ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 59 …ผู้หญิงคนอื่น

แสงรุ่งอรุณฉายแสงเข้าไปในรถ ส่องไปยังที่นั่งเป็นจุดเล็กๆ

จี้ผิงโจวเข้าไปนั่ง แสงที่ผ่าผ่านมุมและขอบของประตูรถตกลงบนคอเสื้อของเขาพอดี เป๋ยเจี่ยนหันไปดู รู้สึกว่าเขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

เวลาเขาอารมณ์ดี

การใช้ชีวิตของทุกคนก็พลอยดีไปด้วย

เพิ่งจะสตาร์ทรถ ยังไม่ทันออกรถ

มุมของทางเล็กๆก็มีเงาของเหอเจิงปรากฎออกมา ดอกไม้ข้างๆต่างเหี่ยวแห้งไปแล้ว เธอจึงกลายเป็นดอกไม้ที่แสนสวยที่สุด เหมือนกับว่าหยั่งรากที่นั่นรอการผลิบาน แต่เวลานี้สีหน้าของเธอดูแย่มาก เหมือนกับว่ากำลังจะถูกเด็ดลงมาอย่างนั้น

ร่างกายที่เหมือนไร้วิญญาณ เป๋ยเจี่ยนก็เหมือนจะดูออกด้วย

“ถูกด่าอีกแล้วละมั้ง”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน แต่จี้ผิงโจวไม่อาจฟังอย่างอ่อนโยนได้ แสงสีทองที่ฉายออกมาจากเสื้อที่ขาวดั่งหิมะเปลี่ยนทิศทาง เขาหันตัวไป พูดอย่างคมคายว่า “ฉันจะไปดู นายรออยู่ในรถแป๊ป”

เป๋ยเจี่ยนตอบรับแบบไม่ได้ตั้งตัว เขาได้ลงจากรถไปแล้ว

มองออกไปจากรถอีกที ทั้งสองก็ยืนอยู่ด้วยกันแล้ว แสงแดดที่สวยงามในช่วงวันแห่งฤดูหนาวนั้นทั้งน้อยและล้ำค่ามาก แต่วันนี้ทอดลงบนตัวของพวกเขา เป็นอะไรที่เข้ากันมาก

เจ้าแห่งลมเห็นแล้วยังใจอ่อน อยู่ในที่ที่อุดมสมบูรณ์อย่างนี้ ผู้หญิงล้วนแล้วมีความอ่อนช้อยอยู่ เหอเจิงยืนอยู่ข้างกายจี้ผิงโจว บวกกับความหล่อเหลาของเขา อารมณ์เย็นลงหลายส่วน ปล่อยให้เขาจับมือไว้ ไม่ได้พูดอะไร มีความอ่อนโยนเป็นพิเศษ

แต่เป๋ยเจี่ยนมองไม่เห็น

เข้าไปในประตู

เหอเจิงก็สะบัดมือของจี้ผิงโจวออก

พี่เฉินไปแล้ว

ในบ้านเหลือแต่เขาสองคนแล้ว จี้ผิงโจวถามจากข้างหลังเบาๆว่า “คุณปู่ถามอะไรเธอหรอ”

เหอเจิงสงบเงียบ

เธอเร่งฝีเท้าเข้าไปในห้องครัว เอานมวัวและขนมปังที่เย็นและแข็งออกมาจากตู้เย็น ยัดเข้าไปในปากเป็นคำใหญ่

ตอนที่จี้ผิงโจวตามเข้าไปเห็นนั้นเธอกำลังยกหน้าขึ้นดื่มนมวัวอยู่ “เฮ้ มีอันที่ร้อนอยู่นะ…”

ดื่มเข้าไปแล้ว

เพิ่งดื่มคำแรกก็เข้าหลอดลม

เหอเจิงก้มหน้าลง จามจนเครื่องในเจ็บไปหมด ตับไตเหมือนจะจามออกมาด้วยซ้ำ อาการที่หายใจแทบไม่ทันส่งความรู้สึกไปถึงตา กลายเป็นน้ำตาที่เปรี้ยวฝาด ค่อยๆล้นออกมา

“ไม่ได้กินข้าวมา10กว่าปีหรือไง”คำพูดเยาะเย้ยที่จักจี้ลอยออกมาอีกแล้ว “คนที่ไม่รู้เรื่องอาจคิดว่าเราดูแลเธอไม่ดีเสียอีก”

คำพูดที่ไม่ได้โอ้อวด เมื่ออยู่ในบ้านตระกูลจี้นี้ ก็คงต้องอยู่แบบกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว

ไม่กินต่อไปแล้ว

เหอเจิงเอาของที่เหลือยัดเข้าไปในตู้เย็นอีก คราวนี้บนนิ้วก็เต็มไปด้วยความเย็น ยังไม่ทันสลายไป ตอนที่ผลักจี้ผิงโจวออกไปนั้นเขาก็รู้สึกได้ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด น้ำเสียงก็หนักขึ้น “ฉันถามเธออยู่นะว่าคุณปู่พูดอะไรกับเธอ”

หรือจะถามว่า

เธอพูดอะไรกับคุณปู่บ้าง

ริมฝีปากยังเหลือคราบของนมวัวอยู่ เหอเจิงเลียปาก คำเดียวรวดกลืนความรู้สึกที่เก็บไว้ลงไปด้วย หันหลังให้จี้ผิงโจว สิ่งที่อยู่ในหัวของเธอนั้นมีแต่สิ่งที่ได้ยินและสิ่งที่พูดตอนอยู่ต่อหน้าของคุณปู่

แม้แต่คำเดียวก็ส่งต่อให้จี้ผิงโจวไม่ได้

“ทำไมนายยังไม่ไปโรงพยาบาลอีกล่ะ”

วิธีการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างนี้ เป็นอะไรที่แข็งทื่อและอึดอัดใจอยู่ แต่เธอก็ไม่มีอารมณ์ไปคิดอย่างอื่นแล้วจริงๆ

จี้ผิงโจวเอาความเย็นชาวางไว้ในแววตา “นี่เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดด้วยใช่ไหม”

“แล้วแต่นายจะคิดแล้วกัน ฉันขึ้นไปก่อนล่ะ”

เหมือนการหลบหนี

เหอเจิงเร่งฝีเท้า ไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันกับจี้ผิงโจวนานเกินไป

ห้องนอนเพิ่งถูกทำความสะอาดไป มีกลิ่นไอของความสะอาดที่ปลอดโปร่ง

กำลังจะหันมือมาปิดประตู ช่องเล็กๆของขอบประตูกลับหนีบปลายรองเท้าของจี้ผิงโจวไว้ เหอเจิงไม่ได้แข็งข้อต่อ ปล่อยมือแล้วตรงเข้าไปห้องเก็บเสื้อผ้า

ในเมื่อเขาก็อยู่อยู่แล้ว

ถ้างั้นก็บอกเรื่องที่ควรจะบอกให้มันชัดเจนไปเลย

เสื้อผ้าในห้องเก็บผ้าถูกจัดไว้อย่างดี พี่เฉินเป็นคนละเอียดมาก อีกอย่างก็อยู่รับใช้ข้างกายจี้ผิงโจวนานแล้ว อะไรที่ควรระวัง ก็ไม่ได้ละเว้นเลยสักอย่าง ตั้งแต่ที่เขาป่วยเป็นต้นมา ในห้องก็ไม่มีขนปุยๆอีกเลย

เครื่องฟอกอากาศเปิดทิ้งไว้นานแล้ว แต่กลับขาดกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ

บนตู้เสื้อผ้ามีไฟระบบอัตโนมัติ เวลาประตูเปิดออก ไฟก็จะสว่างขึ้นมาทันที เหอเจิงมองไปยังเสื้อผ้าที่เป็นแถวๆ ทุกชุดล้วนแล้วแต่เป็นชุดที่เธอเลือกมาอย่างตั้งอกตั้งใจ ตัดเย็บตามความกว้างยาวของไหล่และเอวของจี้ผิงโจว

เธอรู้ว่าเขาอยู่ข้างในห้อง

เลยพูดออกไปเบาๆว่า “เนคไทที่เรียงกลับหลังในลิ้นชักเป็นเนื้อผ้าไหมละเอียด โดนน้ำไม่ได้ ถ้านายใส่ออกไปก็ระวังหน่อยแล้วกัน”

ผ่านไปซักพัก

ได้ยินเธอพูดอีกว่า “ตู้เสื้อผ้าทางขวาเป็นเสื้อผ้าเรียบร้อย เวลาไปงานปาร์ตี้หรือว่าไปงานสำคัญค่อยสวม”

