุณไปเก็บตัวอย่างนี้ สบายจังเลยนะ ปล่อยให้ยายเฒ่าอย่างฉันจัดการคนเยอะแยะในเขาลังยา บ้านนี้…คุมยากจริงๆ” แม่เฒ่าพูดพึมพำอย่างมีความคิด
“ตระกูลหลินมีคนรุ่นใหม่ไฟแรงอีกแล้วหนา ขนาดฉันยังมองเขาไม่ออกเลย บางทีคงต้องรอคุณออกจากการเก็บตัวแล้วถึงจะควบคุมหลินอิ่งคนนี้ได้”
อีกด้านหนึ่ง เมื่อหลินเสวียนหมิงออกจากห้องโถงใหญ่ พักผ่อนอยู่ที่ลานบ้านด้านนอก แต่เมื่อกลับถึงห้องแล้ว เขาก็กลับไปนั่งเก้าอี้ด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด ดื่มชาไปอึกใหญ่
“เสวียนเฮ่อ! วันนี้แกเห็นแล้วหรือยัง? แม่เฒ่าลำเอียงถึงขนาดนี้! เซี่ยวเอ๋อเป็นเหลนของเขา ส่วนไอ้หลินอิ่งมันเป็นแค่เหลนนอก แต่ดันไปเข้าข้างมันเสียได้ เลอะเลือนไปแล้วหรือยังไง!”หลินเสวียนหมิงพูดเสียงหนัก
หลินเสวียนเฮ่อถอนหายใจ “เฮ้อ แต่ไหนมาแม่เฒ่าก็เดาใจยาก แต่นี่ก็พอเข้าใจได้ คุณชายเซี่ยวเสียแล้ว ไม่มีค่าอะไรจะพูดถึงอีก มุมมองที่แม่เฒ่ามองต่างกับพวกเรา”
“พี่รอง แม่เฒ่าปกป้องหลินอิ่งขนาดนี้ ถ้าคิดจะเล่นงานมันในคณะกรรมการผู้อาวุโสคงไม่ง่ายแล้วล่ะ เที่ยวนี้แม่เฒ่าให้หลินอิ่งไปเจอกับท่านเฉินเฟิง นี่เพราะคิดอยากยืมท่านเฉินเฟิงมาสั่งสอนหลินอิ่ง พร้อมบอกเราว่าเรื่องที่หลินอิ่งฆ่าคุณชายเซี่ยวจบเพียงเท่านี้ ไม่เอาความอีกชัดๆ”
“จบเพียงเท่านี้? เหอะๆๆ แม่เฒ่าวางหมากไว้ดีจริง แต่ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะ” หลินเสวียนหมิงหัวเราะเย็น
“ท่านเฉินเฟิงจะแค่สั่งสอนมันจริงเหรอ? หา? ฉันคุยกับท่านเฉินเฟิงไว้แล้ว ให้เขาทำลายบูโดมันในทีเดียว!” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยสีหน้าเหี้ยม “ถึงตอนนั้น บูโดไอ้หลินอิ่งสูญสิ้น ฉันจะดูซิว่าแม่เฒ่ายังจะปกป้องไอ้เดรนั่นอีกไหม!”
“เหรอครับ? พี่รองแอบนัดแนะกับท่านเฉินเฟิงแล้วเหรอครับ?” หลินเสวียนเฮ่อเปลี่ยนสีหน้า ถามด้วยความตะลึง
“ใช่! ท่านเฉินเฟิงรออยู่ที่เขาลังยานี่ตั้งหลายวัน แม่เฒ่าต้องให้ไอ้หลินอิ่งคุยกับเขาอยู่แล้ว ฉันก็เลยให้สัจจะกับตู้เฉินเฟิงไว้ แล้วก็รับปากเขาก็ว่าจะเก็บกวาดเรื่องให้ ส่วนเขาก็รับปาก ว่าถ้าได้เจอไอ้หลินอิ่งแล้วจะทำลายจุดตันเถียนของมันทันที ให้มันสูญสิ้นบูโด!” หลินเสวียนหมิงหัวเราะเย็นกล่าว
“ท่านเฉินเฟิงเป็นยอดฝีมือที่เคยขึ้นถึงรายการแห่งฟ้า ถึงกำลังจะถดถอย แต่ก็จัดการไอ้หลินอิ่งได้สบาย!” หลินเสวียนเฮ่อพูดสะท้อนใจ “การยืมมีดฆ่าคนของพี่รองนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
“เฮอะ เหอซานจินศิษย์ท่านเฉินเฟิงคนนั้น เป็นเด็กที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ความสัมพันธ์เหมือนพ่อลูก จะกล้ำกลืนความแค้นนี้ได้ยังไง? ฉันแค่สะกิดนิดเดียว ตู้เฉินเฟิงก็ตกปากรับคำแล้ว”
“รอดูเถอะ พอท่านเฉินเฟิงทำลายบูโดมันแล้ว ฉันก็จะจัดการมันได้ตามใจชอบ ต้องเอามันมาทรมานสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นจนตายแน่!”หลินเสวียนหมิงพูดเสียงเหี้ยม
……
“คุณชายหลินอิ่ง แม่เฒ่าบอกให้คุณไปพบท่านเฉินเฟิงที่ห้องด้านข้างก่อน”
ที่นอกห้องโถงใหญ่ ฉินเหิงเยว่มองหลินอิ่งพร้อมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พบท่านเฉินเฟิง?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว
“ครับ” ฉินเหิงเยว่พยักหน้า “แม่เฒ่าต้องการให้คุณไปเจรจากับท่านเฉินเฟิงเรื่องที่คุณฆ่าศิษย์ของเขาที่ตี้จิงให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยไปห้องโถงใหญ่พบท่านพร้อมคุณนายหลิน”
อึกใจหนึ่งแล้วน้ำเสียงฉินเหิงเยว่ก็เข้มขึ้น “คุณชายหลินอิ่ง แม่เฒ่าเข้าข้างคุณนะ ที่ให้คุณไปพบท่านเฉินเฟิงก็เพื่อปิดปากคนอื่น ให้บทเรียนกับคุณเท่านั้น อย่างมากก็แค่ถูกท่านผู้นั้นข่มนิดหน่อย”
หลินอิ่งพยักหน้านิ่ง “ครับ”
“คุณนำทางไปเถอะ ผมจะไปพบตู้เฉินเฟิงซักหน่อย”