อาหารมื้อนี้ จี้ผิงโจวร่วมทานได้เพียงครึ่งเดียวก็ออกไปกลางคัน
ที่ผ่านมาเขามารยาทดีมาก โดยเฉพาะการรับประทานอาหารกับผู้หลักผู้ใหญ่ เขาเป็นคนขอชนแก้ว แสดงความเคารพตลอดเสมอ กลับไปก่อนมื้อหารจบลงก็น้อยมาก
แต่ช่วงนี้ เขาทำสิ่งเหล่านี้ค่อนข้างบ่อยมาก
ออกไปกลางคันแบบนี้ อย่าว่าแต่คนบ้านตระกูลอวี่เลย แม้แต่จี้เหยียนเซียงก็ยังสีหน้าไม่ค่อยดี
จี้ผิงโจวเพียงแค่กล่าวขอโทษ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปจากร้านอาหารไปเลย
เขาเดินเร็วมาก
ไม่ทันได้สังเกตว่ามีผู้หญิงเดินตามหลังมาด้วย ในขณะที่เขากำลังรอลิฟต์อยู่ จู่ๆ ก็มีมือเข้ามาจับแขนของเขาไว้ แขนถูกจับไว้แน่นโดยที่เขาไม่ทันได้ระวังตัว
อวี่ชูหน้าตาบึ้งตึง ดวงตาราวกับเมล็ดอัลมอนด์ แหงนหน้าขึ้นมามองจี้ผิงโจว ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น
“พี่โจวโจว พี่ยังไม่ยกโทษให้ฉันใช่ไหม? ”
ไม่งั้นคงจะไม่พูดคำพูดพวกนั้นกับเธอบนโต๊ะอาหาร
แต่เธอไม่รู้เลย จี้ผิงโจวไม่ได้กำลังประชดเธอ เขาเพียงแต่พูดคำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ เขาไม่ได้ทะนุถนอมไม่อ่อนโยนตั้งแต่แรกแล้ว แม้ว่าในตอนแรกเขาจะเป็นคุณชาย* ที่เย่อหยิ่งต่อเหอเจิง แต่คนที่ยอมทนกับนิสัยของเขาได้ ก็มีเพียงเหอเจิง ผู้หญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้น
จี้ผิงโจวที่กำลังจะดึงมือของเขาออกมา
แต่อวี่ชูกลับกอดแขนของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย : “ฉันรู้ว่าตอนแรกฉันโกหกพี่มันไม่ถูกต้อง ฉันไม่ควรจะเชื่อฟังคำพูดที่บ้าน ฉันโกหกความรู้สึกของพี่เพื่อประโยชน์ของครอบครัว แต่พอมาตอนหลัง……ฉันก็……”
“ปล่อยได้ไหม? ” ราวกับว่าจี้ผิงโจวไม่ได้ฟังคำพูดที่เธอกำลังพูดบรรยายความรู้สึกเลย ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยว่างเปล่า : “อีกเดี๋ยวจะมีพายุไต้ฝุ่น คนคนนั้นที่อยู่ที่บ้านของฉันเธอกลัว ฉันจะต้องรีบกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
ประโยคนี้เป็นเหมือนคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิตอวี่ชูอย่างสมบูรณ์
แต่ที่เธอกลับมาครั้งนี้ก็เพราะจี้ผิงโจว จะปล่อยมือไปง่ายๆ ได้ยังไง : “พี่โจวโจว ฉันได้ยินมาแล้ว ว่าเป็นวิวาห์สายฟ้าแลบ ไม่ได้เกิดจากความรัก อีกอย่างที่บ้านของเธอก็……”
“ฉันว่าเธอเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ น่าจะเป็นฉันกับเธอพี่ไม่มีความรู้สึกต่อกันมากกว่า”
“เป็นไปไม่ได้หรอก? ” อวี่ชูเป็นชาวคันเจียง จึงไม่สามารถเสแสร้งแสดงในสิ่งที่เหอเจิงเป็น เกิดและโตในพื้นที่บ้านเกิด จี้ผิงโจวฟังแล้วรู้สึกแย่มาก แต่เธอก็ยังจะหัวรั้นพูดต่อว่า : “เราดีกันขนาดนี้……”
ลิฟต์ใกล้จะมาถึงแล้ว
จี้ผิงโจวดึงของแขนของตัวเองออกจากอวี่ชูอย่างไม่ลังเล พูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย : “ขอโทษด้วย เรื่องเมื่อก่อนนี้ฉันลืมไปหมดแล้ว ตอนนี้ฉันแต่งงานแล้ว”
เขาเดินเข้าไปในลิฟต์ แต่ก็ยังแน่วแน่ ความแน่วแน่แบบนั้น แน่วแน่ในทางที่ไม่ดี เธอวางแผนอะไรบางอย่างในใจ
เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง
จี้ผิงโจวส่งที่อยู่ของเหอเจิงให้เจิ้งหลาง เจิ้งหลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เกียจ : “เธอดื้อเกินไป พูดยังไงเธอก็ไม่ยอมขึ้นรถ”
“เธอไม่ได้เรียกรถเหรอ? ”
“ไม่ รถส่วนตัวถูกขวางไว้เลยออกไปไม่ได้ แท็กซี่ก็เข้ามาไม่ได้ ต้องใช้วิธีขับอ้อมเอา ตอนนี้เธอกำลังเดินไปทางที่รถไม่ติด ให้ตากฝนต่อก็คงจะได้ป่วยแน่ๆ ”
เหอเจิงสุขภาพไม่ค่อยดี เมื่อก่อนเธอมีภาวะเหล็กเกิน จึงทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอ ต่อมาเธอก็ประสบอุบัติเหตุ ร่างกายของเธอจึงเปราะบาง ราวกับกระดาษบางๆ แผ่นหนึ่ง
เพิ่งมาถึงที่จอดรถ จี้ผิงโจวยังไม่ทันจะได้เข้าไปนั่งในรถ เจิ้งหลางก็ส่งข้อความมา : “เธอเรียกรถได้แล้ว ไม่ต้องมาแล้ว ถ้าเธอยังจะไม่ขึ้นรถตอนนี้ ฉันคงได้ระเบิดอารมณ์ใส่เธอแน่”
ออกมาค่อนข้างรีบร้อน
ไม่ได้หยิบร่มมาด้วย
เสื้อของจี้ผิงโจวเต็มไปด้วยฝน น้ำฝนซึมเข้าเนื้อผ้าอย่างรวดเร็ว รอให้แห้ง ก็คงทิ้งรอยคราบที่น่าเกลียดไว้แน่ๆ
เขาเข้าไปนั่งในรถ และไม่ได้คิดว่าจะกลับไปกินข้าวต่อ
เพียงครู่เดียว เจิ้งหลางก็ขับรถย้อนกลับมา เขาลงจากรถพร้อมกับเข้ามานั่งข้างๆ จี้ผิงโจว เปิดกระจกมาจัดทรงผมด้วยคุ้นเคย เขาปรายตามองใบหน้าของจี้ผิงโจว : “เป็นอะไรไป ไม่อยากให้เธอไปเหรอ? ”
“วันนี้เธอมาที่นี่เพราะนัดเจอคนเหรอ? ”
จี้ผิงโจวถามขึ้นแปลกๆ
เจิ้งหลางที่ไม่ค่อยเข้าใจ จึงถามกลับไปว่า : “หมายความว่ายังไง นัดเจอใคร? ”
“น่าจะเป็นคนที่บ้านจัดการให้” พูดจบ เขาก็หัวเราะขึ้นมาคนเดียว : “เนรคุณจริงๆ เลี้ยงเสียข้าวสุก”
พึ่งจะหย่าได้ไม่ถึงครึ่งปี
เหอเจิงก็มองหาที่เกาะใหม่แล้วเหรอ
คราวนี้เจิ้งหลางเริ่มพอจะเข้าใจ มือของเขาที่ยังเสยผมอยู่ จู่ๆ ก็แซวขึ้นมาว่า : “พวกนายหย่ากันแล้ว ทำไมถึงยังไม่ให้อิสระกับเธอ? ”
“ผู้หญิงคนนี้ ไม่มีสามัญสำนึกเลยแม้แต่นิดเดียว”
“พอแล้วมั้งนาย” เจิ้งหลางปัดน้ำฝนบนไหล่ของจี้ผิงโจวเบาๆ : “วันนี้นายไม่ได้มาทานข้าวกับบ้านตระกูลอวี่
“อืม”
เรื่องราวห่วยๆ ของจี้ผิงโจวกับอวี่ชู เจิ้งหลางเองก็รู้เรื่องด้วย ตอนนั้นทั้งคู่ยังเป็นนักเรียน ไม่ว่าจุดจบจะเป็นยังไง มันก็ยังสวยงามเสมอ
แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น
ดูเหมือนว่าอวี่ชูเข้าหาจี้ผิงโจวเพราะมีจุดประสงค์อื่น และถูกเปิดเผยในที่สุด จี้ผิงโจวไม่เหลือเยื่อใยแม้แต่นิดเดียว ให้เป๋ยเจี่ยนเป็นคนส่งเธอกลับบ้าน ไม่นานเธอก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงจบลง
แววตาของเจิ้งหลางคาดการณ์ไม่ได้ สุดท้ายจึงยิ้มพร้อมกับหันหน้าไปมองจี้ผิงโจว : “โจวโจวทำไมน่าสงสารขนาดนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตก็ถูกผู้หญิงหลอกมาโดยตลอด ความรักมีแต่อุปสรรคไม่ราบรื่นเลย”
นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เขาต้องยอมรับ
จี้ผิงโจวเองจึงไม่ได้ปฏิเสธ
แต่เจิ้งหลางกลับชอบโรยเกลือบนแผลสด : “ความรักครั้งที่ผ่านๆ มาสิ้นเยื่อขาดใยและหมดจดขนาดนั้น ทำไมพอกับเหอเจิง ถึงลังเลใจขนาดนี้ล่ะ”