บทที่91 นำอาวุธออกมา
ชุมชนสุ่ยหยวน หน้าบ้านของหลินอิ่ง
สองสามีภรรยาจางซิ่วเฟิงกำลังเจรจากับชายหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งอยู่ด้านล่าง
หวางจื่อเหวินสวมสูทสีแดงไวน์แสดงถึงความมั่นใจ ในมือถือช่อดอกกุหลาบสีน้ำเงินสวยสด
“คุณลุงคุณป้า ดูเอาเถอะ แค่ให้ฉีโม่ออกมาพบปะกันสักหน่อย เย็นนี้ผมก็จะเลี้ยงข้าวเธอ” หวางจื่อเหวินพูดยิ้มๆ
“นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆของคุณลุงคุณป้า”
พูดๆอยู่ หวางจื่อเหวินก็ยื่นกล่องของขวัญสองกล่องให้กับมือของลู่หย่าฮุ่ยกับสามี
ลู่หย่าฮุ่ยเปิดกล่องของขวัญออกเบามือก่อนจะปรายตามองเล็กน้อย ทันใดนั้นหัวใจก็พองโต ดวงตาเบิกกว้างในเสี้ยววินาที
ในกล่องนี้เต็มไปด้วยธนบัตรสีเทาหนาเป็นตั้งๆ อย่างต่ำๆก็ต้องมีสักล้านนึงได้!
ลู่หย่าฮุ่ยระริกระรี้อยู่ในใจ สมกับเป็นคุณชายใหญ่จากตระกูลหวาง อยู่เป็นอะไรขนาดนี้ เปย์ทีนึงก็อลังการซะขนาดนี้ ขนาดยังไม่ได้คบกับฉีโม่ก็ยอมลงทุนใหญ่ขนาดนี้ ดีกว่าอีตาหลินอิ่งไร้ประโยชน์นั่นตั้งไม่รู้เท่าไหร่!
“ตายแล้ว ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ก็ได้ค่ะคุณชายหวาง เดี๋ยวป้าจะเรียกฉีโม่ลงมาเดี๋ยวนี้เลย ให้หนุ่มๆสาวๆเขาได้พูดคุย กินข้าวกัน หรือจะเดินซ็อปปิ้ง ดูหนังก็ว่ากันไป” ลู่หย่าฮุ่ยพูดพร้อมกับยิ้มตาหยี
“คุณชายหวางอย่าถือโทษไปเลย ฉีโม่เด็กคนนี้ ก็เขินนั่นแหละ ถึงได้นอนดูทีวีอยู่บ้าน” จางซิ่วเฟิงพูดยิ้มๆ ราวกับรู้สึกประทับใจต่อหวางจื่อเหวินเป็นอย่างมาก
“ใช่แล้วคุณชายหวาง ความคิดของผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ไม่ใช่ว่าอยากจะหลบหน้าคุณชายหรอกค่ะ อย่าถือสาแกเลย ส่วนของแพงๆพวกนี้ เดี๋ยวป้าจะคุยกับฉีโม่แกให้ก็แล้วกันนะคะ!” ลู่หย่าฮุ่ยเองก็พูดไปยิ้มไป กลัวว่าคุณชายหวางจะขุ่นเคืองเรื่องนี้
มาคิดดูเจ้าลูกสาวตัวดีนี่ก็จริงๆเลย แค่ได้ยินว่าหวางจื่อเหวินมา ก็หลบอยู่ในบ้านเป็นตายก็ไม่ยอมออกมาเจอหน้า ไหนจะของกำนัลแบรนด์เนมที่หวางจื่อเหวินเอามาให้ครั้งก่อนพวกนี้อีก ก็โยนทิ้งไว้ตรงข้างล่างเนี่ย ไม่เข้าใจจริงๆว่าในหัวกำลังคิดอะไรอยู่!
ขนาดไอ้คนไร้ประโยชน์อย่างหลินอิ่งยังกล้านอกใจแบบเปิดเผย แถมเกาะผู้หญิงกินหน้าด้านๆ
ลูกสาวของพวกเขาที่เพียบพร้อมไปทุกด้านอย่างฉีโม่ ทำไมจะไม่มีสิทธิวิ่งหาความสุขให้ตัวเองบ้าง?
“ไม่เป็นไรครับคุณลุงคุณป้า ผมเข้าใจดี” หวางจื่อเหวินทำท่าอย่างคนจิตใจดีพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“เอาล่ะ ซิ่วเฟิงคุณเองก็ไม่ต้องโทรแล้ว ขึ้นไปเรียกฉีโม่ลงมาสิ” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ให้ลูกเราไปกินข้าวดีๆสักมื้อเป็นเพื่อนคุณชายหวางอุตส่าห์ส่งของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้มา ควรจะเลี้ยงข้าวสักมื้อเป็นการแสดงความขอบคุณ ไม่ใช่มาโยนของขวัญทิ้งๆขว้างๆแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?”
“ได้” จางซิ่วเฟิงหมุนตัวเตรียมจะขึ้นข้างบน
หวางจื่อเหวินเผยรอยยิ้มขึ้นบนมุมปาก พ่อแม่ของจางฉีโม่นี่จัดการง่ายชะมัด
แค่ใช้เงินนิดหน่อยก็ทำให้พวกเขามาอยู่ฝั่งเดียวกับตัวเองได้ ไหนจะช่วยสร้างโอกาสกับสถานการณ์ให้อีก
ใช้วิธีนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นานจางฉีโม่ก็ต้องตกมาอยู่ในมือเขาจนได้
ไอ้สวะหลินอิ่งนั้น มันทำเขาขายหน้าตอนอยู่ที่หมิงเป่าซวน ไหนจะกล้าใช้อำนาจของหวางหงหลิงมาเหยียบย่ำเขาอีก
แค่คิด แววตาของหวางจื่อเหวินก็ปรากฏความแค้นออกมา จะต้องจัดการกับเมียของไอ้้วะนั่นให้ได้ แล้วค่อยชำระบัญชีกัน ทำให้หลินอิ่งมันเห็นว่าเมียของมัน ที่ตัวมันเองไม่มีปัญญาจะแตะต้อง แต่เขาจะย่ำยีจะเล่นๆขว้างๆยังไงก็ได้
มีแค่วิธีนี้ที่จะล้างความอัปยศของเขาได้!
“อย่าไปเรียกฉีโม่เลยครับ”
ทันใดนั้น เสียงเย็นเฉียบก็ลอยเข้ามา
หลินอิ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาปรายหางตามองหวางจื่อเหวิน
“หลินอิ่ง?” ลู่หย่าฮุ่ยขมวดคิ้ว แล้วถามด้วยความสงสัย “นายมาได้ยังไง?”
หวางจื่อเหวินหันศีรษะกลับไปในทันที ชายหนุ่มจ้องหลินอิ่งตาเขม็ง ความโกรธแค้นผุดขึ้นมาทันที
“ไอ้้สวะนี่ยังกล้าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีกหรอ?” หวางจื่อเหวินโมโหขีดสุด อยากจะเข้าไปจบบ้องหูหลินอิ่งสักที
แต่ไม่นาน เขาเห็นสายตาเย็นชาของหลินอิ่ง จึงถอยกลับมาสองสามเก้าอย่างไม่ตั้งตัว
ลึกๆแล้วหวางจื่อเหวินไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับหลินอิ่ง แต่เขาก็รู้ดีว่าหลินอิ่งเคยฝึกวิทยายุทธ์ ถ้าสู้กันตัวต่อตัวแน่นอนว่าเขาสู้ไม่ได้ จึงทำเพียงกลั้นโทสะ ไม่กล้าเดินเข้าไปลงไม้ลงมือ
“หลินอิ่ง แกมาที่นี่คิดจะทำอะไร?” หวางจื่อเหวินใช้เสียงเย็นพูดขึ้นมาอีกครั้ง “คิดจะมาสร้างความวุ่นวาย? หวังจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับฉีโม่งั้นสิ?”
“ก่อนหน้านี้มีครั้งไหนไหมที่ไม่ใช่เพราะได้หวางหงหลิงคอยถือหางแก? ตอนนี้กล้าจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉัน” สีหน้าของหวางจื่อเหวินไม่แยแส เขาพูดพร้อมกับแสยะยิ้ม
“ถ้าแกหัดสำเหนียกตัวสักหน่อย หลบอยู่หลังกระโปรงผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดตาขาว ดูท่าทางฉันคงไม่มีโอกาสได้แก้แค้นแหงๆ” สีหน้าของหวางจื่อเหวินค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน แฝงไปด้วยความเสียดสีเยาะเย้ย “กล้าโผล่หน้าออกมา หาที่ตายแท้!”
ลู่หย่าฮุ่ยมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าไม่ยี่ระ ในใจลอบยิ้ม
หลินฮุ่ยไอ้หมอนี่มันไม่รู้จักกลัวตายจริงๆ หลงคิดว่าตัวเองมีคุณหนูแห่งตระกูลหวางมาติดพันแล้วตัวเองจะทำอะไรก็ได้ ถึงได้เป็นฝ่ายท้าทายหวางจื่อเหวินวอนเจ็บตัวถึงขนาดนี้
หวางหงหลิงไม่ได้อยู่ข้างกายไม่ได้มาออกหน้าช่วย หมอนี่จะต่างอะไรกับคนแขนขาด้วน? ยังมาทำอวดดี
ดีเหมือนกัน ครั้งนี้ให้หวางจื่อเหวินสั่งสอนมันสักที จะได้รู้ว่าสถานะของตัวเองมันเป็นยังไง จากนั้นก็กลับมาแทบเท้าฉีโม่ ถึงเวลานั้นค่อยหาวิธีลดทอนคุณค่าของมันที่มีต่อคุณหนูตระกูลหวางซะ
“หลินอิ่ง เอาแบบนี้เถอะ ในฐานะที่แกยังเป็นลูกเขยของตระกูลเรา ฉันจะช่วยขอร้องคุณชายหวางให้ ก่อนที่มันจะไปกันใหญ่” ลู่หย่าฮุ่ยว่า “คุณชายหวาง ที่ผ่านมาหลินอิ่งทำผิดกับคุณมามาก คุณชายอยากจะให้ขอโทษหรือมอบกระเช้าก็แล้วแต่เลย เราสองคนถือวิสาสะตัดสินใจแทนหลินอิ่ง ให้เขาทำตามที่คุณชายว่าทุกอย่าง!”
หวางจื่อเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย จะทำตามที่เขาว่างั้นหรอ งั้นวันนี้เห็นทีต้องตัดมือทั้งสองข้างออกมา จากนั้นก็ให้ไอ้หมอนี่คุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้าน เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน
แต่ว่า ขนาดพ่อแม่ของจางฉีโม่เองก็เอ่ยปากมาแล้ว เห็นทีชักจะสนุกแล้วสิ ถ้าให้หลินอิ่งต้องขายหน้าต่อหน้าพ่อตาแม่ยาย ก็นับว่าไม่เลว
ยังไงซะเมื่อถึงเวลานั้น เขายังจะไล่หรือไม่ไล่บี้หลินอิ่ง มันก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเขาไม่ใช่หรอ?
“แฮ่มๆ คุณลุงคุณป้าครับ ผมเป็นคนทำอะไรใช้เหตุใช้ผล ในเมื่อพวกคุณเอ่ยปากมาซะขนาดนี้ ผมจะปล่อยผ่านให้ก็ได้” หวางจื่อเหวินเริ่มได้ใจ เขาทำท่าประหนึ่งคนที่ถือไพ่เหนือกว่าแล้วพูดต่อ “เอาแบบนี้แล้วกันครับคุณลุงคุณป้า ให้หลินอิ่งโค้งคำนับผม แล้วพูดคำว่าขอโทษติดกันสามครั้ง ที่สำคัญต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นแค่ไอ้้ขี้ขลาดตาขาวไร้ความสามารถ ส่วนเรื่องที่ผ่านมาผมจะให้มันแล้วๆกันไป!”
“ดูซิ คุณชายหวางเขามีเหตุมีผลขนาดไหน แกยังมีหน้าจะหาเรื่องทำร้ายร่างกายเขาอีก?” ลู่หย่าฮุ่ยทำเสียงจิ๊จ๊ะ “หลินอิ่ง ครั้งนี้ถือว่าฉันช่วยแกสุดๆแล้วนะ? เร็วเข้า รีบโค้งตัวขอโทษซะ”
“ยังยืนบื้อทำไมอีก? กะอีแค่ยอมรับว่าตัวเองเป็นไอ้้ขี้ขลาดตาขาวมันยากมากหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
ไอ้หมอนี่มันยังทำท่าเหมือนกลัวเสียหน้าอีกหรอ? คนเขารู้กันทั่วว่ามันเกาะผู้หญิงกิน แถมเกาะผู้หญิงตั้งสองตระกูล
หลินอิ่งแค่นหัวเราะ เขาไม่แม้แต่จะเสียน้ำลายพูดกับลู่หย่าฮุ่ยแม้แต่นิดเดียว
“บอร์ดี้การ์ดของคุณชายหวางอยู่ตรงนั้น ถ้าแกไม่ทำตาม อีกเดี๋ยวตอนจบหน้าแกจะไม่เหลือแม้แต่นิ้วเดียว! ฉันหวังดีกับแกหรอกนะรู้ไหม?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดเสียงเย็นชา
หลินอิ่งคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม หวังดีกับเขา?
“ฉันจะให้โอกาสแค่หนึ่งนาที หลินอิ่ง ถ้าไม่เห็นแก่หน้าคุณลุงคุณป้า ฉันจะเรียกบอร์ดี้การ์ดเข้ามาตอนนี้แล้วเล่นจนแกต้องลงไปนั่งคุกเข่าให้ฉัน เข้าใจหรือยัง?” หวางจื่อเหวินพูดอย่างคนได้ใจสุดๆ
“ก็ลองเรียกบอร์ดี้การ์ดแกเข้ามาดูสิ” หลินอิ่งหันไปมองหวางจื่อเหวิน แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าท้าทาย
หวางจื่อเหวินจ้องหลินอิ่ง ไอ้สวะนี่ท่าทางมันจะตัวพองใหญ่แล้ว รอบนี้หวางหงหลิงไม่ได้อยู่ด้วย มันยังมีอะไรมาอวดดีอีก?
“ไปเอาเด็กๆบนรถมา!” หวางจื่อเหวินแสยะยิ้ม เขากดโทรออกด้วยความโอหัง