เมื่อได้ยินเสียง
ฟางลู่เป่ยก็เร่งฝีเท้าเดินออกไปด้านนอก ป้าหมิงเองก็ช่วยเขาจัดการคอเสื้อให้เรียบร้อย
“เสี่ยวซู เธอมาได้อย่างไร?”
จี้ซูที่กำลังมองไปที่เขาอย่างเหม่อลอย ก็ได้สติขึ้นเมื่อเขาเรียกชื่อเธอ “อ่า ฉัน ฉันมาดูพวกพี่ค่ะ”
เธอพูดตะกุกตะกัก
ฟางลู่เป่ยหึเบาๆ และบอกว่า “มาดูพวกฉันหรือมาดูเหอเจิง?”
ป้าหมิงที่ได้ยิน ก็ตกใจเล็กน้อย
จี้ซูเขินจนหูแดง เธอไม่กล้าพูดตรงๆ จึงถามไปว่า “พี่สะใภ้โอเคไหมคะ?”
“ดีมาก กินได้นอนได้ ตอนนี้” เขาหยุดพูดและมองหน้านาฬิกา “แปดโมงแล้ว ยังไม่ตื่นเลย”
“อ่า เธอกำลังเสียใจไม่ใช่เหรอคะ?”
“เสียใจอะไร?”
“ก็ที่ทะเลาะกับพี่เรื่องหย่าไงคะ พี่ชายฉันช่วงนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนตอนนี้ผอมซูบมาก ทุกวันเอาแต่คิดว่าจะขอโทษขอคืนดีกับพี่สะใภ้อย่างไรดี เขารู้สึกผิดจริงๆนะคะ”
ถึงแม้แท้จริงแล้วเธอตั้งใจจะมาหาฟางลู่เป่ย
แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ต้องช่วยพี่เธอพูดหน่อย พูดให้จี้ผิงโจวดูน่าสงสาร เหอเจิงจะได้ใจอ่อน จี้ซูคิดว่าวิธีของตัวเองนั่นฉลาด แต่กลับถูกฟางลู่เป่ยถีกหน้า
เขาสวมเสื้อคลุมและหันมากำชับกับป้าหมิงว่า “วันนี้หิมะตกหนัก ให้เหอเจิงอยู่แต่ในบ้านไม่ต้องออกมา ดูเธอให้ดีล่ะ ฉันไปก่อน”
ป้าหมิงพยักหน้า “รับทราบค่ะ”
ฟางลู่เป่ยหยิบกุญแจออกมาเปิดรถ จากนั้นก็หันมาพูดกับจี้ซูว่า “เสี่ยวซู ขึ้นรถ ฉันไปส่ง”
เมื่อกี้ที่คุยกับป้าหมิงเธอก็รู้แล้ว ว่าพวกเขาไม่อยากให้เธอเข้าไป
จี้ซูพยักหน้า และเดินขึ้นไปนั่งตรงเบาะข้างๆคนขับ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ขึ้นรถของฟางลู่เป่ย ทันทีที่ขึ้นรถก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ดูเหมือนจะไม่ใข่กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง
ฟางลู่เป่ยสตาร์ทรถ จากนั้นก็เหลือบไปมองแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมตัวผ่านร่างของจี้ซูไป จี้ซูตกใจกับการกระทำของเขา จนไม่กล้าขยับตัว
เขาแค่ต้องการจะดึงเข็มคัดนิรภัยมาคาดให้เธอเท่านั้น เขายังคงรักษาระยะห่างไว้ไม่ได้เข้าใกล้หรือแนบชิดเธอเกินไป
แต่จี้ซูยังคงนิ่ง
“เป็นอะไรไป?” ฟางลู่เป่ยขำออกมาเล็กน้อย “ไม่ค่อยได้ออกมาซินะ ถึงไม่รู้ว่าต้องคาดเข็มขัด”
เธอก้มหน้า รู้สึกว่าใจเต้นแรงแทบจะระเบิดออกมา “ใช่ค่ะไม่ค่อยได้ออกมา”
และทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ฟางลู่เป่ยขับรถออกมาจากบ้านตระกูลฟาง
ระหว่างทาง ฟางลู่เป่ยก็ถามเสียงเรียบว่า “เมื่อกี้เธอบอกว่าโจวโจวกินไม่ได้นอนไม่หลับเหรอ?”
จี้ซูอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า
เขาขำออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองจี้ซู “เสี่ยวซู รู้จักโกหกแล้ว”
“ฉันเปล่านะคะ…”
“คนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่เมื่อคืนวานกลับออกไปหาดาราสาว พาเธอไปทานข้าว แถมยังอยู่โรงแรมถึงดึกดื่นเที่ยงคืนกว่าจะกลับบ้านอีก?”
เจิ้งหลางเป็นคนบอกเขา
ช่วงนี้จี้ผิงโจวเพิ่งได้รู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนั้นถ่ายละครเรื่องเดียวกับจ้าวถังชิว เมื่อวานเจิ้งหลางบอกเขาเห็นกับตาตัวเองว่าจี้ผิงโจวขับรถไปรอเธอถ่ายงานจนเลิกที่กองถ่าย พอเสร็จเขาก็พาหญิงสาวคนนั้นไปทานข้าว
ฟางลู่เป่ยเองไม่ได้อยากจะรับรู้เรื่องของจี้ผิงโจวเท่าไหร่
แต่เมื่อวานตอนอยู่กับบเจิ้งหลาง เขาได้เรียกผู้หญิงคนนั้นมาคุยเล่นด้วย และก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเท่านั้น
จี้ซูเองไม่อยากจะเชื่อว่าจี้ผิงโจวจะทำเรื่องแบบนี้
เธอนั่งเหม่ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดแก้ตัวแทนจี้ผิงโจวว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ….พี่เขาแค่ ช่วงนี้เขาเศร้าเสียใจมากจริงๆ วันนั้นยังทะเลาะกับคุณปู่ด้วย”
“วันที่เหอเจิงไปวันนั้นเหรอ?” ฟางลู่เป่ยจอดรถตอนที่ไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เธออาจะชอบเหอเจิงจริงๆ แต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้น เพราะถึงแม้จะบอกว่าไม่ยอมหย่ากับเธอ แต่เขาก็ยังไปหาผู้หญิงคนอื่นอยู่ดี”
“พี่ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น…”
“เสี่ยวซุ เธอใสซื่อเกินไป” จะอธิบายอะไรก็เหมือนจะเกินความจำเป็น จี้ซูยังเด็ก เขาไม่สามารถใช้วิธีที่หักดิบเกินไปได้ แต่เขาก็อยากให้เธอเข้าใจว่า จี้ผิงโจวเองก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น “ผู้ชายแบบพวกเรา ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว ก็ยังไม่ยอมหยุด”
“โจวโจวไม่ได้รักเหอเจิง แต่เขาแค่ไม่อยากเสียผู้หญิงที่คอยดูแลเขาไป ถึงตอนนี้พวกเขาแยกกันอยู่ แต่เขาก็ยังจะไปเปิดห้องกับผู้หญิงคนอื่นได้อีก แบบนี้เข้าใจไหม?”
จากนั้นเสียงแตรด้านหลังก็ดังขึ้น
ฟางลู่เป่ยจึงหันไปตั้งใจขับรถ โดยไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้จี้ซูกำลังจ้องมาที่เขาอยู่ จี้ซูส่ายหัวและถามว่า “พี่ลู่เป่ยคะ พี่ก็เป็นแบบนี้เหรอคะ? ที่ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว ก็ยังจะทำเหมือนพี่หลางหลาง?”
“ฉัน?” เขาเหลือบตามาแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ฉันน่าจะแย่กว่าพวกเขาอีก”
เขาชื่นชมผู้หญิงใหม่ได้นานสุดแค่เดือนเดียวเท่านั้น
ผ่านไปเดือนหนึ่งเขาก็จะเลิกเห่อ และทิ้งผู้หญิงคนนั้นอย่างไร้เยื่อใย เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องแต่งงานสำหรับเขา คงเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเขา
เดินทางมาสักระยะ ก็ถึงบ้านตระกูลจี้
ฟางลู่เป่ยปลดล็อคประตูและบอกว่า “ถึงแล้ว ครั้งหน้าอย่าไปไหนมั่วซั่วอีก ถ้าอยากเจอเหอเจิงจริงๆ รอเธอหายดีกว่านี้ก่อนดีกว่า และถ้าจะไป ก็โทรหาฉัน เดี๋ยวฉันมารับ”
จี้ซูมีบางคำไม่กล้าพูด
เธอทำได้แค่พยักหน้า ตอนที่เธอกำลังจะลงจากรถนั้น เธอก็รวบรวมความกล้าและพูดขึ้นมาว่า “พี่ลู่เป่ยคะ ครั้งก่อนที่พี่สาวฉันตบพี่ ขอโทษจริงๆนะคะ พี่อย่าโกรธเธอเลย ฉันขอโทษแทนพี่ด้วยค่ะ”
ฟางลู่เป่ยยิ้มอย่างใจดี “เธอขอโทษอะไร พี่เธออยากจะตบฉันมาตั้งนานแล้วล่ะ ตบก็ตบซิ ถือซะว่าให้เธอระบายอารมณ์”
เขาพูดอย่างเร็ว
แต่จี้ซูก็ยังฟังทัน และถามต่อว่า “ทำไมเธออยากตบพี่มาตั้งนานแล้วล่ะคะ?”
ฟางลู่เป่ยอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่า “ไม่มีอะไรหรอก กลับไปเถอะ”
จี้ซูเดินเข้ามาข้างใน ก็เจอรถของเป๋ยเจี่ยน ข้างในมีจี้ผิงโจวนั่งอยู่ รถได้มาจอดด้านหน้าเธอ จี้ผิงโจวมองออกมาด้านนอก เห็นเธอแต่งหน้าเล็กน้อย และใส่ชุดที่ดูไม่ใช่ชุดที่ใส่อยู่ในบ้าน
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามว่า
“ไปไหนมา?”
เมื่อเห็นจี้ผิงโจว จี้ซูก็นึกคำพูดของฟางลู่เป่ยขึ้นมาได้ เธอจึงโกหกลั่นว่า “ไปดื่มชากับคุณปู่มา!”
พูดจบ ก็เดินเชิดออกไป
จี้ผิงโจวมองตามไป และพูดขึ้นว่า “ใครยั่วโมโหเธออีกล่ะ”