“ไม่ใช่!หัวหน้าสมาคมซุน นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ เรื่องนี้พูดคุยกันได้นะครับ”หลู่ฉังชิงรีบพูดขอร้องอ้อนวอนขึ้นมา”ผมรู้สึกผิดแล้ว ให้ผมพูดกับหัวหน้าสมาคมหลินสักสองสามประโยคนะครับ ผมขอร้องท่านล่ะ อย่าให้ผมล้มละลายเลย ผม จะให้ผมคุกเข่าให้ท่านก็ได้!”
ซุนโช่ฉัยเป็นถึงหัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งจี้โจว ทรงพลังมาก การที่จะให้เศรษฐีของอุตสาหกรรมก่อสร้างแบบหลู่ฉังชิงล้มละลาย มันสามารถทำได้รวดเร็วและง่ายดายมากๆ
หลู่ฉังชิงเสียใจจนจะตรอมใจตายอยู่แล้ว เสียใจที่ไปก้าวก่ายผู้ที่มีอิทธิพลมากขนาดนี้แบบหลินอิ่ง
ตอนแรกนึกว่าหลินอิ่งเป็นแค่พวกอ่อนแอที่ถูกรังแกง่ายๆ รังแกเสร็จแล้วก็ค่อยไปประจบประแจงคุณชายหลินเซวียนสักหน่อย กลับไม่คิดว่าจะไปรุกรานผู้ที่มีอิทธิพลขนาดนี้เข้า ครั้งนี้ ทุกอย่างจะต้องจบเห่ลงแล้วแน่ๆ!
“ขอร้องอ้อนวอน? นายทำอะไรลงไปล่ะ?”ซุนโช่ฉัยยิ้มอย่างเย้ยหยัน”ใช้ชีวิตมาตลอดทั้งชีวิตแล้วยังไม่รู้จักสถานภาพของตัวเอง นายนึกว่าการที่ไปเข้าหาคุณชายหลินเซวียนแล้วจะลอยตัวทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ?”
หลู่ฉังชิงสีหน้าซีดขาวเหมือนคนตาย
ปึ้ง
หลู่ฉังชิงไม่สนหน้าตาแล้ว คุกเข่าลงไปตรงหน้าเก้าอี้ของหลินอิ่งอย่างแรง ก่อนจะพูดขอร้องอ้อนวอนขึ้น”หัวหน้าสมาคมหลิน ผมขอร้องท่านล่ะ ผมมีตาหามีแววไม่ ขอให้ท่านยกโทษให้ด้วย ให้โอกาสผมในการชดใช้สักครั้งเถอะนะครับ!”
“ผมรู้สึกผิดไปแล้วจริงๆ ท่านได้โปรดอย่าให้หัวหน้าสมาคมซุนกำจัดผมจนสิ้นซากเลยนะครับ!”
หลินอิ่งสีหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึก วางแก้วไวน์ในมือลง มองไปยังหลินหวูซินที่นั่งอยู่ข้างๆ
“รองประธานหลิน ผมคิดว่างานเลี้ยงวันนี้ไม่ต้องจัดต่อแล้วล่ะ คนพวกนี้จะร่วมงานกับหลินซื่อหรือไม่นั้นมันไม่สำคัญแล้ว มีหัวหน้าสมาคมซุนมาร่วมงานด้วย ผมคิดว่าเก่งกว่าพวกไร้ประโยชน์ที่มีดีแค่กินกับดื่มพวกนี้หลายร้อยเท่าแน่นอน”หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
“ค่ะ คุณชายสาม”หลินหวูซินยังดึงสติกลับมาไม่หมด หน้าแดง พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ”
หลินอิ่งค่อยๆลุกขึ้น ชำเลืองตามองซุนโช่ฉัย
“ซุนโช่ฉัย ตรงนี้ยกให้กับนายก็แล้วกัน”
“ครับ!หัวหน้าสมาคมหลินท่านวางใจได้ ผมจะจัดการให้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ คนพวกนี้กล้ามาล่วงเกินท่าน ขอแค่ผมยังอยู่ที่จี้โจวอีกหนึ่งวัน รับรองว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้โผล่หัวออกมาแน่นอน!”ซุนโช่ฉัยตบอกพูดขึ้น
ในตอนนี้ หลินอิ่งก็พาหลินหวูซินจากไป
เหลือไว้แต่พวกหลู่ฉังชิงสองสามคน ท่าทางสิ้นหวัง มองซุนโช่ฉัยด้วยสีหน้าซีดขาว
ในใจของพวกเขารู้ดี ว่าโชคชะตาที่กำลังรอพวกเขาอยู่นั้น ก็คือการสูญเสียตำแหน่งความมั่งคั่งไปจนหมดเกลี้ยง ครอบครัวไม่ถูกทำลายไปก็ถือว่าดีมากโขแล้ว
……
สิบนาทีผ่านไป
บนถนนสายหนึ่งในเขตตัวเมืองที่คึกคัก ขบวนรถของหลินหวูซินกำลังแล่นอยู่
ตรงเบาะหลังภายในรถโรลส์รอยซ์ที่อยู่ตรงกลางคันนั้น หลินอิ่งกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ หลินหวูซินนั่งอยู่ข้างๆมีความรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่สุขเล็กน้อย
การแสดงออกของหลินอิ่งในวันนี้เหนือความคาดหมายของเธอมากเกินไป
เมื่อก่อนหลินหวูซินยังนึกว่าหลินอิ่งจะถูกหลินเซวียนกดขี่ข่มเหงในจี้โจวจนไม่มีโอกาสที่จะได้ลืมตาอ้าปากเสียอีก
แต่คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งพูดลอยๆออกมาแค่ประโยคเดียว ก็ทำให้ คนใหญ่คนโตระดับซุนโช่ฉัยยอมติดตามรับใช้ได้ถึงขนาดนี้
คิดๆดูแล้วก็ใช่!
หลินอิ่งถูกแม่เฒ่าพยายามหักล้างโต้แย้งทุกสิ่งอย่าง และยืนกรานที่จะแต่งตั้งให้เป็นว่าที่ทายาทของตระกูลหลินให้ได้!
สายตาที่เฉียบแหลมของแม่เฒ่า จะมองคนผิดได้ยังไง?
การที่แม่เฒ่ายกหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยให้กับหลินอิ่งบริหารดูแลอย่างง่ายดายขนาดนี้ ตนเองก็น่าจะเดาความสามารถของหลินอิ่งได้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
“คุณชายสาม คิดไม่ถึงว่าท่านจะมีเครือข่ายเส้นสายในจี้โจวที่กว้างขวางมากขนาดนี้นะคะ”หลินหวูซินเปิดปากพูดถามขึ้น”ขนาดหัวหน้าสมาคมซุนยังเรียกท่านว่าหัวหน้าสมาคม ท่านคงจะมีอำนาจอิทธิพลในตี้จิงอยู่ไม่น้อยสินะคะ?”
หลินอิ่งค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะพูดตอบ”หรือว่าก่อนหน้านี้ คุณไม่เคยตรวจสอบประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมเลยเหรอ?”
หลินอิ่งสีหน้าอึดอัด พูดขึ้น”คุณชายสาม ฉันบกพร่องในการทำงาน ท่านมาถึงบริษัทแล้วเพิ่งจะรู้ว่าท่านมาที่จี้โจว เคยได้ยินมาว่าหน้าที่การงานในตี้จิงของท่านยิ่งใหญ่มากๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีอิทธิพลผลกระทบมากขนาดนี้”
หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”ปู่ของคุณไม่เคยบอกคุณมาก่อนเลยอย่างนั้นเหรอ?”
พอพูดถึงปู่ของเธอ ผู้อาวุโสหลินเสวียนคุน หลินหวูซินก็แววตาหม่นหมองเศร้าโศกไม่น้อย เหมือนกับว่ามีเรื่องหนักใจอะไรอยู่ พูดขึ้น”เรื่องธุระงานภายในตระกูล ปู่ของฉันไม่เคยพูดกับฉันเลย……เขาบอกว่าฉันเป็นแค่ผู้หญิง ไม่ต้องรู้เยอะขนาดนั้นหรอก”
หลินอิ่งพอเห็นท่าทางนี้ของหลินหวูซิน ก็รู้สึกสนใจขึ้นมา พูดขึ้น”ที่ตี้จิงผมก็ถือว่าพอได้อยู่ คุณถามเรื่องนี้ทำไม คุณมีธุรกิจที่ตี้จิง?”
หลินหวูซินส่ายหน้า พูดขึ้น”ฉันแค่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ภายในใจ คุณชายสามท่านไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลหลินมาก่อน แต่สามารถมาอยู่ในตำแหน่งแบบในทุกวันนี้ได้ ช่างน่าชื่นชมจริงๆ”
ลังเลอยู่สักพัก หลินหวูซินก็พูดถามขึ้นมา”ฉันอยากจะถามคุณชายสามสักหน่อย ว่าที่แม่เฒ่าให้ท่านมาที่จี้โจว เพื่อมาจัดการเรื่องของตระกูลเผยใช่ไหมคะ?”
หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกสงสัยเหมือนกัน หลินหวูซินสถานภาพเป็นถึงหลานสาวของผู้อาวุโส ทำไมถึงดูเหมือนไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
“ช่างเถอะ”หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”แต่แค่ว่า ลุงหลินเซวียนนั้นของคุณไม่อยากให้ผมข้องเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเผย”
“ฉันเข้าใจลุงหลินเซวียนดี เขาแข็งแกร่งเกินไป คุณชายสามมาที่จี้โจว เขาจะต้องไม่อยากให้ท่านไปคุกคามตำแหน่งของเขาแน่นอน”
หลินหวูซินพูดขึ้น
“ใช่แล้ว คุณชายสาม ท่านรู้จักคุณชายใหญ่ของตระกูลเผยไหม?”
“เผยชิงอี?”หลินอิ่งพูดถาม
หลินหวูซินตอบ”ไม่ใช่เผยชิงอี เผยชิงอีเป็นคุณชายสี่ของตระกูลเผย คุณชายใหญ่เผยหยวนเฟิง ท่านรู้จักไหม?”
หลินอิ่งส่ายหัวพูดขึ้น”ไม่รู้จัก”
คนของตระกูลเผยแห่งจี้โจวที่ทำให้หลินอิ่งประทับใจคือนายท่านใหญ่ตระกูลเผย แล้วก็ชายหนุ่มมากพรสวรรค์ที่อยู่รุ่นเดียวกัน เผยชิงอี
เผยชิงอีมีเชื่อเสียงมากในแวดวงลึกลับ แถมเป็นคนที่พิเศษและแตกต่างอีกด้วย ก่อนหน้านี้หลายปีตอนอยู่ที่ตระกูลเผยไม่ถูกให้ความสำคัญ พอออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ผลที่ได้คือได้รับการปลูกฝังฝึกฝนที่ตำหนักหลิงเซียว กลายเป็นสี่หัวหน้าใหญ่ของหลิงเซียว
“คุณถามคำถามนี้กับผมทำไม?”หลินอิ่งพูดถามขึ้น
ความประทับใจที่เขามีต่อหลินหวูซินไม่เลวเลย คุณหนูของตระกูลหลินคนนี้เป็นคนที่ไม่มีแผนการอะไรอยู่ในใจ ดูเป็นคนซื่อๆ
หลินหวูซินลังเลอยู่สองสามวินาที ก่อนขอความช่วยเหลือจากหลินอิ่ง บอกว่าไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นตัวหมากของหลินเซวียนที่จะถูกยกไปให้ไปแต่งงานกับคุณชายใหญ่ของตระกูลเผย เผยหยวนเฟิง
หลินอิ่งพอได้ยินแบบนั้น ตอนแรกก็ไม่อยากจะยุ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าตอนบ่ายจ้าวเฉิงเฉียนจะนัดเผยหยวนเฟิงออกมาเจรจาพูดคุย ในระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยเจรจาอยู่นั้น เผยหยวนเฟิงก็ไปก้าวก่ายหลินอิ่งเข้า ดูถูกหลินอิ่ง หลินอิ่งก็เลยช่วยหลินหวูซินยกเลิกการแต่งงาน แถมยังทำให้หลินเซวียนตกใจกลัว เพื่อให้เผยหยวนเฟิงสูญเสียอำนาจ ทำให้ทายาทของตระกูลเผยเปลี่ยนเป็นเผยหวูหมิงแทน
หลินเซวียนยังวางกับดักที่จะต่อต้านหลินอิ่งที่วิลล่าเทียนยู่นอีกด้วย ใครจะไปรู้ว่าถูกหลินอิ่งโจมตีกลับ เกือบจะถูกทำลายศิลปะการต่อสู้ไปแล้ว โชคดีที่ผู้อาวุโสของสำนักกระเบื้องหลังของหลินเซวียนออกหน้ามาขอร้องอ้อนวอนให้ ศิลปะการต่อสู้ของหลินเซวียนจึงไม่ได้ถูกทำลายไป หลังจากที่ทั้งสองคนกลับไปพักแล้ว ก็ไม่ยอมแพ้ จึงส่งนักฆ่าไปจัดการหลินอิ่ง หลินอิ่งเกิดจิตสังหารขึ้นมา ร่วมมือกันกับมังกรเขียวแห่งตี้จิง ไม่นานก็ตามตัวของหลินเซวียนกับผู้อาวุโสของสำนักกระบี่เจอ แล้วฆ่าทั้งสองคนทิ้ง
……
หลินเซวียนเลือดอาบท่วมตัว ผมเพ้ายุ่งเหยิง ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ มองหลินอิ่งด้วยสายตาตายด้าน จู่ๆก็ตื่นตกใจขึ้นมา
“ไม่นะ!หลินอิ่ง นายอย่าฆ่าฉันนะ!”
หลินเซวียนสีหน้าหมดหวัง พูดด้วยความตื่นตัว
“ฉันไม่สู้กับนายแล้ว ฉันยกตำแหน่งทายาทของตระกูลหลินให้กับนายก็ได้!ฉันยอมแพ้แล้ว!”
“เห็นแก่สถานภาพที่เป็นคนของตระกูลหลิน แกปล่อยฉันไปเถอะนะ!”
“ฉันสาบาน ว่าฉันจะไม่หาเรื่องแกอีก กลับไปฉันจะออกไปจากตระกูลหลิน ไม่เป็นปฏิปักษ์กับแกอีกตลอดไป!ไว้ชีวิตฉันเถอะนะ!”
หลินเซวียนตกอยู่ในความสิ้นหวัง ขอร้องอ้อนวอนอย่างบ้าคลั่ง
ความแข็งแกร่งของหลินอิ่ง ทำลายเกราะป้องกันทางจิตใจของเขาจนหมดสิ้น ไม่เหลือแล้วซึ่งความกล้าที่จะไปต่อกรกับหลินอิ่ง
หลินอิ่งมุมปากเผยให้เห็นถึงความชั่วร้าย
เขาค่อยๆยกมือขึ้น
หลินเซวียน ลอยขึ้นมาบนอากาศ
“ตายซะ!”
หลินอิ่งพูดออกมาอย่างเย็นชาหนึ่งคำ ห้านิ้วกำเข้าหากัน
เกิดเสียง บูม ดังขึ้นมา
จู่ๆหลินเซวียนก็ระเบิดออก ร่างกายยุบเข้าไป จบชีวิตลงทันที!
……
ตั้งแต่นั้นมา หลังจากที่กำจัดคุณชายทั้งสองคนของตระกูลหลินแล้ว หลินอิ่งก็ได้ดำรงตำแหน่งทายาทของตระกูลหลิน เขาจัดการสถานการณ์ทั้งหมดของจี้โจว หลังจากที่ควบคุมสถานการณ์โดยรวมแล้ว ก็นำความสำเร็จกลับคืนสู่ตระกูลหลิน ปราบสองสำนักใหญ่ของตระกูลหลิน ถือครองอำนาจใหญ่ของตระกูลหลิน ลังยาได้รับจัดการแก้ไขอย่างสำเร็จราบรื่น
……
หลังจากที่ลังยาได้รับการจัดการแก้ไขแล้ว บูโดของหลินอิ่งก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น สุดท้ายก็กลายเป็นปรมาจารย์ที่ไร้เทียมทาน!
จบบริบูรณ์