ยังมีนาฬิกาข้อมือ ของตกแต่ง อะไรที่ต้องบอกนั้นมีมากเหลือเกิน ผู้ชายคนนี้ 20กว่าปีที่ผ่านมาใช้ชีวิตสวยหรูอย่างนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอเข้ามาถึงได้เป็นแบบนี้

แต่ว่าความเคยชินนี้มันอยู่มานานมากแล้ว

ต่อมาเธอเข้ามา

ยิ่งเข้าไปใหญ่เลย

ถ้าจะให้แยกจากเหอเจิงทันที จี้ผิงโจวไม่อยากแน่นอน แต่ก็ต้องยอมรับว่า อย่างมาก1ปี หรืออย่างน้อยครึ่งปี เขาถึงจะเคยชินกับการใช้ชีวิตที่ไม่มีเธอ

จี้ผิงโจวอยู่ในโลกแห่งจิตที่มืดมน นัยต์ตาที่บริสุทธิ์เหมือนถูกปนเปื้อนด้วยแม่คะนิ้ง หนาวมาก ยืนอยู่ในมุมห้องอย่างนั้น จ้องมองผู้หญิงที่ยุ่งอยู่กับการบอกทุกอย่างกับเขา

คอแหบแห้งไปหมด คำพูดเข้าออกอย่างเชื่องช้า “ปู่ ปู่ ……ตกลงให้เธอหย่าแล้วหรอ”

เหอเจิงเขย่งเท้า

มือจับไม้แขวนเสื้อสีไม้ไว้

ข้างในสลัวๆ มีลำแสงไม่กี่ลำพุ่งออกมาจากตู้เสื้อผ้า ทำให้ภาพที่เห็นนั้นไม่ได้สมบูรณ์ สิ่งที่เห็นชัดนั้น มีแต่สีผิวที่ซีดจางของเธอ

เธอนิ่งไปชั่วครู่ เก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ “คุณปู่บอกว่าจะไม่เอาเปรียบฉัน หนังสือหย่าเขาบอกว่าจะหาคนทำให้ใหม่ อะไรที่ควรจะให้ฉันจะไม่หายไปซักชิ้น หวังว่านายก็สามารถ….”

—–ปั้ง

เสียงปิดประตูได้ตัดขาดทุกอย่าง

ดีแล้ว

ทุกอย่างกำลังจะจบแล้ว

ตอนเช้าเวลา10.00น. เสียงการแจ้งข่าวในรถกำลังจะบอกเวลา เป๋ยเจี่ยนรอจนง่วงแล้ว เพิ่งจะหลับตาทีหนึ่ง ตาก็มองเห็นจี้ผิงโจวก้าวลงมาจากขั้นบันไดหิน

จากการที่ติดตามเขามากว่า10ปี

เป๋ยเจี่ยนก็รู้ว่า เขาต้องอารมณ์ไม่ดีอีกแน่ๆ เมื่อเขาอารมณ์ไม่ดีแล้วคนอื่นก็อย่าหวังเลย ระวังแล้วระวังอีกรอให้เขาขึ้นรถ หัวใจก็เหมือนจะถูกแขวนเอาไว้กับลำคอแล้ว

แต่จี้ผิงโจวแค่ผ่านข้างๆรถเท่านั้น ก้าวยาวๆไปตามทางเล็กๆข้างหน้า

เป๋ยเจี่ยนตกใจ คิดอะไรไม่ทันแล้ว รีบลงจากรถตามไปทันที ปลายเท้าชิดส้นเท้าตามจี้ผิงโจวไป “พี่โจว วันนี้ไม่ไปโรงพยาบาลแล้วหรอ นี่พี่จะไปไหนเนี่ย ”

“ไม่ใช่เรื่องของนาย ออกไปห่างๆ”

ภายใต้แสงอาทิตย์ที่แรงกล้า สายตาของจี้ผิงโจวก็ยังจ้องไปยังข้างหน้า ไม่ขยับไปไหนเลย

“คุณจะไปที่ไหน ให้ผมขับรถไปส่ง ทางข้างหน้ามันลื่น ช้าหน่อย”

คนทั้งบ้านที่ใหญ่โตต่างก็กำลังทำเพื่อเขาทั้งนั้น

วางแผนเป็นพันเป็นหมื่นก็เพื่อให้เขาอยู่อย่างสบายหน่อย แต่คนนี้กลับเป็นคนที่ออกมาจากความหยิ่งผยอง ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเลย มีอะไรไม่สบายใจนิดหน่อยก็จะไม่เก็บไว้ในใจด้วย

ต่อให้เป็นคุณปู่ก็เถิด ก็ไม่กล้าแหย่คุณทวดคนนี้หรอก

พุ่งไปตามทางถึงด้านนอกของตึกหลัก

ไม่เพียงแค่เป๋ยเจี่ยนเท่านั้น แม้แต่คนใช้ที่ปกติแล้วไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ตัวจี้ผิงโจวยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่แย่ของเขา เขาขมวดคิ้ว แต่ก็มีใบหน้าที่คนดูยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ต่อให้สถาการณ์แย่กว่านี้ ก็ถูกขวางไว้กับหลุ่มในใจ ออกมาไม่ได้ และก็ไม่ยอมลงไปด้วย

“พี่โจว…พี่โจว”เป๋ยเจี่ยนยื่นมือออกไปดึงแขนเสื้อที่เรียบตรงของเขาไว้ แต่กลับถูกเขาสะบัดออก “พี่โจว พี่มีเรื่องอะไรก็สงบหน่อยแล้วค่อยพูด อย่าเพิ่งวู่วาม”

จี้ผิงโจวไม่ได้คิดเรื่องวู่วามเลย เขามาพร้อมหน้าที่เคร่งขรึม “คุณปู่อยู่ไหน”

คนใช้กล้าๆเกรงๆ “กำลัง…กำลังทานยาอยู่”

“ฉันจะรอตรงนี้”

ปล่อยคำพูดออกไปประโยคหนึ่ง จี้ผิงโจวนั่งลง เขามาเร็วมาก ห่างจากที่เหอเจิงจากไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แม้แต่แก้วชาของเธอก็ยังไม่ได้เก็บไป

คนใช้รีบวิ่งขึ้นไปบอก

เวลาอันสั้นที่นั่งรอ คนใช้ได้เปลี่ยนชาแล้วก็เสิร์ฟชาด้วย รอจนชาเย็นไปแก้วหนึ่ง คุณปู่ถึงได้ลงมาอย่างใจเย็น ส่งสายตาสั่ง “พวกเธอออกไปให้หมด”

พวกเขาออกไปเหมือนการวิ่งหนีอะไรสักอย่าง

ไม่ได้หยุดเลยสักนิด

เหลือแต่เป๋ยเจี่ยนที่ยังคงอยู่ข้างๆจี้ผิงโจว คุณปู่มองเขา “เสียวเจี่ยนนายก็ออกไปด้วย”

เป๋ยเจี่ยนเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่ตัดสินใจลำบาก”แต่ว่า…”

“ออกไป”

คำพูดของจี้ผิงโจวเขาถึงค่อยฟัง

คนออกไปแล้ว

จี้ผิงโจวขยับแววตาทีหนึ่ง ไม่รีบไม่ร้อน “คุณปู่ ทำไมถึงยอมให้ เหอเจิงหย่ากับผมล่ะ”

จะบอกว่าเรื่องการหย่าไม่เกี่ยวกับเขานั้นไม่จริงเลย อันที่จริงเขาคิดว่าคนในบ้านต้องไม่ยอมเห็นด้วยง่ายๆแน่นอน คุณปู่จี้เดินมาถึงข้างหน้าของเขานั่งลง เป็นที่นั่งที่เหอเจิงนั่งเมื่อกี้

“ไม่ใช่ว่าฉันยอมให้ แต่เป็นเพราะหล่อนไม่ได้ตั้งใจจะอยู่กับนายนานเกินไปอยู่แล้ว”

คำพูดนี้จริงครึ่งไม่จริงครึ่ง

แต่จี้ผิงโจวกลับไม่เชื่อเลย “เป็นไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น ถ้าเธอหย่ากับผมแล้ว โรคของพี่สามจะทำยังไง”

“นายหาคนอื่นได้แล้วไม่ใช่หรอ”คำถามนี้ คุณปู่ได้เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว “ได้ยินมาว่านายมีผู้หญิงคนอื่นไว้ข้างนอกไม่ใช่หรอ ในเมื่อไม่ชอบภรรยาแล้ว ทำไมยังไม่ยอมหย่าอีกล่ะ โจวโจว ตกลงนายกำลังคิดจะทำอะไร”

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset