“พูดแบบนี้ได้ยังไง?”หลินอิ่งพูดถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“เหอะๆๆๆ”ซือคงฟู่หัวเราะแห้งออกมาสองสามที ก่อนจะค่อยๆพูดขึ้น”คุณชายอิ่ง คุณกับผมลงเรือลำเดียวกันแล้ว ผมก็ไม่ปิดบังคุณก็แล้วกัน นักพรตมังกรเหลืองนั่นมีความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่กับผม”
“แน่นอน ว่าตอนนี้เขาก็มีความแค้นมากมายกับคุณชายอิ่งเช่นกัน จากจุดนี้ พวกเราก็ถือว่าอยู่ฝั่งเดียวกันแล้ว นับว่ามีศัตรูคนเดียวกัน”
หลินอิ่งดื่มชาไปหนึ่งคำ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”คุณซือคงกับนักพรตมังกรเหลืองมีความขัดแย้งอะไรกัน?”
หลินอิ่งตระหนักได้ก่อนแล้ว ว่าทุกครั้งที่พูดถึงนักพรตมังกรเหลือง สายตาของซือคงฟู่จะแฝงไปด้วยเจตนาฆ่า
ไม่แปลกที่ตอนที่ตนเองจะฆ่าหลินเซี่ยวก่อนหน้านี้ ซือคงฟู่ถึงให้ความร่วมมืออย่างกระตือรือร้นขนาดนั้น
เกรงว่าซือคงฟู่คงอยากจะฆ่าหลินเซี่ยว ลูกศิษย์ของนักพรตมังกรเหลืองก่อนอยู่แล้ว
ซือคงฟู่หัวเราะสบถอย่างเย้ยหยัน พูดขึ้น”แค้นมากถึงขนาดที่ไม่อยากอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันเลยล่ะ”
“ดังนั้น คุณชายอิ่งคุณวางใจได้เลย ถ้านักพรตมังกรเหลืองกล้ามาทำอะไรคุณ ผมก็จะจัดการกับเขาเอง”
“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ การออกมาในครั้งนี้ของท่านมังกรเหลืองจะต้องไปที่จี้โจวแน่นอน เพื่อที่จะใช้เรื่องนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง เพราะเขารู้ว่าผมกำลังช่วยคุณอยู่ แล้วก็รู้ด้วยว่าคุณชายอิ่ง คุณจะเป็นตัวแทนของตระกูลหลินไปเข้าร่วมประชุมของหกตระกูลลึกลับที่จี้โจว”ซือคงฟู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอิ่งกลับไม่คิดว่าซือคงฟู่จะมีความแค้นที่มากมายขนาดนี้กับนักพรตมังกรเหลือง
ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็รู้สึกว่าการคาดเดาของซือคงฟู่ก็สมเหตุสมผลเหมือนกัน
ที่นักพรตมังกรเหลืองออกจากมณฑลหวงไห่ในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะการตายของหลินเซี่ยว ฆาตกรของตัวเองคนนี้จะต้องถูกเขาเล็งเอาไว้แน่นอน
ส่วนซือคงฟู่ก็มีความแค้นกับเขาพอดี แล้วทำงานด้วยกันกับตัวเองอีก ก็จะต้องถูกเขาเล็งไว้อยู่เหมือนกันแน่ๆ
ส่วนเรื่องที่ตระกูลหลินส่งตนเองไปที่จี้โจว ภายในแวดวงลึกลับจะต้องวุ่นวายโกลาหลแน่นอน แถมมันก็เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งใหญ่ด้วย มังกรเหลืองจะต้องสร้างเรื่องที่จี้โจวอย่างเป็นแน่
“ซือคง เมื่อตะกี้คุณบอกว่าประชุมของหกตระกูลลึกลับ?”จู่ๆหลินอิ่งก็คิดอะไรขึ้นมาได้ พูดถามขึ้นด้วยความสงสัย”แล้วทำไมเหรอครับ?”
แม้ว่าหลินอิ่งจะรู้จักรากฐานของเหล่าพวกกองกำลังลึกลับใหญ่ก็ตาม แต่กลับไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ที่ยุ่งยากซับซ้อน ร่วมต้านแยกขจัดนี้อยู่ระหว่างพวกกองกำลังพวกนี้เท่าไรนัก
ซือคงฟู่มองหลินอิ่ง ครุ่นคิดอยู่สักพัก พูดขึ้น”ดูท่าคุณชายอิ่ง ไม่ค่อยได้คลุกคลีอยู่ในแวดวงลึกลับ เลยไม่เข้าใจวิถีทางที่อยู่ข้างใน หกตระกูลลึกลับมีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อเป็นพี่เป็นน้อง เป็นพันธมิตรกัน มีข้อตกลงร่วมกัน ไม่ว่าตระกูลไหนจะเกิดเรื่องหนักหนาอะไรขึ้น พวกเขาก็จะเปิดการประชุมของหกตระกูล ตัดสินใจหากลยุทธ์ร่วมกัน”
“การป่วยหนักของนายท่านตระกูลเผยแห่งจี้โจวในครั้งนี้ ภายในของตระกูลเผยขาดแคลนคนชั่วคราว แตกแยกออกจากกัน รากฐานของตระกูลที่มีมาเป็นร้อยปี ก็จะถูกทำลายไปในยุคนี้ เป็นไปได้มากว่าจะถูกแทนที่ด้วยตระกูลลึกลับที่เลื่อนขั้นมาใหม่ มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่คอยจับจ้องตำแหน่งของหกตระกูลลึกลับอยู่”ซือคงฟู่ค่อยๆพูดขึ้น
“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบนี้ของตระกูลเผย แน่นอนว่าดึงดูดความสนใจของอีกห้าตระกูลที่เหลืออยู่แล้ว”
“ต้องรู้ก่อนว่า ภายในของหกตระกูล ท่าทีของแต่ละตระกูลต่างก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งสนับสนุนให้ยกเลิกตำแหน่งของตระกูลเผย แล้วก็มีสนับสนุนให้ตระกูลเผยสละตำแหน่งของหกตระกูลทิ้งไปซะ”
“นอกจากหกตระกูลแล้ว ก็มีกองกำลังนับไม่ถ้วนที่คอยจับจ้องผลประโยชน์มากมายมหาศาลที่ยังหลงเหลืออยู่หลังจากการล่มสลายของตระกูลเผยอีกด้วย ต่างก็ต้องการแบ่งสันปันส่วนกันทั้งนั้น”
“แล้วก็กองกำลังใหญ่นั้น ก็อยากที่จะใช้เรื่องนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ทำลายพันธมิตรของหกตระกูลลึกลับ แยกความสัมพันธ์ออกจากกัน”
“วิถีทางภายในนี้ มันลึกสุดๆไปเลยล่ะ”ซือคงฟู่พูดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“แถมตระกูลเผยแห่งจี้โจวก็มีศัตรูคู่อาฆาตอยู่ไม่น้อยมาตั้งหลายปีแล้วด้วย พวกเขาแอบเข้าไปในจี้โจว เพื่อที่จะรอโอกาสในการลงมือ”
“ดังนั้น เหตุการณ์ที่จี้โจวในครั้งนี้มันยุ่งยากซับซ้อนมาก เรียกได้ว่าวุ่นวายโกลาหลสุดๆ การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยส่งผลถึงสถานการณ์โดยรวมเป็นอย่างมาก แวดวงลึกลับส่วนใหญ่ ต่างก็วุ่นวายไปหมดเพราะว่าตระกูลเผย”
พอได้ฟังแบบนี้หลินอิ่งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
การประชุมของหกตระกูลลึกลับ แม่เฒ่าตระกูลหลินแทบจะไม่เคยพูดให้ตัวเองฟังมาก่อนเลย แต่ออกคำสั่งให้ตัวเองไปที่จี้โจว
“คุณชายอิ่ง การประชุมของหกตระกูลลึกลับนี้สำคัญมากๆ ตระกูลหลินส่งคุณชายใหญ่ หลินเซวียนไปเป็นตัวแทนเชียวนะครับ”ซือคงฟู่ค่อยๆพูดขึ้น”ถ้าเกิดคุณชายอิ่งสามารถเอาชนะเขาในจี้โจวได้ ได้สิทธิ์อำนาจในการพูดในการประชุมของหกตระกูลในครั้งนี้ ถ้าอย่างนั้นต่อไปศักดิ์ศรีภายในตระกูลหลินก็จะสามารถกดขี่หลินเซวียนไว้ได้อย่างแน่นอน”
หลินอิ่งฟังด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่มีท่าทีใดๆ
ตระกูลหลินแห่งลังยาเป็นผู้นำของตระกูลใหญ่ ตัวแทนการประชุมของหกตระกูลลึกลับ นั่นถือว่าเป็นอำนาจของตระกูลหลิน
