ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 38 กลายเป็นฉันอีกคน

ฟางลู่เป่ยไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น

ผ่านไปสักครู่ก็มีเกล็ดหิมะลอยออกมา เป็นเกล็ดเล็กๆกระจายฟุ้ง ยังไม่ทันตกถึงพื้นก็กลายเป็นไอเย็นแล้ว อากาศก็เย็นลงหลายองศา ไหล่ของเขาหนาวสั่น หนาวจนกระทั่งจามออกมา

เหอเจิงที่อยู่ไกลจากที่นั่นก็หนาวไม่แพ้กัน แต่ก็เก็บอาการผิดปกติของร่างกายไว้จนปลอบผู้หญิงคนนั้นเสร็จ แล้วเอาเงินให้กับเธอส่วนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยนว่า “ส่งคนขึ้นรถ”

ผู้หญิงรับเงินส่วนนั้น เงยหน้าขึ้นพร้อมกับน้ำตาคลอ มองไปยังฟางลู่เป่ย ภายในแฝงด้วยความรู้สึกแต่ก็ไม่รู้วว่าจะอธิบายยังไง

ก่อนจากไปไม่มีการทะเลาะหรือเถียงกลับอีก แต่กลับมีความเกรงใจแล้วกล่าวขอบคุณฟางเหอเจิง สถานการณ์ที่วุ่นวายและตกใจ ฟางลู่เป่ย ทนไม่ได้ที่จะไม่พูดเหน็บแหนม “ ไม่รู้ในตัวฟางเหอเจิงมีเสน่ห์อะไร แต่เธอสามารถทำให้คนอื่นเชื่อเธอได้”

จี้ผิงโจวมองเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า

เขารู้ตัวว่า ตัวเองพูดผิดอีกแล้ว

ฟางเหอเจิงเหมือนจะเสียพลังงานไปไม่น้อยกับการเดินเข้ามา “คนไปแล้ว จะไม่มารบกวนพี่อีก เข้าไปเถอะ”

ฟางลู่เป่ยไม่ได้ขยับ เล่นไฟแช็คอยู่ในมือ “เด็กดื้อ เธอพูดอะไรกับเขา ไม่ใช่ว่า 2-3 วันผ่านไปกลับมาทำร้ายฉันนะ”

ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ลามมาจากไฟอะไร

เหอเจิงไม่ได้นุ่มนวลเหมือนเมื่อกี้

อ้าปากเป็นเสียงตะคอก “ตอนที่ดีกับเธอทำไมไม่คิดว่าจะมีวันนี้ล่ะ”

“ฟางเหอเจิง เธอเชื่อไหมว่าฉันก็ตบเธอได้”

เธอจ้องมองฟางลู่เป่ย ในตาไม่มีความรู้สึก และไม่ได้กลัวเขา หันหน้าแล้วเดินจากไปเฉยๆ

เหมือนกับว่าชกกับลม เกิดเป็นความคับเค้นใจ แต่ไฟก็ไม่ได้กระจายไปทั่ว ฟางลู่เป่ยเก็บกล่องบุหรี่และไฟแช็คเข้าไปในกระเป๋า หันหน้าไปมองจี้ผิงโจว น้ำเสียงไม่ได้นุ่มนวลแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าเขา

“โจวโจว เข้าไปดื่มชาหน่อยไหม”

เขาส่ายหัว “ฉันจะกลับแล้ว”

“โอเค เดินทางระมัดระวังหน่อยนะ”

ไม่มีคำร่ำลา ฟางลู่เป่ยกำลังจะตามเหอเจิงไป ทันใดนั้น จี้ผิงโจวกลับพูดอย่างแปลกๆว่า “อย่าลงมือจริงล่ะ ยังไงเธอก็ยังเป็นภรรยาของฉัน เกรงใจกันหน่อย”

ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด

ฟางลู่เป่ยหันหน้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “เป็นห่วงล่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนี้ฉันยิ่งต้องตีเธอและถ้าไม่ลงมือหนักหน่อยก็ไม่รู้ว่านายเป็นห่วงแค่ไหน”

คำพูดที่รุนแรงกล้าพูดออกมาแบบนี้หรอ

ความจริงแล้ว

เขาก็ไม่กล้าที่จะตบตีเหอเจิงหรอก

เขารีบตามเข้าไปโดยแทบจะไม่ทันได้ลา ฟางลู่เป่ยยื่นมือออกไปจับไหล่ของเหอเจิงหยุดเธอไว้ “เมื่อกี้ฉันถามเธออยู่นะ เธออย่าร่วมมือกับคนข้างนอกเพื่อต่อต้านฉันสิ”

เกร็ดหิมะกระจายกลายเป็นดอกหิมะ ถูกลมหนาวพัดปลิวไปมา ลมหนาวเหมือนกับใบมีดข่วนผ่านใบหน้าของเหอเจิง เธอสะบัดไหล่ เพื่อสะบัดมือของฟางลู่เป่ยออกไปด้วย “ฉันก็ไม่ได้เบื่อถึงขนาดนั้น”

“ถ้างั้นสรุปเธอพูดอะไรกับเขาบ้าง”

ฟางลู่เป่ยใจร้อนแล้ว

ก้าวยาวๆไปขวางไว้ข้างหน้าของเหอเจิง ปิดทางเดินของเธอ

ไม่ทำอย่างนี้ก็ดีอยู่ แต่เมื่อทำไปแล้ว กลับเห็นน้ำตาของเหอเจิงที่จะซ่อนก็ซ่อนไม่ทัน เธอหันหน้ากลับไป “ฉันบอกว่าจะให้เงินเธอ แล้วให้เธอไปทำแท้ง จะให้พูดอะไรอีก หรือจะให้ฉันบอกว่าให้คลอดเด็กคนนั้นออกมากลายเป็นเหมือนกับฉันอีกคนล่ะ”

ฟางลู่เป่ยไม่ได้เป็นคนเลว แต่ว่ายังขาดความเข้าใจผู้อื่น

ตอนที่เหอเจิงเริ่มจะไปแก้ไขปัญหาของผู้หญิงคนนั้น จี้ผิงโจวก็รู้แล้วว่าทำไมเธอต้องทำอย่างนั้น เพราะผู้หญิงคนนั้นบอกว่าตนเองตั้งท้อง ดังนั้นเธอจึงคิดถึงการเป็นลูกนอกสมรสของเธอ

ความรู้สึกที่เหมือนกันเพิ่มมากขึ้น

แต่ฟางลู่เป่ยไม่เข้าใจ เห็นสีหน้าที่ผ่านการร้องไห้ ภายหลังจึงค่อยๆเข้าใจ

เวลานี้เขาทำอะไรไม่ถูกและก็ไม่อยากจะเสียหน้าด้วยจึงเอาความผิดนี้โยนไปให้กับจี้ผิงโจว

“อารมณ์ไม่ดีที่เธอได้รับจากโจวโจวทางโน้น ไม่ต้องกลับมาร้องไห้เลย เธอคิดจะโทษใครล่ะ”

เหอเจิงอารมณ์นิ่งขึ้นทันที ดึงความรู้สึกออกมาจากเรื่องเมื่อกี้ทันที “ถึงฉันจะเป็นยังนี้แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครแล้ว พี่ล่ะ พี่อยากจะเลียนแบบพ่อของพี่จริงๆ ก็ไม่มีใครห้ามพี่หรอก”

“ฟางเหอเจิง เธอบ้าไปแล้วหรือไง ถึงตาเธอมาสอนฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”

เหมือนกับว่าการเถียงกันแบบนี้สุดท้ายก็อยู่บนทางตันนี่เอง

เหอเจิงขมวดคิ้ว เดินจากไปอย่างไร้ความรู้สึก ทิ้งให้ฟางลู่เป่ยอยู่บนทางหิมะคนเดียว เขาโกรธมากจนเอามือเท้าเอว ขาข้างนึงเหยียบลงไปยังดินที่แฉะ มีดินโคลนติดมาด้วย แม้แต่ขากางเกงก็สกปรกไปด้วย

เขาหายใจเข้าลึกๆหลายที

ในที่สุดก็ควบคุมอารมณ์ได้

ฟางลู่เป่ยค่อยๆเดินไปยังข้างในตึก เพิ่งจะมาถึงหน้าประตู หิมะที่เกาะอยู่บนไหล่ยังไม่ทันปัดออก ก็ได้ยินเสียงของ เหอหยุนซิ่ง ที่พยายามคุมเสียงไว้ ไม่กล้าที่จะออกเสียงดังๆ ทำตัวลับๆล่อๆ

เขาไม่ได้เข้าไป แต่กลับแอบฟังอยู่ข้างนอก

น้ำเสียงที่นุ่มนวลของเหอเจิง เผยให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด เธอพูดเพียงว่า “ไม่เป็นไร วันนี้ไม่ได้กินอะไรเลยจึงเป็นลมไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจี้ผิงโจว”

เหอหยุนซิ่งยังไม่เชื่อ เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “หมอบอกว่าเป็นเพราะการบริจาคเลือดของเธอมากไป ตกลงเขาทำอะไรกับเธอกันแน่”

“ไม่มีอะไร”

“เจิงเอ๋อ ”

บริจาคเลือดหรอ สลบหรอ ทำไมฟางลู่เป่ยไม่รู้อะไรเลย เมื่อกี้ยังเห็นเลยว่าจี้ผิงโจวเป็นคนส่งเหอเจิงกลับมาแท้ๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง แต่ก็ไม่ถึงกับว่าเย็นชากับเธอเพราะเธอกลับบ้านแม่นี่

ปริศนาเริ่มจางเหมือนหมอกบางๆ เขาเงียบๆฟังเหอเจิงพูด “คุณลุง ฉันบอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไรจริงๆ ถ้าเป็นอะไรฉันก็จะไม่ปิดบัง คุณวางใจเถอะ ฉันกลับไปพักผ่อนก่อนล่ะ”

เหอหยุนซิ่งไม่ได้คิดว่าจะปล่อยเธอไปง่ายๆอย่างนี้

“จะต้องให้ฉันโทรหาหมอก่อน ถึงจะพูดความจริงใช่ไหม”

เวลาที่เหอเจิงโกรธขึ้นมาจะเหมือนพลุบนฟ้า ระเบิดภายในชั่วพริบตา เธอยกคิ้ว เหมือนกับจะไม่มีความอ่อนแอในตัวเลย “มันดึกมากแล้ว ฉันไม่อยากให้เรื่องของตัวเองทำให้แม่เกิดเรื่องขึ้นมา”

ประตูที่ปิดไว้ถูกผลักออกทันที

ตามแสงไฟ ฟางลู่เป่ยยืนอยู่ที่ประตู หิมะที่อยู่บนไหล่ได้ละลายไปหมด เผยให้เห็นถึงเสื้อผ้าของเขา เขากวาดสายตามองไปยังรอบๆและสุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเหอเจิง

“บริจาคเลือดหรอ พวกเธอกำลังคุยอะไรกัน”

เหอหยุนซิ่งกำลังจะขยับปาก กลับถูกเหอเจิงปิดไว้ สายตาที่อ้อนวอนทำให้คนใจอ่อน “ไม่มีอะไร คุณลุงบอกว่าช่วงที่ผ่านมาโรงพยาบาลมีการบริจาคเลือดเลยเล่าให้ฉันฟังเท่านั้นแหละ”

พูดจบ

ฟางลู่เป่ยเงียบครึมไปสักครู่ แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น

ความเร็วของมือที่ยกขึ้นมา กลายเป็นเงาตบลงไปยังหัวของเหอเจิงเต็มๆ เธอใจหายแวบหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด ก็ถูกคำพูดหนึ่งขัดไว้ “เธอคิดว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง”

เหอเจิงรักษาท่าทางที่ถูกตี ข้างหูเป็นเสียงสะท้อนออกมาจากแก้วหู

เหอหยุนซิ่งเดินออกมา แสดงท่าทีของความเป็นอาวุโส “ลู่เป่ย ไม่ต้องลงมือ”

“เจ้าเด็กดื้อนี่ ถ้าฉันไม่ตีเธอคงคิดว่าตัวเองไม่ต้องสนใจอะไรแล้วมั้ง” เสียงของฟางลู่เป่ยดังมายังไม่รู้ตัว แต่กลับรวดเร็วมาก เขาดึงคอเสื้อของเหอเจิงไว้ มองด้วยสายตาที่ไม่ใยดี “พูดมา บริจาคเลือดอะไร”

เหอเจิงปิดปาก ไม่ยอมพูด

ตอนที่ได้ยินว่าบริจาคเลือด เขาก็คิดออกแล้วว่าต้องเป็นจี้เหยียนเซียง

คนที่รู้จักจี้ผิงโจวทุกคนรู้ว่าเขามีพี่สาวเขาเป็นคนขี้โรคคนหนึ่ง เป็นโรคเกี่ยวกับเลือดที่พบเห็นได้น้อย ครอบครัวเขาเองก็มีความพิเศษเกี่ยวกับสายเลือด คือเครือญาติกันให้เลือดกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงได้มอบความหวังทั้งหมดไว้กับคนที่ไม่มีสายเลือดเดียวกัน

สภาพที่อ่อนล้าของเหอเจิง ไม่ได้ออกเสียงแม้แต่คำเดียว

เวลาเธอไม่มีเหตุผลพอ เธอก็จะใช้วิธีนี้

ฟางลู่เป่ยโมโหมาก ความในใจอ้าปากก็หลุดออกมาทันที “เขาให้เธอถ่ายเลือดให้พี่สาวเขาอีกละสิ”

ครั้งนี้แม้แต่เหอหยุนซิ่งก็สะดุ้งตกใจเหมือนกัน

เรื่องราวของจี้เหยียนเซียง พวกเขาก็ได้ยินมาบ้าง ไม่มาก รู้เพียงว่าโรคของเธอนั้นรุนแรงมาก แม้แต่จี้ผิงโจวเองก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่เรื่องที่แปลกคือในสามปีมานี้เธอกลับดูสุขภาพแข็งแรงดี

เขาคลายมือของฟางลู่เป่ยออก ทั้งคู่มองไปยังเหอเจิง ผิวพรรณของเธอขาวอย่างเห็นได้ชัด กับร่างกายที่ผอมจนเห็นกระดูก เหมือนกับตุ๊กตากระดาษ

“เจิงเอ๋อ สิ่งที่พี่เธอพูดมานั้นเป็นความจริงหรอ”

เธอถูกดึงคอเสื้อไว้ ทำให้หายใจลำบาก เหอเจิงก้มหน้าลงพูด อย่างแผ่วเบา “ฉันเป็นคนยอมเอง”

เมื่อได้คำตอบแล้ว ฟางลู่เป่ยไม่ได้ตีอีกแล้ว เธอถูกผลักออกทั้งคอเสื้อและตัว เพียงชั่วพริบตาเดียวเธอล้มลงกับพื้นอย่างแรง เธอเจ็บปวดจนกระดูกแทบจะไม่อยู่กับที่ เหมือนกับถูกม้าห้าตัวดึงเเยกร่างของตัวเอง แต่เธอก็กัดฟันทนไว้ ไม่ให้น้ำตาตกเลยสักหยด

“เธอโง่หรือเปล่า” ฟางลู่เป่ยทำท่าจะตีเธออีก เหอหยุนซิ่งรีบห้ามเขาไว้ทันที แต่ห้ามคำด่าของเขาไม่ได้ “คนคนนั้นตายไปเมื่อ 3 ปีก่อนแล้ว ถ้าเธอรักเขามากขนาดนั้นโดดตึกตามเขาเลย ดูซิใครจะห้ามเธอ แต่เธอกลับเอาโจวโจวเป็นตัวแทน แล้วยังเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีก ตกลงเธอจะทำร้ายใครกันแน่”

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset