ผู้ชายหนึ่งกำลังคนโดนผู้หญิงสองคนเบียด
ทั้งคู่ที่มีความคิดที่ต่างกันสุดขั้ว เมื่อจี้ซูพูดออกไปแล้ว แต่ก็ไม่ทำให้อวี่ชูหน้าชา อาย หรือสีหน้าเปลี่ยนเลยแม้แต่นิด
อวี่ชูกลับยื่นมือไปกอดแขนอีกข้างของจี้ผิงโจว แน่นจนใบหน้าแทบแนบกับแขน
ยิ้มหน้าละลื่น ไม่มีความอายเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันรู้ว่าพี่โจวโจวแต่งงานแล้ว วันนี้ก็กะจะมาเจอหน้าพี่สาวเสียหน่อย ทำไมถึงไม่พาเธอมาด้วยล่ะ? ”
เรื่องระหว่างผู้หญิง จี้ผิงโจวเองไม่อยากที่จะยุ่ง
จี้ซูคงจะจัดการเองได้ เธอกอดอกพร้อมกับมองไปที่อวี่ชู พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “พี่สาว? พี่สะใภ้ของฉันอายุน้อยกว่าคุณตั้งสองปี ดูแล้วคงไม่ได้อยากจะเป็นน้องสาวหรอก คงอยากจะเป็นอย่างอื่นหรือเปล่า? ”
พูดแบบนี้ก็เกินไป
จี้เหยียนเซียงที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ไม่สบายตั้งแต่ออกจากบ้าน วันนี้ฝนตกด้วย เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบ : “เสี่ยวซู อย่าพูดไปเรื่อย”
เมื่อได้ยินจี้เหยียนเซียงพูดขึ้น อวี่ชูก็รู้สึกเหมือนตัวเองมีที่พึ่งขึ้นมา รีบประจบสอพลอทันที อีกอย่างเธอก็เคยได้ยินมาว่า
จี้เหยียนเซียงไม่ชอบภรรยาของจี้ผิงโจว
เมื่อเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ ฉันรู้ว่าเสี่ยวซูอายุยังน้อย ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง ฉันเข้าใจค่ะ”
จี้ซูหัวเราะแห้งขึ้นมาทันที : “เธอเรียกใครว่าพี่สาวเหรอ ไปเอาใครมาเป็นพี่สาวเหรอ? ”
เธอพูดออกไปอย่างไม่เกรงกลัว
เมื่อก่อนแค่อยู่กับจี้ผิงโจว อวี่ชูก็โดนน้องสาวของเขาหาเรื่องไม่หยุดไม่หย่อน ตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม
โต้กันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง
หน้าของเธอก็เริ่มแดงขึ้นมา พร้อมกับบีบแขนของจี้ผิงโจว ส่งสัญญาณให้เขาช่วยพูดแทนหน่อย
ลิฟต์ที่มีผิวเป็นสเตนเลสสีเงิน
สะท้อนเงาของพวกเขา เมื่อจี้ผิงโจวเดินเข้ามา เขาสงบนิ่งดุจน้ำ แววตาเป็นประกาย ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ ทั้งสิ้น
จนอวี่ชูตั้งใจบีบแขนของเขานิดหน่อย
เขาจึงขมวดคิ้ว ดึงแขนออกมาด้วยสีหน้าเย็นชาๆ พอดีกับที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวขึ้นช้าๆ : “พวกเธอฉีดน้ำหอมมาใช่หรือเปล่า อย่ามาใกล้ฉันขนาดนั้น”
ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก
เขาเดินเข้าไปในลิฟต์เป็นคนแรก เป๋ยเจี่ยนยืนขวางประตูอยู่ข้างๆ จี้ซูถลึงตาใส่อวี่ชูพร้อมกับกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ ในตอนแรกเธอเองกำลังพยายามใจเย็นอยู่ แต่เจอจี้ผิงโจวพูดมาแบบนี้ เธอจึงรู้สึกหน้าชาและหน้าเสียเข้าไปใหญ่
ขนาดเดินเข้าที่แคบ เธอก็ยังไม่กล้าจะเดินเข้าใกล้จี้ผิงโจวเลย
ก่อนออกจากบ้านแม่นมได้เตือนเธอไว้
จี้ผิงโจวจมูกไวต่อกลิ่นมาก เขาไม่ชอบกลิ่นฉุน เป็นผลสืบเนื่องมาจากโรคหอบหืดของเขา เธอเองไม่ได้เชื่อ ยังจะฉีดน้ำหอมที่ตัวเขาเคยชอบตอนที่คบกัน
กลับโดนเขาพูดออกมาอย่างเย็นชาแบบนี้
จี้ผิงโจวเป็นสุภาพบุรุษที่อายุ 20 กว่า เขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์
เขาถูกขนาดนามว่า อ่อนโยนและมีคุณธรรม
แต่หลังจากเขาแต่งงานแล้ว ก็เปลี่ยนไปเลย เย็นชาประดุจน้ำแข็ง เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น เงียบสนิทและเยือกเย็น
สัมผัสที่หกของผู้หญิง
จี้ผิงโจวไม่ได้มีความสุขกับงานแต่งนี้
ลิฟต์ใกล้จะปิดลงแล้ว ช่องประตูเหลือเพียงนิดเดียว จู่ๆ มีมือคู่หนึ่งยื่นมือเข้าขวางประตูไว้ เซนเซอร์ของประตูลิฟต์ตรวจจับถึงแรงต้าน ประตูจึงเปิดออกอีกครั้ง
ผู้ชายที่วิ่งเข้ามาเขาเปียกชุ่มไปด้วยฝน แว่นของเขาเต็มไปด้วยหมอกไอ เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ อาจจะเป็นเพราะเขาวิ่งเร็วเกินไป จึงพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
“ผมรู้ครับ ไปถึงผมจะรีบไปขอโทษทันที เพราะฝนตกรถก็เลยติด ทางฝั่งคุณป้าฟู่ผมจะเข้าไปอธิบายเอง” เขาดูสุภาพ หน้าตาสะอาดสะอ้าน : “โอเคครับ ผมรู้ว่าเธอเพิ่งจะหย่ามา ผมจะระมัดระวังให้มากครับ”
ชั้นที่เขาจะไปคือชั้นที่ห้า
เมื่อถึงแล้ว
เขาก็วิ่งออกไปทันที จี้ผิงโจวมองประตูลิฟต์ที่กำลังปิดลงช้าๆ
คุณป้าฟู่ เพิ่งหย่าร้างมาไม่นาน……
ประโยคพวกนี้ถูกประกอบเป็นฉากหนังเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที แต่ก่อนที่มันจะสมบูรณ์มันก็สลายหายไป เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเหอเจิง ผู้หญิงที่มีนิสัยทะนงตนคนนั้น ให้ตายเธอก็คงไม่มีวันมาดูตัวอย่างแน่นอน