ดูท่าแล้ว แม่เฒ่าคนนั้นคงจะมองหลินเซวียนสำคัญที่สุด ในสายตาของแม่เฒ่าแล้ว ตนเองก็เป็นแค่คนที่ร่ำเรียนมาเป็นเพื่อนกับคุณชายคนหนึ่งเท่านั้น
“หน้าที่ความรับผิดชอบที่จี้โจวในครั้งนี้สำคัญยิ่งใหญ่มาก แก๊งมังกรมีได้เข้ามาแทรกแซงไหม?”หลินอิ่งพูดถามขึ้น
ซือคงฟู่ส่ายหัว พูดขึ้น”คุณชายอิ่ง พูดตามตรงไม่ปกปิดเลยนะครับ เข้ามาแทรกแซงหรือไม่นั้นผมไม่รู้ แก๊งมังกรยิ่งใหญ่ขนาดไหน? ต่อให้อาจารย์กู้ต้าจะส่งคนไปจัดการเรื่องที่จี้โจว แล้วใครเป็นคนรับผิดชอบภารกิจนั้น ผมก็ไม่อาจรู้ได้ครับ”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ก็ไม่ได้ถามเกินเลยอะไรต่อ
“คุณชายอิ่ง เตรียมที่จะออกเดินทางตอนไหนครับ? ผมเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว แค่รอคุณชายอิ่งกำหนดการเดินทางเท่านั้น”ซือคงฟู่พูดถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอิ่งพูดตอบ”พรุ่งนี้คุณค่อยรอรับแจ้งจากผมแล้วกัน”
ซือคงฟู่พยักหน้า”ครับ ผมจะรอครับ”
จากนั้น ทั้งสองคนก็ดื่มชาไปคนละแก้ว ก่อนจะต่างคนต่างแยกจากกัน
หลังจากที่พบกับซือคงฟู่แล้ว หลินอิ่งก็ออกมาจากร้านน้ำชา กลับไปยังวิลล่าคฤหาสน์ที่ชางโจว
คืนวันนั้น เขากับจางฉีโม่นอนกันอย่างสงบสบาย
วันต่อมาตอนที่ตื่นขึ้นมา กินอาหารเช้ากับจางฉีโม่ และพูดคุยมอบหมายกันสักพัก ก็ให้กู่ชางไห่เอารถมารับ นั่งรถตรงไปยังใจกลางเมืองชางโจว
กู่ชางไห่ขับรถอยู่ที่ตำแหน่งคนขับอย่างตั้งใจ ข้างหลังรถ หลินอิ่งกำลังหลับตาทำสมาธิ ครุ่นคิดอะไรอยู่
วันนี้ หลินอิ่งจะไปคุยเจรจากับท่านเฉินเฟิง แล้วก็ไปคลายผนึกส่วนหนึ่งของท่านเฉินเฟิงออกด้วย เพื่อตอบแทนให้กับเขาสักหน่อย
ตากับฉีโม่อยู่ที่ชางโจว หลินอิ่งจะต้องเตรียมการให้ดีๆ
เขาวางแผนที่จะมอบหมายกับท่านเฉินเฟิง ว่าให้คอยดูการเคลื่อนไหวของตาและฉีโม่ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่ชางโจวก็จะมียอดฝีมือคนนี้ดูแลจัดการอยู่
นอกจากนี้ กู่ชางไห่ก็อยู่ที่ชางโจวด้วยเหมือนกัน คอยแอบคุ้มกันปกป้องความปลอดภัยของฉีโม่อยู่อย่างลับๆ
แบบนี้แล้ว หลินอิ่งก็สามารถไปยังมณฑลจี้โจวได้อย่างหมดห่วงสบายใจแล้ว
ตี๊ดๆ
ตอนที่หลินอิ่งกำลังหลับตาทำสมาธิอยู่นั้น จู่ๆมือถือของเขาก็ดังขึ้นมา
หลินอิ่งค่อยๆลืมตาขึ้น รับสายโทรศัพท์ คนที่โทรมาคือ เย่เฮย
ก่อนหน้านี้ หลินอิ่งก็ส่งเย่เฮยไปที่จี้โจวแล้ว ดูท่าเรื่องน่าจะได้เบาะแสเงื่อนงำอะไรมาบ้างแล้ว
“ท่านประมุขแก๊ง ผมมีเรื่องที่จะรายงานกับท่านครับ”
พอหลินอิ่งรับสาย ในสายก็มีเสียงที่เคารพนอบน้อมของเย่เฮยดังขึ้นมา
หลินอิ่งพูดตอบ”ว่ามา”
“จากแผนการของท่าน ผมได้ทำการตรวจสอบเมืองจี้โจวแล้ว แล้วก็หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากอันธพาลเจ้าถิ่นในพื้นที่แล้วครับ”
เย่เฮยค่อยๆพูดขึ้น”ในสายตาของคนนอกแล้วตระกูลเผยแห่งจี้โจวไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แล้วก็ไม่มีข่าวคราวการป่วยหนักของคุณท่านตระกูลเผยด้วยครับ”
“ข้อมูลที่จ้าวเฉิงเฉียนให้กับผมกลับตรงกันข้าม เขาสงสัยว่าคุณท่านตระกูลเผยป่วยจริงๆ แต่ตระกูลเผยปิดข่าวเอาไว้”
“ในจุดนี้ ผมไม่สามารถตรวจสอบได้ ตระกูลเผยระแวดระวังสุดๆ คุณท่านตระกูลเผยก็ไม่ได้โผล่ออกมาต่อสาธารณะมานานมากแล้วด้วย”
“นอกจากนี้ จากที่ท่านมอบหมายให้ ผมแอบตรวจหาว่าจี้โจวมีร่องรอยเบาะแสว่าแก๊งมังกรเคยอยู่มาก่อนหรือไม่ แล้วผมก็หาเบาะแสเจอจริงๆด้วยครับ…..