แม่เฒ่าพูดถึงตรงนี้ หลินเสวียนหมิงก็มองไปที่หลินอิ่งอย่างเย้ยหยัน
ในใจของเขารู้ดีว่าอยากจะเอาเรื่องนี้กำจัดหลินอิ่งมันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องให้หลินอิ่งเสียเลือดเสียเนื้อบ้าง เพื่อศักดิ์ศรี
หลังจากนั้น ค่อยหาโอกาสจัดการเก็บเด็กคนนี้
แม่เฒ่าค่อยๆพูดขึ้นมาว่า “ตระกูลหลินมีกฎจะต้องลงโทษ งั้นก็ยึดของขวัญปู่ของแก ยึดทรัพย์สินที่ปินไห่ที่เคยมอบให้เขา”
“นอกจากนี้ ตอนนั้นท่านเฉินเฟิงจะไปแก้แค้นอด แต่ฉันขวางเอาไว้แทนแก”
“ฉันจะลงโทษ ด้วยการให้แกไปสะสางความแค้นระหว่างหุบเฉินเฟิง ถ้าแกถูกท่านเฉินเฟิงฆ่าตาย ฉันจะไม่ยอมยื่นมือไปช่วยแก”
“แม่เฒ่า นี่ท่าน?”
หลินเสวียนหมิงนั่งต่อไปไม่ได้แล้ว เขาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
แม่เฒ่าปกป้องหลินอิ่งเกินไปรึเปล่า?
นี่มันคือการลงโทษหนักอย่างไร?
ยึดทรัพย์สมบัติที่เคยให้หลินซวนหวาแค่นั้นมันจะไปพออะไร?อย่างมากสุดนั่นก็แค่ทรัพย์สินมูลค่าพันล้านเท่านั้น
หลินซวนหากลับสู่ตระกูลหลินแล้ว กลับมามีตัวตนสถานะ ทรัพย์สมบัติแค่นั้นจะไปมีค่าอะไร?
ทั้นสอง ให้หลินอิ่งไปจัดการสะสางความแค้นกับหุบเฉินเฟิง?
ถ้าหากแม่เฒ่าพูดก่อนหน้านี้ ในใจของหลินเสวียนหมิงคงรู้สึกดีใจแทบไม่ไหวแน่ เพราะไม่มีแม่เฒ่าคอยควบคุมเรื่องนี้ เขาจะสามารถสั่งการให้ท่านเฉินเฟิงฆ่าหลินอิ่งได้เลย
แต่ตอนนี้ เรื่องมันกลับตาลปัตรไม่เหมือนเดิมแล้ว ตู้เฉินเฟิงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงแล่อยหลินอิ่งออกมาอย่างสบายใจ
“อะไร?” แม่เฒ่ากลอกตาใส่หลินเสวียนหมิงอย่างไม่พอใจ “หลินเซี่ยวพ่ายแพ้เพราะตัวต่อตัวกับหลินอิ่ง ตลอดมาแม่เฒ่ายุติธรรม ถ้าหาดหลินเซี่ยวฆ่าหลินอิ่ง เธอก็จะไม่กล่าวโทษหลินเซี่ยวเช่นกัน ความสามารถของเขาไม่เท่าคนอื่น ถ้ายังไปช่วยเขาเอาเรื่อง นี่มันไม่มีเหตุผล?เรื่องนี้ต้องปล่อยให้ผ่านไป ห้ามใครเอ่ยขึ้นทั้งนั้น!”
“แน่นอนว่า ตระกูลหลินมีกฎ ในเมื่อเรื่องนี้ฉันไม่เข้าข้างหลินเซี่ยว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่เข้าข้างหลินอิ่งแล้วขวางคนของหุบเฉินเฟิงแทนเขา”
“เอาล่ะ ให้มันเป็นแบบนี้เนี่ยแหละ ไปเรียกท่านเฉินเฟิงมาที่คฤหาสน์!หลินอิ่ง แกคุยเรื่องนี้ต่อหน้าศัตรูทุกคนแล้วกัน ควรจะทำยังไง แกไปตัดสินใจเอาเอง ถึงยังไงฉันก็จะไม่ช่วยแก นี่เป็นการทดสอบแกอย่างหนึ่ง” แม่เฒ่าพูดอย่างเด็ดขาด
พูดจบ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พากันเงียบ
ทัศนคติของแม่เฒ่าชัดเจนมาก
ภายนอกพูดว่าไม่ปกป้องหลินอิ่ง ความจริงแล้วกลับปกป้องเขา
แม่เฒ่าหรี่ตาลง มองไปที่หลินอิ่ง
เดิมทีเธอไม่ได้วางแผนเช่นนี้ แต่มีวิธีอื่นที่ช่วยหลินอิ่งหยุดผู้อาวุโสสอง
เพียงแต่ หลินอิ่งมาจากที่ของท่านเฉินเฟิง โดยที่ไม่มีอะไรเสียหายแม้แต่ปลายผม นี่ดึงดูดความสนใจของเธอ ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมาก
ประการที่สอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแม่เฒ่าอยากทุบตีหลินอิ่ง
ทำให้หลินอิ่งรู้ว่าตระกูลหลินเป็นที่พึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดของเขา ถ้าปล่อยให้หลินอิ่งได้รับความกดดันของหุบเฉินเฟิง แล้วขอความช่วยเหลือจากเธอ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงจะได้ใช้บุญคุณกับความน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่านเฉินเฟิงค่อยๆเดินเข้ามาในห้องโถง
“แม่เฒ่า เชิญกระผมมาที่นี่ มีอะไรให้รับใช้ครับ?” ท่านเฉินเฟิงถามอย่างจริงจัง
แม่เฒ่าค่อยๆพูดขึ้นมาว่า “ตู้เฉินเฟิง ก่อนหน้านี้คุณเคยบ่นกับฉันตลอดไม่ใช่หรอ ว่าจะขอให้ตระกูลหลินอธิบาย?นี่ไง หลินอิ่งคนที่ฆ่าลูกศิษย์ของคุณอยู่นี่แล้ว ก่อนหน้านั้นก็เคยพบเจอกับเขามาแล้ว คุณอยากจะทำอย่างไรกับเขาบอกมาได้เลย ฉันจะไม่ช่วย ไม่ปกป้อง”
ใบหน้าของท่านเฉินเฟิงนิ่งเฉย มองไปที่แม่เฒ่าแวบหนึ่ง แล้วมองไปที่หลินอิ่ง ในใจกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
คนตระกูลหลินที่อยู่ในเหตุการณ์ มองดูฉากนี้ด้วยความตึงเครียด แต่ละคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง
มีคนจำนวนมาก กำลังรอดูฉากสนุกๆนี้อยู่
เนื่องจากท่านเฉินเฟิงอยู่ในภูเขาลังยามานานขนาดนี้ พวกเขาต่างรู้กันดีว่า ถ้าไม่ใช่เพราะแม่เฒ่าเป็นคนกดข่มไว้ ตาแก่ผู้นี้คงจะไปเปิดฉากฆ่าล้างที่ตี้จิงอย่างบ้าคลั่งแล้ว
คราวนี้ ดูสิว่าหลินอิ่งจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้หรือไม่
ท่านเฉินเฟิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “แม่เฒ่าครับ เรื่องนี้ให้มันผ่านไปเถอะ กระผมเคยคุยกับคุณชายหลินอิ่งแล้ว มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น กระผมไม่คิดจะหาเรื่องอะไรคุณชายหลินอิ่งหรอกครับ”
“หืม?เป็นการเข้าใจผิด?” แม่เฒ่ารู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าท่านเฉินเฟิงทำไมจู่ๆถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้
ท่านเฉินเฟิงพูดอย่างจริงจังไปว่า “เหอซานจินลูกศิษย์ของกระผมคนนั้น หยามเกียรติของสำนัก กลับสมคบคิดร่วมมือกับคนต้าเหอที่อยู่เมืองนอก วางแผนใส่ยาพิษทำร้ายญาติของคุณชายหลินอิ่ง การกระทำต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้มันคือการทำของสัตว์เดรัจฉาน ถึงคุณชายหลินอิ่งจะไม่ฆ่า กระผมก็จะลงมือกำจัดเขาด้วยตัวเอง”
“ดีแล้วครับที่ คุณชายหลินอิ่งฆ่าเขาซะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของแม่เฒ่าก็ประหลาดใจมาก มองไปที่หลินอิ่ง แล้วมองไปที่ท่านเฉินเฟิง เธอรู้สึกว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายขนาดนี้
เหอซานจินผู้นั้นทำไมถึงถูกหลินอิ่งฆ่า ตู้เฉินเฟิงไม่ได้พึ่งรู้ ทำไมถึงได้พึ่งมาบอกเอาตอนนี้ล่ะ?
ต้องรู้ว่า ตอนนั้นท่านเฉินเฟิงดวงตาลุกโชนขนาดไหน ไม่กลัวที่จะท้าทายความน่าเกรงขามของตระกูลหลิน ขึ้นมาที่ภูเขาลังยาเพื่อมาบ่นร้องทุกข์กับเธอ แล้วยังพาบรรดาลูกศิษย์มารอที่มณฑลชางโจวถึงหนึ่งเดือนกว่าๆ เพื่อรอให้หลินอิ่งกลับตระกูลหลิน มาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
สรุปสุดท้าย ตอนนี้มากลับคำเอาดื้อๆแบบนี้?
มีอะไรผิดปกติในนี้?
แม่เฒ่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ผ่านอะไรมานานหลายปีขนาดนี้ เธอคิดไม่ออกจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
“แม่เฒ่าครับ ผมได้ขอคำชี้แนะจากคุณชายหลินอิ่งมาแล้ว ความสามารถของคุณชายหลินอิ่ง ทำให้กระผมตกใจมาก กระผมเลื่อมใสเคารพคุณชายหลินอิ่งมากครับ เรื่องในตอนนั้นปล่อยให้มันผ่านไปอย่าเอ่ยได้เอ่ยถึงเลยครับ กระผมทำอะไรโง่ๆเอง” ท่านเฉินเฟิงพูดอย่างจริงจัง แล้วทำมือคารวะ “แม่เฒ่าครับ กระผมขอลานะครับ หลายวันมานี้อยู่ที่ภูเขาลังยารบกวนท่านมาเยอะแล้ว”
ในใจของแม่เฒ่ารู้สึกมึนงงมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้า แล้วพูดขึ้นมาว่า “เป็นอย่างนี้ดีที่สุดแล้ว ความแค้นเคืองพึงละไม่พึงผูก ตู้เฉินเฟิง ในเมื่อคุณจะไม่ขอเอาผิดกับการตายของลูกศิษย์กับตระกูลหลินอีกต่อไป ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รั้งคุณแล้วล่ะ”
ท่านเฉินเฟิงทำมือคารวะ แล้วค่อยๆออกจากห้องโถงไป
บรรยากาศเงียบลงมาในทันที ทุกคนต่างพากันมองไปที่หลินอิ่ง
ผู้อาวุโสตระกูลหลินพวกนั้น ต่างมองไปที่หลินอิ่งมากเป็นพิเศษ สายตาเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง
คุณชายสามผู้นี้ที่กลับมาสู้ตระกูลหลินไม่ธรรมดาจริงๆ
พวกเขาดูออกถึง ท่าทีของท่านเฉินเฟิง เห็นได้ชัดว่ากลัวหลินอิ่งมาก!
ความสามารถของหลินอิ่ง ยากที่จะหยั่งถึงจริงๆ
แม่เฒ่ามองไปที่หลินอิ่งอย่างลึกซึ้ง หลินอิ่งไร้ซึ่งสีหน้าอารมณ์ ดูไม่ออกว่ามีสิ่งผิดปกติอะไร
“ดีมาก หลินอิ่งเอ้ยหลินอิ่ง ซ่อนลึกจริงๆเลยนะ ถึงได้ทำให้ตู้เฉินเฟิงหนามยอกอกผู้นี้สงบลงได้อย่างเงียบๆ ปล่อยให้ฉันกังวลใจมานานขนาดนี้” แม่เฒ่าค่อยๆพูดขึ้นอย่างเนิบๆ
พูดจบ แม่เฒ่าก็มองไปที่หลินเสวียนหมิง และพูดขึ้นมาว่า “เสวียนหมิง คราวนี้มีอะไรจะพูดอีกไหม?หลินอิ่งสามารถจัดการตู้เฉินเฟิงได้แล้ว เซี่ยวเอ๋อมีความสามารถนี้ไหม?เขาไปสร้างปัญหาให้กับหลินอิ่ง ถูกฆ่าในขณะประลองบูโด ยังจะให้ฉันไปกล่าวโทษหลินอิ่งอีก?”
พอได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ สีหน้าของหลินเสวียนหมิงถึงกับแดงก่ำ แล้วพูดขึ้นมาว่า “แม่เฒ่า ผมคิดไม่รอบคอบเอง”
“หลินอิ่ง เดี๋ยวฉันจะมอบหมายงานให้แกนะ”
“ฉันเหนื่อยแล้ว พวกแกออกไปกันเถอะ ตาใหญ่อยู่ต่อ ฉันมีเรื่องจะปรึกษากับแก”
แม่เฒ่าพิงไปที่พนักเก้าอี้ปรมาจารย์ พูดพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
ผ่านไปไม่นาน ทุกคนก็พากันออกจากห้องโถงหมด มีเพียงผู้อาวุโสหลินเสวียนคุนอยู่ต่อ
หลังจากรอคนจากไปกันหมดแล้ว แม่เฒ่าก็ถามขึ้นมาว่า “เสวียนคุน หลินอิ่งเด็กคนนี้ แกเห็นว่ายังไง?”