ถึงแม้จะบอกว่างานเลี้ยงเลิกแล้ว
แต่ก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มยังไม่กลับ อาจจะเป็นเพราะฝนตกหนักทำให้การเดินทางค่อนข้างลำบาก ป้าหมิงจึงจัดแจงให้พวกเขาได้หลบพักอยู่บริเวณโต๊ะเล่นไพ่หมากล้อมในห้องโถงรับแขก
ป้าหมิงค่อยๆแทรกตัวเข้าไป จากนั้นไปกระซิบข้างหูคุณนายฟางว่า “คุณชายสี่มาแล้วค่ะ คุณนายจะไปเจอเขาไหมคะ?”
“ตอนนี้?”
“ใช่ค่ะ เขาถึงแล้วอยู่ที่ห้องรับแขก”
จากนั้นคุณนายฟางก็หยิบไพ่ขึ้นมาหนึ่งใบ และพูดกับทุกคนว่า “ตานี้ฉันชนะ เกมคงต้องจบแล้วล่ะ ทุกคนก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นคุณหญิงคุณนายของเมืองนี้ พวกเธอเล่นไพ่จับไพ่กันมานานจนรู้ว่าใครนิสัยอย่างไรแล้ว
เห็นท่าทีของคุณนายแบบนี้ จึงรู้ว่าคงจะมีแขกคนสำคัญมาแน่นอน
เพราะข้างนอกฝนตกหนัก ทำให้อากาศค่อนข้างเย็น เป๋ยเจี่ยนอยากพูดอะไรสักอย่างเพื่อทำลายบรรยากาศว่า “ที่บ้านตระกูลฟางอากาศเย็นขนาดนี้ ยังไม่เปิดเครื่องทำความร้อนอีก?”
“ทำไมนายเรื่องมากแบบนี้?” จี้ผิงโจวกระทุ้งเขาเบาๆ จากนั้นก็แย่งผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาที่เปียกชุ่ม หน้าของจี้ผิงโจวขาวซีด ทันใดนั้นเขาก็จามออกมา ทำเอาเป๋ยเจี่ยนถึงกับตกใจ
รีบพูดว่า “รู้อยู่แล้วว่าไม่ควรมา ถ้าไม่สบายกลับไปคุณหนูสามต้องพูดอะไรอีกแน่”
ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับ
คุณนายฟางที่เดินมาถึง ก็กระแอมเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น ตากฝนมาเหรอ?”
คำถามฟังดูเป็นห่วงเป็นใย
แต่จี้ผิงโจวฟังแล้วกลับรู้สึกขัดใจ
เขาหันหน้าซีดๆไปมองคุณนายฟาง และรีบลุกขึ้นยืน “ขอโทษด้วยครับ ดึกขนาดนี้แล้วยังมารบกวนคุณอีก เพราะรถติดมาก เราเลยมาสายครับ”
“ใช่ ดึกมาก”
คุณนายฟางพูดจบก็มองจี้ผิงโจวหัวจรดเท้า “เปียกชุ่มขนาดนี้ หรือว่าไปเปลี่ยนใส่ชุดของลู่เป่ยก่อนค่อยมาคุยกับฉันดีไหม?”
ถ้าคนบ้านนี้บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ เห็นท่าว่าจะเป็นเรื่องที่หย่ากับเหอเจิงซินะ
จี้ผิงโจวเงียบครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เหอเจิงล่ะครับ ไม่เห็นเธอเลย”
“เวลานี้เธอหลับแล้วค่ะ”
จากนั้นคุณนายฟางก็พูดต่อว่า “ตอนอยู่ที่บ้านตระกูลจี้ เวลานี้เธอน่าจะกำลังรอคุณกลับบ้านอยู่ใช่ไหม?”
สามปีมานี้ เหอเจิงไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้เหนื่อยเพื่อรอจี้ผิงโจวกลับบ้าน ตอนนี้ไม่มีเขาแล้ว ในที่สุดเธอก็สามารถเข้าเข้านอนเร็วๆได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่รบกวนเธออีกเสียได้
“ช่างเถอะ คุณขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปเจอเธอก่อนค่อยมาเจอฉัน แบบนี้มีปัญหาอะไรไหม?”
แบบนี้คือยอมอ่อนข้อให้ซินะ
เขาพยักหน้ารับทราบ จากนั้นก็เดินตามป้าหมิงไปที่ห้องของฟางลู่เป่ย พอดีกับที่ห้องของฟางลู่เป่ยก็มีเสื้อผ้าไซส์เดียวกับเขา ทำให้เขาใส่ได้พอดีเป๊ะ
จากนั้นป้าหมิงก็พาเขาเดินไปทางห้องของเหอเจิง “คุณหนูเจิงหลับแล้ว ให้ฉันช่วยเรียกเธอไหมคะ?”
หน้าประตูห้องเธอแขวนแผ่นกระดานรูปการ์ตูนอยู่ บนแผ่นกระดานเขียนว่า “เหอเจิงน้อย” ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกนอกl,ilของตระกูลฟาง แต่เธอก็ได้รับความรักความเมตตาอยู่ไม่น้อย และตลอดเวลาสามปีที่อยู่ที่บ้านตระกูลจี้ เรียกได้เลยว่าเธอได้รับความทุกข์ทรมานและยากลำบากมาก
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าไปเอง”
ป้าหมิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆและพูดว่า “ก็ได้ค่ะ เมื่อคุณได้เจอคุณหนูเจิงแล้ว อย่าลืมรีบออกมานะคะ”
“ครับ”
จี้ผิงโจวค่อยๆผลักประตูเข้าไป ภายในห้องตกแต่งเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา
บานหน้าต่างมุ้งลวดของเธอ เหมือนจะบดบังแสงอะไรไม่ได้มาก เพราะแค่แสงไฟอ่อนๆ จากข้างนอก ก็สามารถส่องกระทบเข้ามาได้
จี้ผิงโจวค่อยๆเดินไปที่หัวเตียงของเหอเจิง
เสียงฝนดังมาก และก็มีเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องตลอดไม่หยุด
เธอขมวดคิ้วอยู่หลายต่อหลายครั้ง
เธอน่าจะกำลังฝันร้าย ปากก็เอาแต่พึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ จี้ผิงโจวอดไม่ไหวอยากจะเรียกเธอให้ตื่น เขาเอามือไปแตะที่ไหล่เธอเบาๆ แต่ยิ่งทำให้เธอยิ่งซุกเข้าไปในผ้าห่ม เขาค่อยๆเอาหูไปใกล้ๆเพื่อฟังว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่
ทันใดนั้นเอง ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง เสียงดังลั่น จากนั้นเหอเจิงก็ตื่นลุกพรวดขึ้นมา และตะโกนลั่นว่า “ซ่งเหวิน!”
เปลวไฟดับลง และคนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่คนในฝัน แต่กลับเป็นจี้ผิงโจว
เขากำลังจะจูบเธอ
ทั้งสองมองตากัน
หลังจากฟ้าร้องหยุดลง จี้ผิงโจวจับคางของเหอเจิงเงยขึ้น แววตาไม่หลงเหลือความอ่อนโยน จากนั้นพูดด้วยเสียงนิ่งว่า “แต่งงานมาสามปี ทุกครั้งที่เธอฝันจะเรียกแต่ชื่อเขาตลอด”
เธอรู้สึกเจ็บ แต่ก็ต่อต้านไม่ไหว
จากนั้นจี้ผิงโจวก็พูดว่า “ฟางเหอเจิง เธอบอกมาซิว่าซ่งเหวินคือใครกันแน่?”