ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 29 คิดว่ารังแกฉันได้เหรอ?

ฝนยังคงตกต่อเนื่อง ตึกเก่าที่ทรุดโทรมราวกับจะพังทลายด้วยฝน อีกทั้งยังมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของเสียงหน้าต่างที่ปะทะกับลม

ทุกๆเสียงและการเคลื่อนไหว ต่างก็กระตุ้นความกลัวของเหอเจิง

เธอรู้สึกคอแห้งผาด คางของเธอเจ็บจนชา สายตาเธอดูเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้า

เขาดูเย็นชามาก และต้องการคำตอบจากเธอ

เหอเจิงเกร็งหน้าเบาๆ และพูดด้วยเสียงน่าสงสารว่า “จี้ผิงโจว ฉันเจ็บ”

เมื่อจี้ผิงโจว ได้สติ

ก็ค่อยๆปล่อยมือจากคางเธอ เขาดูเก้ๆกังๆเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัว จากนั้นก็พูดต่อว่า

“มุขนี้ใช่ไม่ได้แล้ว”

เหอเจิงถามต่อว่า “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”

“ทำไมฉันอยู่ที่นี่?” จี้ผิงโจวพูดซ้ำคำถามของเธอ จากนั้นยิ้มเยาะและตอบว่า “ฟางเหอเจิง เธอคิดว่าเธอจะเปลี่ยนเรื่องได้ง่ายๆเหรอ?”

เธอยังแสร้งพูดต่อว่า “มาฉลองวันเกิดคุณแม่เหรอ? แต่งานจบแล้วนี่”

จี้ผิงโจวตอบว่า “ฉันถามเธอว่า ซ่งเหวินคือใคร หูหนวกหรือไง?”

ได้ยินชื่อนี้ แววตาของเหอเจิงกระตุกวุบเล็กน้อย ก่อนจะหายไปในพริบตา จากนั้นเธอก็หลบตา ไม่กล้ามองหน้าเขา

“ฉันไม่รู้ซ่งเหวินอะไร ฉันไม่รู้จัก”

เธอไม่รู้จัก?

ดูก็รู้ว่าเธอแกล้งโง่อยู่

ตั้งแต่เด็กจนโตเธอชอบแกล้งโง่ไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าใครจะพูดเรื่องไม่ดีของแม่เธอ หรือพูดว่าเธอเป็นลูกนอกสมรส หรือนินทาเธอยังไง เธอก็มักจะทำท่าทีแกล้งโง่ แต่ตั้งแต่เธอแต่งงานกับจี้ผิงโจว เธอก็มักจะถูกขาจับได้เสมอๆ

และเธอก็จะไม่พูดอะไร

“ต้องให้ฉันบอกเธอไหม?”

เหอเจิงได้ยินเสียงเต้นแรงของหัวใจตัวเอง “คุณพูดอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

พูดจบ เธอก็หลบตาอีก

จากนั้นจี้ผิงโจวก็ตอบกลับ ช้าๆชัดๆว่า “หลอกฉันมาสามปี อยู่ดีๆก็อยากจะทิ้งฉัน เธอคิดว่าฉันดูน่าให้ เธอรังแกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ฉันหลอกอะไรคุณ?”

“ตอนนอนก็เอาแต่พร่ำชื่อของผู้ชายคนอื่น แต่เวลาอยู่ข้างนอก ก็แสดงท่าทีว่ารักฉันมากมายเหมือนจะตายให้ได้ ฟางเหอเจิง ถามจริงๆนะ ทำไมเธอแสดงได้เก่งขนาดนั้น?”

ฟางเหอเจิงจะไม่แสดงสีหน้าท่าทีพิรุธอะไร แต่เธอมักจะทำหน้าใสซื่อเพื่อให้อีกฝ่ายคิดผิด

“ตอนแรกฉันก็รักคุณมากเหมือนจะตายนั่นแหละ ไม่งั้นจะแต่งงานกับคุณทำไม แถมยังบริจาคเลือดให้พี่สาวคุณอีก”

“เธอมีอะไรที่พูดจริงบ้างไหม?” จี้ผิงโจวอยากจะควักหัวใจเธอออกมาดูจริงๆว่าใช้อะไรทำ

ในสายตาของเหอเจิง

เธอคิดมาเสมอว่าความรักเป็นของไร้ค่าและไม่มีราคา เธอสามารถยอมรักคนหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ได้ และเธอก็สามารถสลัดคนคนหนึ่งทิ้งเพราะหมดประโยชน์ได้เช่นกัน

เพราะเธอคือลูกนอกสมรส เธอจึงเรียนรู้มาแต่เด็กว่า ถ้าเธอมีสถานะทางสังคมที่มั่นคง เธอก็จะไม่โดนคนของตระกูลฟางขับไสไล่ส่ง

และจี้ผิงโจวก็เป็นผู้ชายในเมืองเหยียนจิงที่เธอเลือกมา และเขาน่าจะดูหลอกง่าย

เขาคิดว่าเขาโง่มาก “ซ่งเหวินอะไรนั่น คือคนแรกที่เธอเลือกใช่ไหม?”

เหอเจิงตาเบิกโพลง มองไปที่จี้ผิงโจว

จากนั้นเธอก็หยิบแก้วที่วางอยู่หัวนอนโยนไปที่เขา แต่เขาก็ไม่หลบ ทำให้แก้วกระแทกตัวเขาอย่างจัง จากนั้นก็ตกพื้นแตกกระจาย

“จี้ผิงโจว ฉันเคยทำเรื่องไม่ดีกับคุณก็จริง แต่สามปีมานี้อะไรที่ชดใช้ได้ฉันก็ชดใช้ให้แล้ว”

เสียงแก้วกระทบพื้น ดังจนทำให้คนด้านนอกได้ยิน

ป้าหมิงและคุณนายฟางรีบมาดู จากนั้นคุณนายฟางก็ตะโกนลั่นว่า “ออกมาเดี๋ยวนี้!”

เพราะบ้านนี้ค่อนข้างเก่า เพราะฉะนั้นในวันที่ฝนตกหนักแบบนี้ จึงมีแต่กลิ่นอับ

เสียงรองเท้าส้นสูงเดินไปทางห้องรับแขก จากนั้นคุณนายฟางก็หันหลังมาตบหน้าเหอเจิงจนหน้าหัน

เหอเจิงไม่รู้ว่าเธอโดนตบแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว

“ขอโทษซะ!”

เหอเจิงหันหน้าไปทางจี้ผิงโจวด้วยผมยุ่งเหยิง อีกทั้งน้ำตาคลอเบ้า พูดว่า “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ควรทะเลาะกับคุณ และยิ่งไม่ควรตีคุณด้วย”

อยู่นอกบ้านเหอเจิงจะขัดหรือต่อต้านจี้ผิงโจวอย่างไรก็ได้ แต่เธออยู่ที่นี้ เธอจะขัดคุณนายฟางไม่ได้

ตั้งแต่เล็กจนโต เป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยน

ไม่ว่าเธอจะผิดหรือจะถูก เธอต้องก็ต้องก้มหัวและกล่าวคำขอโทษก่อนเสมอ

คุณนายฟางมีทีท่าไม่ค่อยพอใจเหอเจิงอยู่ จากนั้นก็หันไปพูดกับจี้ผิงโจวว่า “เรื่องเมื่อครู่ฉันเห็นหมดแล้ว เป็นเพราะฉันอบรมสั่งสอนคนของฉันไม่ดีเอง ไหนๆพวกคุณก็มาถึงจุดๆนี้แล้ว งั้นพวกเราก็จากกันด้วยดีดีกว่า แบบนี้ตระกูลเราทั้งสองก็ยังไม่มีอะไรเสียหน้า”

จี้ผิงโจวกุมมือเหอเจิงและตอบว่า “คุณพ่อผมชอบเหอเจิงมาก และท่านน่าจะไม่ยอมให้พวกเราหย่ากัน”

“แต่เมื่อกี้เธอเพิ่งตีคุณไป ครั้งนี้อาจจะแค่เขวี่ยงปาข้างของใส่ตัว ครั้งหน้าถ้าเธออาจจะขว้างใส่หัวคุณ ฉันจะสู้หน้าครอบครัวคุณได้อย่างไร?”

“ผมก็มีส่วนผิดอยู่”

เหอเจิงหยุดขัดขืนเขา

เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ท่าทางจริงใจของเขา เหมือนตอนย้อนกลับไปช่วงแต่งงานใหม่ๆ

จากนั้น คุณนายฟางก็หันไปทางเหอเจิง และถามว่า “เจิง เธอพูดซิ”

จี้ผิงโจวเดินเข้ามาชิดเหอเจิง และกำลังพยายามกระซิบอะไรบางอย่างกับเธอ ซึ่งเธอฟังไม่ได้ถนัดนัก แต่ที่เธอได้ยินชัดมีอยู่สองคำคือ ซ่งเหวิน

เขากำลังคุกคามเธอ

เหอเจิงคิดว่าเขาต่ำมากที่ใช้วิธีนี้กับเธอ

แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก “ฉันอยากอยู่ที่นี่สักพัก”

คุณนายฟางถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“กำลังคิดทบทวน?”

“ค่ะ”

“แล้วคุณว่าอย่างไร?”

จี้ผิงโจวตอบกลับว่า “ผมเคารพเหอเจิงครับ ช่วงนี้ให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนคุณก็ดีครับ เดี๋ยวผมจะแวะมาหาเธอบ่อยๆ”

เหอเจิงพยายามจะดึงมือออก ในที่สุดก็สำเร็จ

คุณนายฟางสังเกตเห็นการกระทำของพวกเขาดี และรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่การปรึกษาหารือทั่วไป

ฝนตกหนักขึ้นและอากาศก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยมารยาท คุณนายฟางจึงหันไปสั่งป้าหมิงว่า “ไปจัดเตรียมห้องให้กับคุณชายสักห้อง ฝนตกหนักแบบนี้ กลับไปไม่ปลอดภัย”

“ค่ะ ไปตอนนี้ค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ” จี้ผิงโจวห้ามไว้ “ผมนอนห้องเดียวกับเหอเจิงได้ครับ ไม่ต้องลำบาก ทุกคนคงพักผ่อนกันแล้ว เดี๋ยวไปรบกวนคนอื่นเข้า คงไม่ดีครับ”

เหอเจิงไม่เห็นด้วย และเตรียมที่จะเอ่ยปากค้าน แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร จี้ผิงโจวก็รีบทำปากพูดขึ้นว่า “ซ่ง”

เธอรีบหุบปากแทบไม่ทัน จากนั้นก็ตอบอย่างไม่เต็มใจว่า “โอเค งั้นก็นอนห้องฉันแล้วกัน”

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset