ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 83โหวกเหวกโวยวาย

บทที่ 83โหวกเหวกโวยวาย

เช้าวันต่อมา

หลินอิ่งนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้หรูตัวหนึ่ง ด้านหน้าคือโต๊ะอาหารตัวใหญ่ที่มีอาหารตั้งเรียงรายเต็มไปหมด

ภายในภาชนะที่หรูหราทุกใบล้วนแล้วแต่เป็นอาหารชั้นเลิศที่หากินได้ยากทั้งนั้น

ข้างๆ ของโต๊ะอาหารยังมีกองภูเขาที่สร้างจากชา Wuyiตั้งอยู่ เขาสีแดงฉาน กลิ่นหอมเย้ายวนใจ

“คุณชาย ของพวกนี้ล้วนแต่เป็นอาหารที่คุณชอบกินสมัยเด็กทั้งนั้นเลยนะครับ” หลี่ผูพูดด้วยรอยยิ้ม แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความหนักใจ

“รสมือของตาแก่คนนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ไม่นึกเลยว่าชีวิตนี้ผมยังจะสามารถมีโอกาสได้รับใช้คุณชายด้วยตนเองแบบนี้อีก”

หลินอิ่งยังคงทำหน้าเรียบเฉย แล้วยื่นมือไปตักซุปรังนก “รบกวนคุณแย่เลย มานั่งกินด้วยกันครับ”

“ช่วงนี้คุณก็อยู่รักษาตัวในวิลล่าหิมะมังกรให้ดีๆ นะครับ การที่ผมจะหาคนมาช่วยดูแลคุณจากภายนอกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“คุณไม่ต้องเป็นห่วงครับ กระสุนก็ถูกผ่าออกมาแล้ว เดี๋ยวแผลมันก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเองครับ ลูกน้องที่หลงเหลืออยู่ในเมืองชิงหยูนของผมก็ถูกพวกเหวินเป้าฆ่าไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมก็เหลือแค่ตัวคนเดียว ผมจะคอยอยู่เคียงข้างคุณชาย ช่วยคุณชายดูแลบ้านหลังนี้ต่อไปครับ” หลี่ผูเองก็พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังเช่นกัน

หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ

“คุณชายครับ เมื่อคืนคุณไปที่โรงแรมชิงหยูนผลออกมาเป็นยังไงบ้างครับ?” หลี่ผูถามด้วยความสงสัย ดูเขาสนใจเรื่องนี้มาก

“คนที่ตระกูลเหวินส่งมา ผมจัดการไปหมดแล้วครับ” หลินอิ่งพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบ

เขาได้รับข้อความจากเสิ่นซานตั้งแต่เช้าแล้ว เขารายงานว่าคนที่มากับเหวินเป้าได้ถูกจัดการไปหมดแล้ว

หลี่ผูพยักหน้า แววตาซับซ้อน เหมือนอยากพูดอะไร แต่ก็เงียบไป

หลี่ผูรู้ดีว่าสิบกว่าปีมานี้คุณชายจะต้องพบเจอกับเรื่องยากลำบากมากมาย แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะถามไถ่

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณชายถึงไม่ให้พวกคุณหญิงย้ายเข้ามาในวิลล่าล่ะครับ?” หลี่ผูถามขึ้น

การที่เขายังอาศัยอยู่ที่เมืองชิงหยูนนี้ เขาก็คอยติดตามข่าวสารของหลินอิ่งอยู่ตลอด เขาจึงต้องรู้อยู่แล้วว่าหลินอิ่งมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง เพียงแค่เขาไม่รู้ว่าหลินอิ่งย้ายเข้าไปในวิลล่าหิมะมังกรตั้งแต่เมื่อไหร่ แสดงว่าอำนาจใต้ดินของเขาก็มีมากพอสมควรเลย

“เรื่องพวกนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้” หลินอิ่งพูดด้วยเสียงที่ทุ้มลึก “คุณจำให้ขึ้นใจเลยนะ สถานะของคุณในตอนนี้คือคนที่ผมจ้างมาให้เป็นพ่อบ้านเท่านั้น ส่วนเรื่องหรือคนนอกเหนือจากนี้คุณก็ไม่ต้องถาม”

“ครับ” หลี่ผูพยักหน้าอย่างแรง

“โอเค ผมจะออกไปทำงาน ถ้ามีอะไรเดี๋ยวผมจะติดต่อกลับมาเองครับ” หลังกินอาหารเช้าเสร็จ หลินอิ่งก็ได้ยืนขึ้นแล้วเดินออกจากวิลล่าหิมะมังกรไป หลี่ผูมาส่งเขาถึงที่หน้าประตู

สามสิบนาทีหลังจากนั้น

หลินอิ่งได้นั่งแท็กซี่มาถึงที่ทางใต้ของเมือง หยุดลงตรงหน้าถนนเส้นหนึ่งที่ค่อนข้างเก่าแก่

บ้านของตระกูลจางก็อยู่ในถนนเส้นนี้ ถนนจางฟา

บ้านของตระกูลจางนั้นเป็นบ้านสไตล์โบราณ มีลานหน้าบ้านและสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ล้อมอยู่รอบๆ เต็มไปด้วยกลิ่นอายของตระกูลที่มั่งคั่ง ปกติจะไม่มีคนอยู่ มันจะถูกใช้งานก็ต่อเมื่อมีกิจกรรมขนาดใหญ่ภายในตระกูลเท่านั้น

การที่จางหงจูนกับจางหงอี้ตั้งใจจัดการประชุมครั้งใหญ่ของสมาชิกในตระกูลแบบนี้ ก็เพื่อต้องการบีบให้ครอบครัวของจางฉีโม่ขับหลินอิ่งออกไปซะ และถือโอกาสเปิดประเด็นเรื่องหวางจื่อเหวินกับจางฉีโม่ไปด้วย จะได้เข้าไปพึ่งพาบารมีของตระกูลหวางสักที

ในตอนนั้น ก็ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมเสื้อกันลมสีแดงเดินเข้ามา เธอมาพร้อมกับรอยยิ้มอันซุกซนบนใบหน้า

หลินอิ่งมองไปยังหญิงสาวที่โดดเด่นคนนั้นแล้วขมวดคิ้วเบาๆ จากนั้นก็ถามไปว่า “คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ?”

เขามองไปรอบๆ แล้วก็ได้สังเกตเห็นว่าทางซอยเล็กๆ ที่อยู่ไกลๆ ได้มีบูกัตติคันแดงจอดอยู่ ไอ้หกไอ้เจ็ดได้นั่งอยู่ภายในรถคันนั้น

“ก็ตั้งใจมาดูอะไรสนุกๆ หน่ะสิคะ” หวางหงหลิงขำออกมา “มาดูคนบางคนถูกถีบออกจากบ้านไป”

หลินอิ่งพูดขึ้น “ผมว่าคุณอาจจะมาเสียเที่ยวก็ได้นะครับ”

“หือ! นี่คุณยังจะปากแข็งอยู่อีกเหรอคะ?” หวางหงหลิงส่งเสียงในลำคอ “คุณกำลังกลัวจะตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? กลัวว่าจะถูกหวางจื่อเหวินแก้แค้นคุณ แม้แต่ตอนที่ไอ้หกแอบสะกดรอยตาม คุณยังกลัวว่าจะทิ้งร่องรอยเอาไว้เลยไม่ใช่เหรอ? หลายวันมานี้คุณคงแอบไปซ่อนตัวอย่างหวาดกลัวอยู่ในรูไหนสักรูสินะ!”

“คนตระกูลจางได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะขับไล่คุณออกไป ที่บริษัทคุณก็ไม่กล้าไป บ้านก็ไม่มีให้กลับ ดูสิต่อไปคุณจะใช้ชีวิตอยู่ต่อยังไง!”

หลินอิ่งพูดพร้อมรอยยิ้ม “นี่คุณสนใจเรื่องของผมขนาดนี้เลยเหรอครับ?”

หวางหงหลิงหน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นก็ตะคอกออกมา “เจ้ก็แค่ต้องการมาสมน้ำหน้าคุณเท่านั้น มีปัญหาเหรอ? คุณไปสร้างปัญหาให้ฉันที่หมิงเป่าซวน ไหนจะเรื่องที่คุณมาหลอกใช้ฉันอีก!”

“เจ้เองก็อยากมาดูเหมือนกันว่า คนอย่างคุณจะถูกทำให้อับอายได้ถึงขนาดไหน กล้าปฏิเสธงานของฉัน คุณก็ต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาแบบนี้แหละ!”

หลินอิ่วยิ้มออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไร

และในตอนนั้นเองก็ได้มีบีเอ็มสีน้ำตาลคันหนึ่งได้ขับเข้ามา อู่เจิ้งนั่งอยู่ตรงที่นั่งฝั่งคนขับ ครอบครัวของจางฉีโม่ได้มาถึงแล้ว

ในขณะที่จางฉีโม่กับจางซิ่วเฟิงยังนั่งอยู่ในรถ ลู่หย่าฮุ่ยก็ทนไม่ไหวกระโดดลงจากรถ แล้วเริ่มด่าทอหลินอิ่งขึ้นมาทันที

“หลินอิ่ง หลายวันนี้แกไปหลบอยู่ที่ไหนมา ที่บริษัทก็ไม่กล้าเสนอหน้าไป ได้ข่าวว่าแกไปทำร้ายหวางจื่อเหวินด้วยสินะรนหาที่ตาจริงๆ เลยนะแก!”

ลู่หย่าฮุยยิ้มเยาะเย้ย วางท่าเหมือนเตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี “โชคยังดีที่ฉันรู้ทันแล้วขับแกออกจากบ้านไปก่อนถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะถูกคนอย่างแกทำร้ายไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้!

พูดจบ ลู่หย่าฮุ่ยก็หรี่ตามองไปยังหวางหงหลิง ย่นจมูก จากนั้นก็ทำหน้าประมาณว่าอย่างนี้นี่เอง

“ผู้หญิงคนนี้สินะที่แกเคยออกไปใช้ชีวิตเหลียวแลด้วยหน่ะ? แกนี่ช่างใจกล้าเหลือเกินนะ! ที่กล้าพานังผู้หญิงคนนี้มาเหยียบที่บ้านตระกูลจางแบบนี้?”

ลู่หย่าฮุ่ยสบถออกมา จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางที่เหยียดหยามว่า “หน้าไม่อายเลยสักนิด! ต่อไปถ้าไม่มีฉีโม่คอยให้ท้ายแกแล้ว แกก็จะไม่มีโอกาสได้เข้าไปหาเงินในบริษัทอีก! ดูสิว่านังแพศยาคนนี้ยังจะคอยติดตามแกอยู่อีกรึเปล่า!”

“นี่คุณพูดอะไรออกมาคะ?” หวางหงหลิงหางตากระตุก จากนั้นก็ถามไปด้วยความโมโห สีหน้าเดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง หลังถูกคำพูดของลู่หย่าฮุ่ยเสียดแทงเข้า

“ฉันพูดอะไรอย่างนั้นเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะพิจารณาหวางหงหลิงอยู่ “ฉันว่าเธอเองก็หน้าตาสวยใช้ได้เลยนะ แต่ทำไมถึงได้ไร้ยางอายขนาดที่มายุ่งกับคนที่แต่งงานแล้วแบบนี้? ไม่ไปเลือกคนที่มันดีกว่านี้ล่ะ จะมาเลือกคนไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่งอีกทำไม?”

“ฉันจะบอกอะไรให้นะ คุณผู้หญิง ที่หลินอิ่งมีกินมีใช้อย่างทุกวันนี้เนี่ย มันก็แค่ได้รับความช่วยเหลือจากฉีโม่ของเราเท่านั้น แต่อีกเดี๋ยวมันก็จะถูกเราขับไล่ออกไปแล้ว เธออย่างได้เข้าใจผิดคิดว่าเขายังเป็นคนของตระกูลจางอีกล่ะ มีเงินแค่นิดหน่อย แถมยังไม่หาเรื่องคุณชายของตระกูลหวางเข้าแล้วด้วย ถ้าเธอยังคิดจะอยู่กับเขาต่อไประวังต่อไปจะไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนนะ!” ลู่หย่าฮุ่ยยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ “หลินอิ่ง ต่อไปแกเองก็อย่าได้คิดที่จะใช้ชื่อเสียงของตระกูลจางไปหลอกผู้หญิงอีกล่ะ ดูแกน่าจะชอบสร้างภาพต่อหน้าสาวๆ น่าดูเลยนะ”

หลินอิ่งได้แต่ส่ายหน้าอย่างเงียบๆ ลู่หย่าฮุ่ยนี่ช่างโวยวายเก่งซะจริง

ด้วยพฤติกรรมที่เธอแสดงออกไป ถ้าเกิดเธอรู้ว่าหวางหงหลิงเป็นถึงคุณหนูของตระกูลหวางละก็ เธอคงจะถูกตบตาบวมเลยมั้ง

“นี่คุณ!” หวางหงหลิงโกรธจนหน้าแดง ตอนแรกก็ตั้งใจที่จะตบไปสักฉาดสองฉาด เธอทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วผลักลู่หย่าฮุ่ยไปทีหนึ่ง

“โอ้ย!”

ลู่หย่าฮุ่ยแสร้งทำเป็นล้มลงกับพื้น จากนั้นก็มองมาที่หลินอิ่งกับหวางหงหลิงด้วยใบหน้าที่โกหกแค้น นอนอยู่บนพื้นแล้วส่งเสียงร้องออกมา

“ไอ้หย๋า! หลินอิ่ง! ไอ้คนเนรคุณ นี่แกกล้าสั่งให้นังแพศยาคนนี้ให้มาทำร้ายฉันอย่างนั้นเหรอ? คุณคะ ลูกรัก! รีบมาดูเร็ว มันคิดจะต่อต้านแล้ว!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset