บทที่ 75 ฝนกำลังมา
“ไม่อนุญาตให้ไป! หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!” หวางหงหลิงโกรธจนกัดฟัน และมองตามหลังหลินอิ่งด้วยความเกลียด
“คุณดูถูกหวางจื่อเหวินแบบนี้ นี่เป็นความแค้นแห่งเลือดแล้ว! ถ้าไม่ได้ฉันปกป้องคุณ คุณยังจะอยู่ที่เมืองชิงหยูนได้เหรอ” หวางหงหลิงพูดด้วยความโกรธ
“ความคิดเหมือนเด็ก”
หลินอิ่งพูดเบาๆ โดยไม่ได้หันหลังกลับไป
หวางหงหลิงทำหน้าบูด หายใจเข้าลึกๆ มองหลินอิ่งเดินจากไป รู้สึกโกรธจนจะระเบิดออกมา!
“ฉันความคิดเหมือนเด็กงั้นเหรอ” หวางหงหลิงรู้สึกคิดไม่ถึง “ไอ้หก ไอ้เจ็ด พวกคุณว่าคนคนนี้เป็นคนประหลาดไหม ”
ไอ้หกทำหน้าลังเล อยากจะบอกว่าคุณหนูความคิดเหมือนเด็กมากต่อหน้าหลินอิ่ง… แต่ก็ไม่กล้าพูด …
“คุณหนูครับ ตอนที่คุณกับไอ้เจ็ดยังไม่มา ผมเห็นกับตาเลยว่า หลินอิ่งเผชิญหน้ากับมือปืนสิบกว่าคน โดยไม่กะพริบตาเลย ทำเหมือนเป็นแค่คนที่มีกำลังน้อยอยู่ตรงหน้าเขา” ไอ้หกพูดอย่างจริงจัง “ท่าทางแบบนี้ไม่มีทางแสร้งทำได้”
หวางหงหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามด้วยความสงสัย “คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ตกใจกลัวจนโง่ นิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าขยับ”
“คุณหนู ผมฝึกฝนอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลาหลายปี ฉากต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ก็เคยเห็นมาแล้ว แต่หลินอิ่งคนนี้ทำให้รู้สึกถึงความน่ากลัวมาก มันอันตรายกว่าที่ฉันเคยตกเป็นเป้าซุ่มยิงจำนวนมากอีกนะ!ฉันคิดว่าเขาไม่ได้พูดโกหก” ไอ้หกพูดอย่างเคร่งเครียด “เขาดูมีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับพวกมือปืนนับสิบนี้!”
ไอ้หกรู้สึกตกตะลึงกับหลินอิ่งมาก เขาคิดไม่ออกว่า หลินอิ่งจะจัดการกับปืนที่เล็งมาจากทิศทางต่างๆในระยะใกล้ขนาดนี้ได้อย่างไร
แต่หลินอิ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองมากขนาดนั้น ทำให้เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่า หลินอิ่งนั้นไม่เกรงกลัวเลย และสายตายังดูติดตลกด้วย ทำเหมือนว่าในมือของพวกมือปืนฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ปืน แต่เป็นเศษเหล็ก……
หวางหงหลิงดวงตาส่องเป็นประกาย นิ้วงามของเธอจับที่คาง พลางคิดอะไรบางอย่าง
“หรือเขามีความสามารถนี้จริงๆ” หวางหงหลิงพูดกับตัวเอง
เมื่อนึกถึงร่างของชายคนนั้น ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาทันที
……
ตอนกลางคืน ณ วิลล่าหิมะมังกร
หลินอิ่งกลับไปที่วิลล่าสุดหรูของเขา ยืนพิงระเบียบอยู่ที่ชั้นสาม สายตาที่ลึกล้ำ มองไปที่แม่น้ำชิงหยูนอันเก่าแก่
ตึง ตึง ตึง!
ในตอนนี้ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบๆ
เสิ่นซานสวมเสื้อเชิ้ตลายดอก ในมือถือสร้อยลูกประคำ กับกระเป๋าถือสีเงิน เดินไปที่ระเบียงด้วยท่าทีนอบน้อม
“ท่านหลินครับ งานที่คุณสั่งทำเสร็จแล้ว” เสิ่นซานยืนอยู่ข้างๆ โค้งตัวเล็กน้อยอย่างนอบน้อม และพูด “ฉันตรวจสอบชัดเจนแล้วว่า หัวหน้าแก๊งผู้ลี้ภัยทางตะวันออกของเมืองมีชื่อว่าโจปิน ซึ่งเป็นลูกหลานทางสายเลือดโดยตรงของตระกูลโจ และเป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลโจ ตอนวัยรุ่น โจปินเรียนอยู่ที่อเมริกาใต้ ต่อมาก็อยู่ที่นั่นเพื่อขยายอิทธิพล นอกจากแก๊งชาวต่างชาติที่เขาพากลับมาแล้ว ยังมีอีกสามคนเป็นคนประเทศหลุง เป็นที่รู้กันว่ามีฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้ของจีน สามารถผ่าหินให้แตกได้ด้วยมือเปล่า การต่อสู้ก็มีฝีมือมาก”
“นอกจากนี้ นี่คือรายชื่อธุรกิจและทรัพย์สินของเขตตะวันออกของเมืองที่ได้ทำลายลง หลังจากที่เซควนเสียชีวิต” เสิ่นซานพูดด้วยความนอบน้อม นำกระเป๋าถือสีเงินวางบนโต๊ะน้ำชา และเปิดด้วยความระมัดระวัง
ในกระเป๋าถือ เป็นหนังสือสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัทต่างๆในเขตตะวันออกของเมือง เอกสารการถือหุ้น100%สำหรับสถานบันเทิงหลายสิบแห่ง และบัตรธนาคารอีกกองใหญ่
หลินอิ่งเหลือบมองไปที่กระเป๋าถือ และถาม “คุณได้นัดหมายการเจรจากับโจปินแล้วหรือยัง”
“นัดหมายเรียบร้อยแล้ว โจปินตกลงที่จะออกมาต่อสู้เพื่อชัยชนะ ตัดสินกรรมสิทธิ์ในเขตควบคุมเขตตะวันออกของเมืองนี้” เสิ่นซานพูดอย่างเคร่งเครียด “พรุ่งนี้ไปที่ท่าเรื่อหลงหู่ แม่น้ำชิงหยูน”
“พรุ่งนี้ฉันจะไปปราบเขา” หลินอิ่งพูดเบาๆ “นอกจากนี้ ฉันต้องการให้คุณขยายอำนาจ แล้วรวมพวกใต้ดินไว้ด้วยกันให้เร็วที่สุด บนถนนเมืองชิงหยูน ให้เขียนรายชื่อคนที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ตอนนี้ออกมาด้วย”
“ครับ! ฉันกลับไปแล้วจะรวบรวมกำลังคน!” เสิ่นซานพูดด้วยความฮึกเหิม “มีหลายพื้นที่ในเมืองชิงหยูนที่ฉันไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ เช่นเขตตะวันตกของเมือง เขตเหนือของเมือง กลางเมืองและเขตชานเมืองอีกหลายแห่ง ฉันรู้ว่าใครเป็นหัวหน้าใหญ่ในพื้นที่เหล่านี้ ความหายของท่านคือ”
“ผู้คล้อยตามฟ้าจะราบรื่น ผู้ฝ่าฝืนฟ้าจะเสียหาย” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบๆ “ฉันจะช่วยให้คุณขึ้นนั่งตำแหน่งสูงสุดในเมืองตุงไห่ให้ได้”
“ครับ! ท่านหลิน! ฟังคำสั่งการของท่านทุกอย่าง!” เสิ่นซานพูดด้วยความฮึกเหิม และบ้าเลือด
ท่านหลินต้องการช่วยให้ตัวเองขึ้นนั่งตำแหน่งสูงสุดในเมืองตุงไห่ นี่เป็นโอกาสที่ดีมากจริงๆ!
ก่อนที่จะรู้จักท่านหลิน เขาเป็นเพียงหนึ่งหัวหน้าในเมืองหนานเฉิงคนหนึ่งเท่านั้น แต่หลังจากอาศัยพึ่งพาท่านหลิน ก็ได้รับผลประโยชน์ในเขตตะวันออกของเมืองทุกสัปดาห์ อำนาจก็ขยายตัวออกไปด้วย!
เขาไม่สงสัยเลยว่าท่านหลินมีอำนาจขนาดนี้หรือไม่ เพราะไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้!
“เอาล่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ” หลินอิ่งพูดอย่างเฉยเมย
“ครับ!” เสิ่นซานโค้งตัว และออกจากวิลล่าด้วยความนอบน้อม
หลินอิ่งหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา และจิบ
ใช้เวลาไม่นาน เสิ่นซานและเจียงฉีทั้งสองคน ก็จะได้เป็นผู้นำในเมืองตุงไห่ในนามของเขา
เขาต้องการวางอำนาจของตัวเอง
หลินอิ่งลุกขึ้นและมองทิวทัศน์ของแม่น้ำชิงหยูน ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขานึกถึงฉากที่ฉีเหอถูสนทนากับตัวเองอย่างปลาหลาด และรู้สึกว่าคำพูดของฉีเหอถูไม่ปกติเป็นอย่างมาก
เพล้ง!
จู่ๆแก้วชาในมือก็ร่วงหล่นที่พื้น แตกละเอียดเป็นชิ้นๆ
สีหน้าของหลินอิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจับถ้วยน้ำชาไม่แน่น
ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาเรียนรู้วิชาแพทย์ ไปจนถึงการทำนายดวงจากอาจารย์ ดังนั้น นี่ มันเป็นสัญญาณที่ไม่ดี….
หลินอิ่งระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ศัตรูของเสิ่นซาน พวกอ่อนแอไร้ค่าพวกนั้น ไม่สามารถคุกคามตัวเขาได้แน่นอน
แล้วปัญหาเกิดจากอะไรกันแน่
ในเวลาเดียวกัน
ณ โรงแรมชิงหยูน ใจกลางเมืองชิงหยูน
ดวงจันทร์มืดมิดและลมพัดแรง
ที่ห้องโถงนิทรรศการบนชั้นยี่สิบหก บรรยากาศมืดสนิท และมีกลิ่นเลือด
ตูม! ตูม! ตูม!
ตู้เซฟที่มุมห้อง ถูกยิงให้เปิดออกด้วยปืน
เงาคนในชุดดำคนหนึ่ง หยิบของในตู้เซฟออกมา แล้ววางลงบนโต๊ะทำงาน
ข้างๆโต๊ะทำงาน ยังมีเงาคนในชุดดำอีกหกคนยืนอยู่ข้างๆ
“ฉีเหอถูค่อนข้างดีกับลูกชายที่พลัดพรากจากกันไปกว่าสิบปีคนนี้ เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย และยังเตรียมเงินมรดกไว้ให้ลูกชายเขาจำนวนไม่น้อย” คนในชุดดำพูดเสียงแหบ
“แต่ทำไมลูกชายของฉีเหอถูถึงไม่ได้มาเอาของเหล่านี้ละ” คนในชุดดำอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้หญิงถามอย่างสงสัย “ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน หรือยังไม่รู้กันนะ”
“จากข้อมูลที่เรามีในตอนนี้ สามารถยืนยันได้ว่าลูกชายของฉีเหอถูรู้เรื่องเงินทรัพย์สินก้อนนี้แล้ว แต่ฉีเหอถูทำงานรัดกุมมาก จัดการร่องรอยไม่มีเหลือ และหลังจากที่เขาซื้อโรงแรมแห่งนี้ ก็ได้กำจัดเทปบันทึกกล้องวงจรปิดของหนึ่งปีก่อนหน้านี้ทิ้งไปทั้งหมด” ร่างในชุดดำพูดอย่างไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะคนวงในของฉีเหอถูบอกมา ฉันก็ยังไม่รู้ว่าเขาเคยมาที่เมืองตุงไห่ และยังไปที่เมืองชิงหยูนอีกด้วย”
“น่าเสียดาย ที่วันนี้จับตัวหลี่ผูไม่ได้ เพราะนอกจากไอ้หมาแก่ตัวนี้แล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องสายเลือดสุดท้ายตระกูลฉีของตี้จิงนี้แล้ว ฉีหยิ่นคนนี้ เป็นใคร! และซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน!” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ตามคำสั่งก่อนหน้า เราต้องขุดรากถอนโคน และฆ่าพวกมันทั้งหมด! ไม่ว่าทายาทตระกูลฉีของตี้จิงจะอยู่ที่ไหน ก็ต้องจัดการฆ่าให้หมด! หากทำภารกิจไม่สำเร็จ พวกเราก็ไม่ต้องกลับไปที่ตี้จิงอีกตลอดชีวิต!” คนในชุดดำพูดด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อไอ้หมาแก่หลี่ผูยังอยู่ในเมืองชิงหยูน ก็แสดงว่า ฉีหยิ่นก็ยังอยู่ในเมืองชิงหยูน เหมือนกัน!”
“พวกแกไปตามล่าหลี่ผูต่อ เอาตัวไอ้หมาแก่ตัวนี้ออกมาให้ได้! อีกอย่าง ให้ตรวจสอบตัวตนตอนนี้ของฉีหยินมา! ไม่ว่าคนจะอยู่ที่ไหนก็ตาม! ก็ให้ส่งคนไปเฝ้าที่ตึกสำนักงานนี้ ถ้ามีบุคคลที่น่าสงสัยเข้าไปในโรงแรมชิงหยูน ให้จับตัวมาได้ทันที”
“ครับ!”
คนชุดดำที่อยู่ในเหตุการณ์ รับคำและพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน