การได้นอนเตียงเดียวกันหมอนเดียวกันกับจี้ผิงโจว เหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้
ที่บ้านตระกูลจี้
เขามักจะกลับมาดึกๆ และเมื่อจะนอนก็มักจะหันหลังใส่เหอเจิงตลอด เมื่อถึงเวลาที่เธอตื่น เขาก็มักจะออกไปแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วช่วงแต่งงานที่ผ่านมา ก็เหมือนกับคู่สมรสเธอตายไปแล้วก็ว่าได้
ที่นอนและผ้าห่มเริ่มเย็น
แม้ว่าเครื่องทำความร้อนจะเปิดอยู่ แต่เหอเจิงก็รู้สึกหนาวจนตัวสั่น จากนั้นผ่านไปไม่นานจี้ผิงโจวก็ค่อยๆโน้มตัวนอนลงอีกด้านหนึ่งของเตียง
เธอคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว
แต่เมื่อเหอเจิงเพียงหลับตา เขาก็เอื้อมมาจากด้านหลัง จากนั้นก็โอบรอบเอวของเธอเพื่อให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขา
แขนขาที่เย็นเฉียบของคนเลือดเย็นอย่างเขา เมื่อสัมผัสโดนเธอ ก็ทำให้เธอก็ลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับจ้องไปทางจี้ผิงโจวตาเขม็ง และถามว่า “คุณจะทำอะไร!”
“นอนลงเถอะ ถ้าไม่อยากโดนตบก็นอนเถอะ”
เขานอนอยู่แบบนั้น และพูดเสียงนิ่ง จากนั้นเหอเจิงก็ตอบว่า “ ฉันไม่นอนบนเตียงแล้ว”
ยอมนอนบนพื้น ดีกว่านอนกับเขา
เหอเจิงกอดหมอนแล้วเตรียมจะลุก แต่จี้ผิงโจวก็จับแขนของเธอไว้ จากนั้นดึงเขาไปนอนข้างๆเขา ที่นอนยุ่งเหยิงนั่นได้โอบรัดตัวเธอไว้
เธอหายใจไม่ออก จากนั้นก็ปัดมือไปมา ไม่รู้ว่าโดนอะไร
อากาศ
หรือว่าจี้ผิงโจว
จากนั้นเธอก็สงบลงเพราะโดนจี้ผิงโจวปิดปากไว้ จี้ผิงโจวค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เธอ จนห่างกันแค่คืบ จากนั้นก็พูดว่า “ฟางเหอเจิง เธอต้องการให้ฉันเตือนเธออีกครั้งไหม ว่าเรายังไม่หย่ากัน? ฉันนอนห้องเดียวกับเธอแล้วมันเป็นยังไง? และถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะทำอะไรเธอขึ้นมา เธอคิดว่าคนข้างนอกเขาจะว่าอะไรไหม? ”
“ มีผู้หญิงมากมายรอคุณอยู่ข้างนอก ส่วนผู้หญิงในบ้านคุณคงเบื่อแล้วใช่ไหม?”
เธอจะสู้ไม่ถอย
แสงอ่อนโยนรวมตัวกันรอบใบหน้าของจี้ผิงโจว จากนั้นเขาก็จับหน้าของเหอเจิงหันไปมองหน้าเขา
เขากระตุกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามว่า
“เธอหึงเหรอ?”
“หึงอะไร?” เหอเจิงปัดมือเขาออกจากคางตัวเอง จากนั้นถามต่อว่า “ฉันควรหึงน้องเจิน หรือวว่าหึงสาวน้อยนักศึกษาคนนั้น?”
นี่คือบรรดาชู้ของจี้ผิงโจว
เขาเคยได้ยินเป๋ยเจี่ยนเคยพูดว่า เหอเจิงเคยเจอเจียงเจินที่แผนกขายสินค้า และเด็กสาวคนนั้นก็เห็นสร้อยเพชรเส้นหนึ่งและรู้สึกชอบมาก แต่ว่าสร้อยเพชรเส้นนั้น จี้ผิงโจวได้ทำการจองไว้ให้เหอเจิงก่อนแล้ว
แต่เพราะเหอเจิงเป็นคนใจกว้างและมีเหตุผล
เมื่อรู้ว่าเจียงเจินเป็นที่โปรดปรานในเวลานั้น เธอจึงมอบสร้อยที่จี้ผิงโจวซื้อให้เส้นนั้นให้เจียงเจินไป
แถมยังเป็นคนใส่สร้อยเส้นนั้นให้เจียงเจินด้วยมือเธอเองด้วย จากนั้นยังชมเธอว่า “น้องเจินสวยมากค่ะ ใส่สร้อยเส้นนี้แล้วยิ่งตัดกับผิวขาว ยิ่งสวยไปอีก”
ต่อมาเพราะสร้อยเส้นนั้น ทำให้เจียงเจินโดนจี้ผิงโจวเกลียดไป ทำให้เขาไปหาสาวนักศึกษาเอาะๆคนใหม่มาอีก เป็นนักศึกษาแพทย์ และน่าจะเป็นรุ่นน้องของเขา
เหอเจิงเคยเจอเธอ แต่จำชื่อไม่ได้
ฉันจำได้แค่ว่าเธอเป็นคนอ่อนแอและขี้โรค ตอนเจอเธอ เธอก็มักจะทำตัวลีบและหลบอยู่หลังจี้ผิงโจว จากนั้นตอนกลับไปก็เหมือนจะป่วยหนัก และจี้ผิงโจวก็มาโทษเหอเจิง
เพื่อเป็นการขอโทษเหอเจิงจึงสั่งคนซื้ออาหารเสริมมาจากต่างประเทศให้เธอคนนั้น ราคาของมันแพงมาก แต่ทั้งหมดก็ใช้บัตรของจี้ผิงโจวรูดมา
แม้แต่จี้ซูก็ยังพูด
เหอเจิงต้องการจัดการเหล่านางสนมของจีผิงโจวให้เป็นระเบียบเท่านั้น
เขาปิดปากเธอจากนั้นก็โอบกอดเธอไว้ จากนั้นพูดว่า “ฟางเหอเจิง เธอรู้ไหมเวลาเธอพูดพล่อยๆ ทำให้คนอื่นรำคาญแค่ไหน เพราะฉะนั้น หุบปากซะ”
เธอกัดนิ้วเขาอย่างแรง
จนจี้ผิงโจวทนเจ็บไม่ไหว
“คุณไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นคนเห็นแก่ตัวและใจแคบน่ารำคาญแค่ไหน”
เธอไม่อยากจะเห็นหน้าเขาอีกสักวินาทีเดียว
เหอเจิงรีบมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม หวังว่าจะหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา แต่ขณะที่เธอขยับดิ้นไปดิ้นมานั้น หน้าของเธอก็ได้ไปสัมผัสโดนเขาหลายต่อหลายที
จี้ผิงโจวรีบควานหาเหอเจิงในผ้าห่ม จากนั้นก็พูดว่า “เธอจะทำอะไร ฉันไม่ต้องการให้เราดีกันด้วยวิธีนี้”
“ปล่อย!” เหอเจิงพูดอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นใช้มือและเท้าของเขายกผ้าห่มขึ้น “ฉันจะนอนหันหัวไปทางนั้น ใครจะคืนดีกับคุณ!”
พวกเขาทะเลาะกันอยู่สักพัก ก่อนที่เหอเจิงจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
เมื่อพวกเขาไม่ตื่น
ก็ไม่มีใครกล้าไปปลุก
ทั้งสองนอนหลับจนถึงเที่ยง
เหอเจิงตื่นขึ้นด้วยเสียงฝีเท้าที่อยู่ด้านนอกประตู ตามด้วยเสียงเรียกของป้าหมิง “คุณเจิงตื่นหรือยังคะ แขกมาที่ชั้นล่างกันแล้วและคุณนายบอกให้คุณแต่งตัว แล้วลงมาเจอหน้าทุกคนค่ะ”
แสงยามเช้าที่ส่องทะลุเมฆ สาดเข้ามาในห้อง
เหอเจิงลืมตาขึ้นและเตรียมจะตอบ แต่ก็ถูกหน้านิ่งไม่ขยับของจี้ผิงโจวทำให้เธอตกใจ
เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “มาแล้วค่ะ”
ป้าหมิงยิ้ม“ เร็วเข้าค่ะ”
“โอเคๆ ลุกเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ”
จากนั้นก็ได้ยินป้าหมิงเดินจากไป
“ไม่ใช่ว่าคุณไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะเอาแต่มองฉันหรอกนะ?”
จี้ผิงโจวกระพริบตา ก่อนจะตอบกลับอย่างเคร่งขรึม: “ฟางเหอเจิง เธอดูน่าเกลียดมาก ตอนนอนหลับ”
ไร้สาระ.
“เรานอนด้วยกันครั้งแรกหรือเปล่า?”
“ไม่นี่”
“เพิ่งรู้ว่าฉันขี้เหร่เป็นครั้งแรกเหรอ?”
“ไม่”
เหอเจิงกรอกตาไปมา ก่อนจะลุกจากเตียงและไปหยิบหาเสื้อผ้าที่ฟางลู่เป่ยเอามาจากสวนเหอเฟิงให้
“แขกมาแล้วคุณยังไม่ไปอีกเหรอ?”
เธอหยิบกระโปรงสีขาวมาทาบที่ตัว
จากนั้นจี้ผิงโจวก็ลุกขึ้นนั่ง และพูดว่า “ขี้เหร่”
เหอเจิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่า “งั้นฉันใส่”
บรรยากาศในห้องรับแขกค่อนข้างครึกครื้น
พวกป้าๆอาๆกำลังนั่งคุยกันอยู่ เสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่รวมๆกัน ทำให้ฟังไม่ได้ศัพท์ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
ป้าหมิงที่กำลังรอเหอเจิงอยู่สักพักแล้ว
เมื่อเห็นเธอเดินลงมา ก็รีบเดินไปหาเธอ และทักทายจี้ผิงโจวว่า “คุณลูกเขยสวัสดีค่ะ”
ยังไม่หย่ากัน เรียกแบบนี้ก็คงถูกต้องซินะ
“ใครมาเหรอคะ?”
เหอเจิงถามขณะที่กำลังเดินบันไดลงมา จี้ผิงโจวที่เดินตามอยู่ข้างหลัง ค่อนข้างสูงกว่าเธอ ทำให้เขามองเห็นกลุ่มคนตรงหน้า
คนนั้นสวมสูทและรองเท้าหนัง เขาสวมแว่นตาและดูสง่างาม แต่ในขณะที่เขาพูดคุยอยู่นั้น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดของนักธุรกิจ
ในขณะที่ป้าหมิงกำลังจะตอบ จีผิงโจวก็ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่า “ฟางเหอเจิงผู้มีพระคุณของเธอกลับมาแล้ว”