ก่อนหน้านี้หวงลี่นึกว่าหลินอิ่งกำลังคุยโม้โอ้อวด เป็นไอ้โง่ไร้ค่าที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
แต่คิดไม่ถึงว่า ที่หลินอิ่งพูดจะเป็นความจริง แถมเป็นจริงแบบที่เขาพูดเอาไว้ด้วย……
ผู้รับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่สูงสุดของบริษัทในตอนนี้ของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ย ก็คือคุณหนูใหญ่หลินหวูซิน
คุณหนูใหญ่ให้เธอไปขอร้องอ้อนวอนหลินอิ่งให้กลับมาที่บริษัท แถมยังให้แสดงความขอโทษอีกด้วย……
การเปลี่ยนแปลงพลิกผันที่กะทันหันแบบนี้ ทำให้สภาพจิตใจของหวงลี่แทบจะพังทลาย
น่าขำ ก่อนหน้านี้ยังเยาะเย้ยหลินอิ่งว่าเป็นคนไร้ค่ามิจฉาชีพอยู่เลย……
แต่ความจริงแล้วคนเขากลับเป็นคุณชายสามแห่งตระกูลหลินที่ทรงพลัง ตำแหน่งสูงส่ง แถมยังมาจากภูเขาลังยาแห่งชางโจวที่มารับผิดชอบตำแหน่งชั้นสูงที่จี้โจวอีกด้วย!
“เธอมัวแต่อึ้งอะไรอยู่? รีบตามฉันมาเร็วเข้า!”หลินหวูซินพูดตำหนิด้วยความโมโห
“ค่ะ ค่ะ คุณหนูใหญ่ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”หวงลี่พยักหน้าอย่างเร็วพลางพูดขึ้น รีบตามหลินหวูซินไปทันที
ทั้งสองคนวิ่งออกจากหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยด้วยความลนลาน
ในใจของหวงลี่หวาดกลัว สีหน้าดูไม่ดีสุดๆ ยังไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวตอนที่เจอกับหลินอิ่งจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่หลินจะลงโทษเธอยังไงบ้าง
ถึงยังไง เธอก็เป็นแค่ข้ารับใช้ของตระกูลหลินคนหนึ่งเท่านั้น ไปพูดด่าทอใส่หน้าของคุณชายสามที่มีสถานภาพเป็นถึงว่าที่ทายาทของตระกูลหลิน!
กฎข้อบังคับของตระกูลหลินเข้มงวดมาก!เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดขึ้นที่ชางโจว เกรงว่าไม่ต้องให้หลินอิ่งลงมือเอง ก็จะมีคนตระกูลหลินคนอื่นลงมือจัดการฆ่าเธอตายไปแล้วแน่ๆ แถมคุณหนูใหญ่ก็ไม่สามารถเรียกร้องความไม่เป็นธรรมให้กับเธอได้ด้วย
“ลี่เอ๋อร์ ตอนนี้เธอหยิ่งผยองพองขนเกินไปแล้ว หลังจากที่เธอมาถึงจี้โจวพร้อมกับฉัน จิตใจเธอฉุนเฉียวเกินไป ปกติที่ทำตัวหยิ่งยโสฉันก็ไม่ได้สั่งสอนอะไรเธอ แต่ ไม่คิดว่าเธอกลับไปก้าวก่ายคุณชายสามเข้า”หลินหวูซินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง”เธอรู้ไหม ว่าคุณชายรองหลินเซี่ยวตายด้วยมือของคุณชายสามคนนี้! คนโหดเหี้ยมแบบนี้ เธอไปก้าวก่ายเข้าแล้ว ถ้าเขาจะฆ่าเธอขึ้นมา ฉันก็ปกป้องเธอไม่ได้เหมือนกัน”
“อีกเดี๋ยวไปอยู่ต่อหน้าของคุณชายสาม เธอต้องแสดงความขอโทษออกมาอย่างจริงใจตรงไปตรงมา เข้าใจไหม?”
หลินหวูซินพูดสั่งสอนหวงลี่ด้วยน้ำเสียงเข้มงวดจริงจัง
“ค่ะ ค่ะ คุณหนูใหญ่ ท่าน ท่านต้องช่วยฉันนะคะ!”หวงลี่พูดขึ้นอย่างนอบน้อมเชื่อฟัง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หลินหวูซินถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก คิดไม่ถึงว่าเพียงเพราะความผิดพลาดเล็กน้อยแค่นี้ จะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ขนาดนี้ขึ้น
เธอก็เพิ่งจะได้รับรายงานมาจากคณะกรรมการผู้อาวุโสตระกูลหลิน บอกว่าหลินอิ่งคุณชายสามคนใหม่จะมาถึงจี้โจว มาดำรงตำแหน่งที่หลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยในวันนี้ ให้เธอทำหน้าที่ต้อนรับอย่างดี
แถม ยังแนบรูปและข้อมูลที่ติดต่อของตัวหลินอิ่งมาอีกด้วย
ตอนที่เห็นรูปของหลินอิ่ง ใจของเธอก็กระตุกเต้นแรงขึ้นมา จำได้ว่านี่คือชายหนุ่มที่เพิ่งจะเจอกันบนถนนเมื่อตอนบ่าย
ที่แท้เขาก็คือหลินอิ่ง มิน่าล่ะแววตากับบุคลิกท่าทางถึงคล้ายกับคุณท่านขนาดนั้น
ในตระกูลหลินหลินหวูซินอยู่รุ่นเดียวกับหลินอิ่ง พูดกันแล้วก็ถือว่าเป็นน้องสาวของหลินอิ่งนั่นเอง
เพราะว่าเธอได้รับความรักเอ็นดูจากนายท่านใหญ่ตระกูลหลินและแม่เฒ่าตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงมีตำแหน่งที่สูงมากในตระกูล
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง หลินอิ่งเป็นถึงว่าที่ทายาทตระกูลหลินของแท้แน่นอนเชียวนะ ต่อให้หลินหวูซินจะได้รับความโปรดปรานขนาดไหน ว่ากันตามกฎและธรรมเนียมของตระกูลหลินแล้ว ก็ไม่สามารถขึ้นมาทัดเทียมกับหลินอิ่งได้
หลังจากออกจากบริษัทมาแล้ว
หลินหวูซินและหวงลี่ก็เห็นเงาของหลินอิ่งอยู่ไกลๆ รีบวิ่งตามไปทันที
หลินอิ่งยืนอยู่ที่ริมถนน กำลังโบกรถแท็กซี่กลับไป
เขากะที่จะไปหาจ้าวเฉิงเฉียน ทำความเข้าใจเรื่องของตระกูลเผยแห่งจี้โจว ชัดเจนแล้วว่าหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยไม่ให้ความร่วมมือ เขาก็ขี้เกียจจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงเหมือนกัน กะที่จะคิดบัญชีทีเดียวภายหลัง ใช้พลังอำนาจของจี้โจวจัดการล้มล้างหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยซะ
“คุณชายอิ่ง!ท่านอย่าเพิ่งไป! รอเดี๋ยว!”
ในขณะนี้เอง เสียงที่ไพเราะใสแจ๋วดังขึ้นมา
หลินอิ่งชำเลืองตาไปมอง เห็นหลินหวูซินพาหวงลี่วิ่งข้ามถนนมาอยู่ตรงหน้าของเขา หายใจหอบแฮกๆอย่างไมสนภาพลักษณ์
“คุณชายอิ่ง ขอโทษด้วยค่ะ ที่ฉันไม่ได้ต้อนรับคุณอย่างดี ฉันก็เพิ่งจะได้รับแจ้งมาจากคณะกรรมการผู้อาวุโสเหมือนกัน เพิ่งจะรู้ว่าคุณชายมาถึงจี้โจวแล้ว”
หลินหวูซินพูดขึ้นด้วยสีหน้าละอายรู้สึกผิด
“อ๋อ?”หลินอิ่งสีหน้าปกติตามเดิม พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
“ขอโทษจริงๆนะคะ คุณชายสาม ถ้าฉันได้รับแจ้งเร็วกว่านี้ล่ะก็ จะต้องไปรับท่านที่สนามบินด้วยตัวเองแน่นอนค่ะ แล้วก็จะไม่มีทางให้เกิดเรื่องที่ไม่สบอารมณ์แบบตอนที่อยู่ที่ล็อบบี้ของบริษัทขึ้นอย่างแน่นอน”หลินหวูซินพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอิ่งสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึก มองหลินหวูซินหนึ่งที เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีที่ปลอมอะไร
ชื่อเสียงของหลินหวูซิน หลินอิ่งก็เคยได้ยินมาบ้างนิดหน่อย
ผู้หญิงคนนี้ถูกขนานนามว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของชางโจว ในตระกูลหลินแห่งลังยาก็เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นไข่มุกในกำมือ ได้รับความรักความโปรดปรานจากแม่เฒ่าและนายท่านใหญ่ตระกูลหลินมาโดยตลอด
แถมผู้หญิงคนนี้ยังเป็นหลานสาวแท้ๆของผู้อาวุโสหลินสวียนคุนอีกด้วย สถานภาพสูงส่ง
พอเห็นว่าหลินอิ่งไม่มีท่าทีอะไร หลินหวูซินก็รู้สึกไม่แน่นอนใจอยู่ไม่น้อย
“หวงลี่ เธอยังไม่ขอโทษคุณชายสามอีกหรือไง? ดูสิก่อนหน้านี้เธอทำเรื่องโง่เขลาอะไรไว้บ้าง!”
หลินหวูซินมองหวงลี่ด้วยท่าทางเข้มงวดพร้อมกับพูดขึ้น
“อา!ค่ะ!”หวงลี่ยังคงอยู่ในสภาวะอึ้งตะลึง ตอบสนองกลับมาอย่างรุนแรง
หวงลี่คิดไม่ถึงว่า คุณหนูใหญ่หลินจะระมัดระวังไม่เป็นตัวของตัวเองต่อหน้าของหลินอิ่งแบบนี้ ลดตัวเองลงจนต่ำต้อยขนาดนี้
หวงลี่เดินมาอยู่ตรงหน้าของหลินอิ่ง ก้มหน้าลงพูดขึ้น”คุณชายสาม ขอโทษค่ะ ก่อนหน้านี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันปากพล่อย ฉันพุ่งไปชนท่านอย่างไม่รักตัวกลัวตาย ได้โปรดลงโทษฉันด้วยค่ะ!”
หลินหวูซินพูดขึ้น”คุณชายอิ่ง เธอไม่รู้จักท่าน ก็เลยเผลอทำผิดอย่างมหันต์ ท่านได้โปรดเห็นแก่ว่าเธอเป็นแค่ข้ารับใช้ที่สถานภาพต่ำต้อยด้วยเถอะค่ะ อย่าถือสาเอาความอะไรกับเธอเลยนะคะ ฉันกลับไปจะสั่งสอนเธออย่างเคร่งครัดเลยค่ะ”
“หวงลี่ ยังไม่คุกเข่าให้คุณชายอิ่งอีก? ก่อนหน้านี้เธอยังกล้าด่าคุณชายอิ่ง รีบตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้!”หลินหวูซินพูดตำหนิด้วยน้ำเสียงโมโห
หวงลี่สีหน้าตกใจจนซีดขาว คุกเข่าลงตรงหน้าของหลินอิ่งอย่างแรง ก่อนจะตบลงที่หน้าของตัวเอง
“คุณชายสาม ท่านเป็นคนใหญ่คนโต อภัยให้ข้ารับใช้แบบฉันด้วยเถอะนะคะ”หวงลี่หน้าบวมครึ่งหน้า พูดขึ้นด้วยท่าทางที่น่าสมเพชเวทนา
หลินอิ่งยิ้มอย่างเย้ยหยัน ไม่ได้หันมองหวงลี่เลยแม้แต่นิดเดียว แต่หันมองไปยังหลินหวูซิน พร้อมกับพูดถามขึ้น”คุณมาหาผม เพื่อมาขอร้องอ้อนวอนให้กับเธอ?”
หลินหวูซินสีหน้าอึดอัดไม่น้อย พูดขึ้น”ไม่ใช่ค่ะ คุณชายอิ่ง ฉันมาเชิญท่านกลับบริษัท แม่เฒ่าแจ้งฉันมา ว่าได้ยกหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยให้กับท่านแล้ว ในอนาคตท่านจะเป็นคนจัดการกับเรื่องใหญ่ๆของบริษัท”
“คุณชายอิ่ง นี่ล้วนแต่เป็นความผิดพลาดในการทำงานของฉัน ถ้าท่านยังโกรธล่ะก็ คืนนี้ฉันจะดื่มเพื่อเป็นการขอโทษให้ท่านเอง ฉันเลี้ยงเองค่ะ”
หลินหวูซินพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง