ท่านเฉินเฟิงแทบจะถือว่า เป็นตำนาน และความศรัทธาในหัวใจของเขา ไม่กล้าที่จะไม่เคารพหลินอิ่ง
ในการต่อสู้ครั้งนั้น หลินอิ่งได้เปรียบเอาชนะ ทำให้ตู้เฉินเฟิงที่มีชื่อเสียงอยู่อันดับต้นๆของรายการแห่งฟ้าพ่ายแพ้ เหยียบย่ำความภาคภูมิใจของการเป็นปรมาจารย์รายการแห่งฟ้าของเขาให้แหลกสลาย!
ท่านเฉินเฟิงไม่มีวันลืมความหวาดกลัวที่หลินอิ่งมอบให้
ถึงเรื่องจะเกิดขึ้นมานานหลายปี รัศมีออร่าที่คุ้นเคยและทรงพลังบนตัวของหลินอิ่ง สายตาที่เย็นชาจนทำให้คนหวาดหวั่น เป็นฝันร้ายของเขาทั้งหมด!
ดังนั้น หลินอิ่งจะให้เขาคุกเข่า เขาไม่กล้าที่จะไม่คุกเข่า!
“หึ!”
หลินอิ่งทำเสียงหึอย่างเย็นชา ดึงเก้าอี้ปรมาจารย์ตัวหนึ่งที่อยู่ในห้องโถงออก แล้วนั่งลงอย่างสง่างาม
“ตู้เฉินเฟิง ผมเป็นคนฆ่าเหอซานจินลูกศิษย์ของคุณเองแหละ คุณจะยอมรับไหม หรือว่าไม่ยอม?” หลินอิ่งมองไปที่ท่านเฉินเฟิงด้วยความเย็นชา แล้วถามอย่างเยือกเย็น
คำถามนี้ ทำให้เอาท่านเฉินเฟิงราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขาตะลึงอยู่กับที่ น้ำเสียงสั่นเครือ……
“นะ นามแฝงของคุณคือหลินอิ่ง?หลินอิ่งแห่งตี้จิง?” ท่านเฉินเฟิงถามด้วยความเหลือเชื่อ
เขาไม่เคยคิดว่า หลินอิ่งเป็นชายหนุ่มผู้ลึกลับที่ทำลายแขนซ้ายของเขาในตอนนั้น!
และคิดไม่ถึงด้วยว่า หลินเสวียนหมิงให้เขาจัดการหลินอิ่งทิ้งเสีย!ซึ่งนี่เป็นคนที่เขากลัวที่สุดในชีวิต!
ในตอนที่หลินอิ่งไม่ทิ้งชื่อเสียงเรียงนามไว้ให้เขา เรียกตัวเองแค่ว่าคนท่องโลกกว้าง ไม่ต้องการคนรับใช้
ถ้าหากรู้ตั้งแต่แรก ถึงท่านเฉินเฟิงจะกล้าหาญอย่างไร ก็ไม่กล้าลงมือกับหลินอิ่งแน่นอน!
“ผะ ผมไม่รู้ว่าเป็นผู้อาวุโส!” ท่านเฉินเฟิงกล่าวอย่างตัวสั่น
“ผู้อาวุโสฆ่าเหอซานจิน ผมยอมรับครับ แม้แต่ชีวิตของผม ผู้อาวุโสก็เป็นคนไว้ชีวิตผม เหอซานจินรนหาที่ตายเองที่ไปปะทะผู้อาวุโส ตายก็สมควรแล้ว” ท่านเฉินเฟิงพูดอย่างเคารพ
ใช่แล้ว ตอนนั้นถ้าหากหลินอิ่งไม่เมตตา ท่านเฉินเฟิงก็คงตายไปแล้ว แม้แต่เขาเองยังไม่กล้าต่อสู้กับหลินอิ่ง จะไปโต้แย้งกับหลินอิ่งเพื่อลูกศิษย์ได้อย่างไร?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ตอนนั้นเขาสมัครใจที่จะติดสอยห้อยตามหลินอิ่งเอง แต่กลับไม่ได้ความสำคัญจากหลินอิ่ง ซึ่งเขาก็รู้สึกเสียใจมาก
อีกทั้ง มือของเขาไม่ได้เสียไปซะทีเดียว แต่ถูกหลินอิ่งใช้วิธีลึกลับผนึกเส้นลมปราณไว้
แม้แต่เขาที่เป็นสุดยอดบูโดรายการแห่งฟ้า ก็ยังถูกหลินอิ่งใช้วิธีการที่คาดคิดไม่ถึงในการผนึกไว้!
ตอนนั้นหลินอิ่งก็เคยทิ้งคำพูดไว้ ในภายภาคหน้าหากมีวาสนา มีอะไรให้ตู้เฉินเฟิงคนอย่างคุณช่วย จะปลดผนึกเส้นลมปราณของคุณให้
หลายปีมานี้ท่านเฉินเฟิงก็เคยใช้เส้นสายของตัวเอง เพื่อค้นหาอาจารย์ที่มีชื่อเสียง กระทั่งยังเคยไปเข้าพบฉู่จี้ชังราชาสมุนไพรเฒ่าตระกูลฉู่แห่งเตียนหนาน อยากจะปลดผนึกเส้นลมปราณ แต่คนที่เขาขอร้องกลับบอกว่าทำอะไรไม่ได้เลย
ดังนั้น ภายในใจของตู้เฉินเฟิง หลินอิ่งเป็นตำนานคนหนึ่ง ที่มีการดำรงอยู่อย่างเทพเจ้า เขาเฝ้ารอคอยที่จะพบกับหลินอิ่งท่านผู้สูงส่งคนนี้อีกครั้ง บูโดของเขาถึงจะสามารถกลับมารุ่งโรจน์ได้
หลินอิ่งไร้ซึ่งสีหน้าความรู้สึก มองไปที่ตู้เฉินเฟิง แล้วพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า “ในเมื่อคุณยอมรับ คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด ผมจะไม่กล่าวโทษอะไรคุณอีก”
“ขอบคุณครับผู้อาวุโสที่ไม่ฆ่าผม!” ท่านเฉินเฟิงตื้นตันใจ พูดอย่างเคารพ
ในสายตาของเขา หลินอิ่งจะฆ่าเขาเป็นเรื่องชั่วพริบตาเท่านั้น เพราะความแข็งแกร่งของหลินอิ่งยังคงเป็นเรื่องลึกลับ ท่านเฉินเฟิงจึงไม่กล้าเอาชีวิตของตัวเองไปลอง
ในตอนแรก หลินอิ่งที่ยังเป็นวัยรุ่นดูไปแล้วมีวิชาบูโดธรรมดา แต่พอได้ลงมือขึ้นมา ราวกับพลังแห่งการทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่!
“ผู้อาวุโสครับ ผมขอถาม ชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริง ว่าท่านมีนามว่าอะไรครับ!” ท่านเฉินเฟิงพูดอย่างนอบน้อม
หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉยไปว่า “หลินอิ่ง นั่นคือชื่อจริงของผม”
ท่านเฉินเฟิงมีสีหน้าที่ตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลินอิ่ง หลังจากนั้นก็รีบเก็บสายตา ไม่กล้าสบตาของหลินอิ่ง
คุณชายอิ่งแห่งตี้จิง บุคคลที่ชื่อหลินอิ่งท่านนี้ ที่มาที่ไปและภูมิหลังของเขา ท่านเฉินเฟิงได้ไปสืบมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว!
ริมฝีปากของเขาขยับเบาๆ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็อดใจเอาไว้ ไม่กล้าถามหลินอิ่งออกไป
ในสายตาของท่านเฉินเฟิง หลินอิ่งเป็นการดำรงอยู่ที่ลึกลับมากกว่านายท่านใหญ่ของตระกูลหลิน!
หลินอิ่งรูปลักษณ์อ่อนเยาว์ อายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น
แต่จากที่ท่านเฉินเฟิงดูแล้ว มันไม่ง่ายขนาดนั้น
เขาเคยติดอันดับรายการแห่งฟ้า เคยเห็นยอดมนุษย์เหนือคนมาก่อน รู้ว่าบนโลกใบนี้มียอดฝีมืออยู่มากมาย
บางคนมีทักษะเฉพาะตัว มีลักษณะเหมือนเด็กๆ อาจจะมีอายุเป็นร้อยปีหรืออาจจะมีใบหน้าที่อายุสิบกว่าปี!
ยอดฝีมือเช่นนี้มักชอบสับเปลี่ยนตัวตนท่องโลกกว้าง คอยอ่านและลิ้มลองรสชาติของทางโลก
หลินอิ่ง อาจจะเป็นยอดฝีมือท่านหนึ่งที่กำลังท่องโลกกว้าง จะสามารถคาดเดาอายุจากหน้าตาได้อย่างไร
แม้ว่าหลินอิ่งจะอายุเพียงยี่สิบกว่าปี ถ้าอย่างนั้นในตอนที่อายุสิบกว่าขวบก็สามารถทำลายเขาได้ ผนึกวิชาบูโดของเขาไว้!
ความสามารถที่น่าอัศจรรย์นี้ยิ่งทำให้ตกตะลึงมากยิ่งขึ้น!
ท่านเฉินเฟิงเดิมทีอยากถามหลินอิ่ง ถึงจุดประสงค์ที่มาตระกูลหลินแห่งลังยา แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรเยอะ
สีหน้าท่าทีของหลินอิ่งเรียบเฉย มองดูสีหน้าเคร่งเครียดของท่านเฉินเฟิง และไม่รู้เหมือนกันว่าตาแก่กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
สำหรับท่านเฉินเฟิงแล้ว หลินอิ่งมีวิธีการชั่งใจของตัวเอง
ตอนนั้นตนเองปิดผนึกเส้นลมปราณส่วนหนึ่งของท่านเฉินเฟิงไว้ ทำให้ความแข็งแกร่งของวิชาบูโดของเขาถูกตัดทอนไป
มาวันนี้ แน่นอนว่าสามารถปลดผนึกให้เขาได้
หลินอิ่งพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย “ในเมื่อมีวาสนาพบกันแล้ว ผมก็จะช่วยคุณปลดผนึกตามความเหมาะสมแล้วกัน”
“นี่!” ท่านเฉินเฟิงถึงกับรู้สึกตื่นเต้น “ผู้อาวุโสหลินอิ่งยอมปลดผนึกให้กระผมหรอครับ?”
“ตู้เฉินเฟิงยอมจงรักภักดีต่อผู้อาวุโสหลิน จะให้รับใช้เป็นทาสก็ยอม!”
ท่านเฉินเฟิงพูดด้วยความตื้นตันใจ
หลินอิ่งกล่าวอย่างยิ้มๆว่า “หลังจากนี้ไป ผมจะดูความประพฤติของคุณ”
“ครับ!” ท่านเฉินเฟิงพูดอย่างตื้นตันว่า “ถ้าผู้อาวุโสหลินมีอะไรให้รับใช้ ก็พูดออกมาได้เลยครับ!”
เห็นกำลังไฟได้ประมาณหนึ่งแล้ว ท่านเฉินเฟิงเองก็เลื่อมใสศรัทธาแล้ว
หลินอิ่งจึงพูดขึ้นมาว่า “ตัวตนของผม คุณถือซะว่าไม่รู้ก็แล้วกัน ในภายภาคหน้า ถ้าผมมีระดมพล จะต้องเรียกคุณแน่”
“ผมขอถามคุณหน่อยนะครับ เหตุใดคุณถึงกล้าลงมือกับผมที่ภูเขาลังยาอย่างโหดเหี้ยมครับ?”
“นี่……” ท่านเฉินเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโสหลินครับ นี่เป็นเรื่องที่ผู้อาวุโสสองเสวียนหมิงแห่งตระกูลหลินกับผมได้ปรึกษากันไว้ เขายั่วยุให้ผม……คุณก็น่าจะรู้ดี ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยรู้เลยว่าผู้อาวุโสจะเป็นหลินอิ่ง……”
“หลินเสวียนหมิง เหอะ” หลินอิ่งหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“ช่างเถอะ เรื่องของตระกูลหลินแห่งลังยา คุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่ง อีกเดี๋ยวถ้าไปพบแม่เฒ่าตระกูลหลิน มอบหมายทุกอย่างแล้วลงจากเขาซะ”
“หลังจากลงเขาไป งะ งั้นต่อไปผมจะติดต่อผู้อาวุโสหลินยังไงครับ?” ท่านเฉินเฟิงถามด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอิ่งจึงพูดขึ้นมาว่า “คุณไปรอผมที่มณฑลชางโจว ถ้ามีเรื่องอะไรให้มอบหมายไว้ ผมจะส่งคนไปหาคุณ”
“ดะ ได้ครับ ผู้อาวุโสหลิน ผมจะฟังคำสั่งของคุณทุกอย่างเลยครับ” ท่านเฉินเฟิงกล่าวอย่างนอบน้อม
“เอาล่ะ ลุกขึ้นเถอะ ผมยังมีธุระต้องทำอีก” หลินอิ่งหยักหน้าเบาๆ ไม่พูดอะไรอีก ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
“ผู้อาวุโสหลินค่อยๆเดินนะครับ ผมจะไปส่งคุณ……” นายท่านเฉินรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วเดินตามหลินอิ่งไป
“ไม่ต้องส่งหรอก อีกเดี๋ยว อาจจะต้องให้คุณไปคุยที่คฤหาสน์ของตระกูลหลินหน่อย” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“ครับๆ” ท่านเฉินเฟิงพยักหน้าอย่างนอบน้อม แล้วก้าวถอยหลังไปหลายก้าว มองดูหลินอิ่งเดินออกจากห้องโถงไป
ในตอนนี้เอง ด้านนอกคฤหาสน์ หลินเสวียนหมิงกับหลินเสวียนเฮ่อได้เดินทางมาถึงแล้ว มาเพื่อรอดูสถานการณ์อันน่าเศร้าที่หลินอิ่งจัดการบูโดของท่านเฉินเฟิง!
“พี่รองครับ เมื่อกี้ผมสัมผัสได้ถึงรัศมีของความเฉียบแหลมที่อยู่ไกลออกไปในคฤหาสน์ ท่านเฉินเฟิงน่าจะลงมือฆาตกรรมไปแล้ว หลินอิ่งคนนี้จะต้องถูกกำจัดไปแล้วแน่ๆ!อีกทั้งเด็กคนนี้ยังหยิ่งผยอง ไม่แน่ ท่านเฉินเฟิงอาจจะฆ่าเขาด้วยความโกรธไปแล้วก็ได้” หลินเสวียนเฮ่อพูดพลางยิ้มอย่างเย้ยหยันอยู่ข้างๆ
มุมปากของหลินเสวียนหมิงเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม แล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันหวังว่าหลินอิ่งอย่าตายในมือของท่านเฉินเฟิง ฉันยังต้องค่อยๆทรมานเด็กคนนี้ถึงจะทำให้ฉันหายแค้นได้ หลินอิ่งกล้าเป็นปรปักษ์กับฉัน ให้เขาตายไปทั้งๆอย่างนี้ จะทำให้มันสบายเกินไป!”
“พี่รองพูดถูกครับ หลินอิ่งคนนี้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ถึงได้ผิดใจกับพี่ กล้าฆ่าคุณชายเซี่ยว สมน้ำหน้าที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าพี่วางแผนอีกหน่อย งั้นก็ให้เขาฟื้นฟูกลับมาไม่ได้อีกน่ะสิครับ” หลินเสวียนเฮ่อพูดอย่างประจบ
หลินเสวียนหมิงหัวเราะอย่างได้ใจ ใบหน้าเต็มไปสุขกายสบายใจ
ในเวลานี้เอง หลินอิ่งกลับเดินออกมาโดยไม่มีอะไรเสียหายแม้แต่ปลายผม
หลินเสวียนหมิงกับหลินเสวียนเฮ่อ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เปลี่ยนเป็นหน้าเสีย