ซ้อจำเป็น – ตอนที่ 14

บทที่ 14  

 

 

   

 

 

   

 

 

             ขุนศึก P  

 

 

   

 

 

             ความโกรธที่กำลังปะทุลุกเป็นไฟถูกระบายออกด้วยการเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วของรถซุปเปอร์คาร์ มันเร็วจนภาพข้างทางราวกับภาพเลื่อไหวฉายในวิดีโอ สายตาเฉี่ยวคม ดุดันนั้นเอาแต่มองตรงไปยังท้องถนนในช่วงค่ำคืน แขนขาวหักพวงมาลัยรถปาดซ้ายทีปาดขวาไปทีโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่ารถคันอื่นจะก่นด่าผมหรือเปล่า   

 

 

   

 

 

              โกรธ…  

 

 

   

 

 

           หงุดหงิด…  

 

 

   

 

 

           หงุดหงิดคำพูดของคับฟ้าด้วยประโยคที่เอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย…  

 

 

   

 

 

             “ ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ได้มีตั้งแต่แรกงั้นหรอ แล้วตอนนี้มันไม่ว่าเรียกความสัมพันธ์หรือไงวะ!! ”  

 

 

   

 

 

             “…”  

 

 

   

 

 

             “โธ่เว้ย!!”  

 

 

   

 

 

             มือผมฟาดลงที่พวงมาลัยรถอย่างสุดแรงเกิดตั้งแต่บึ่งรถออกมาในหัวผมมีแต่ประโยคเดิมซ้ำ ๆ ประโยคที่คับฟ้าพูดด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึก ชีวิตของผู้ชายคาสโน่ว่าอย่างผมผ่านผู้หญิงมาก็มากมาย ทั้งชีวิตเจอมาหมดทุกรูปแบบ ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามามีแต่คนอยากได้ผมไปครอบครองแล้วทำไมคนอย่างคับฟ้าที่เป็นเมียแต่งถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรมถึงไม่ยินดียินร้ายที่มีผมเป็นสามี!  

 

 

   

 

 

             วันนี้ผมอุตส่าห์ละจากงานยกเลิกการเข้าประชุมที่สำคัญแล้วให้เลขาของผมเข้าแทน แต่สิ่งที่ผมได้รับคือการผิดนัด ผิดนัดอย่างเดียวไม่พอร่างบางยังดูจะสนิทสนมกับพนักงานในทีมอีกต่างหาก ภาพถ่ายภาพนั้นผุดขึ้นมาในหัวผมยิ่งนึกความโกรธเคืองยิ่งทวีคูณขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แรงเหยียบคันเร่งเหยีบจนเกือบสุดก่อนที่จะตีไฟเลี้ยวเข้าคอนโดหรูย่านทองหล่อ ผมขับเลี้ยวไปทางลานจอดรถซูปเปอร์คาร์โดยเฉพาะด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวในใจ ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วว่าจะมีพวกปาปารัสซี่แอบตามมาหาทำข่าวผมหรือเปล่าเพราะตอนนี้ผมกำลังหาที่ระบาย ระบายเพื่อดับความเกรี้ยวกราดของตัวเองให้หายไปเสียที  

 

 

   

 

 

             “สวัสดีครับคุณขุนศึก”  

 

 

   

 

 

             พนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยทักทายผมทุกครั้งที่ผมมาคอนโดแห่งนี่ ผมพยักหน้าตอบกลับไปหน่อย ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปยังตัวตึกของคอนโด หากถามว่าผมมาบ่อยแค่ก็คงจะตอบไปด้วยความสัตย์จริงว่าหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน ผมไม่ชอบร่วมหลับนอนกับคนไหนเกินสามครั้งนั่นคือเรื่องจริง เพราะกินของซ้ำวนไปมันน่าเบื่อแต่สำหรับดาราสาวคนนี้ดันถึงใจเสียจนผมต้องวนกลับมาซ้ำหลายรอบ   

 

 

   

 

 

             บัตรคีย์การ์ดสีดำถูกแตะลงบนประตูห้องหรูประตูบานเดิมที่คุ้นตาเมื่อประตูถูกเปิดออกด้วยมือของผม สองแขนเรียวยาวของสาวสุดเซ็กซี่เขย่งปลายเท้าขึ้นโอบรอบคอแล้วดึงตัวผมก้มลงไปรับจูบอันร้อนแรง สองมือของผมยกเอื้อมไปกุมใบหน้ารูปไข่แล้วบดขยี้ริมฝีปากตามอารมณ์บรรดาลโทสะที่มันถูกก่อขึ้นจากคับฟ้าภรรยายของตัวผมเอง!  

 

 

   

 

 

             เสียงดูดปากกันหน้าห้องคงจะดังไปทั่วทั้งชั้นคอนโดแห่งนี้ สองมือจากที่กุมหน้าอยู่นั้น ผมเลื่อนลงจับบริเวณเอวคอดแล้วยกสะโพกบางขึ้นอุ้มและเจ้าตัวรู้งานอย่างดีเยี่ยมรีบตวัดขาเกี่ยวพันรอบเอวผมไว้เช่นกัน สองเท้าของตัวเองเดินตรงเข้าไปยังภายในห้องกว้าง เดินตรงไปยังห้องนอนที่คุ้นเคยเหมือนทุกครั้งที่ผมมาและในระหว่างเดินเข้าห้องเสียงดูดปากแลกลิ้นคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อร่างผมย่างเข้ามาในห้องนอนตัวผมจึงหย่อนก้นก้มนั่งลงบนเตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์โดยมีหญิงสาวที่นั่งคร่อมผมอย่างยั่วยวน  

 

 

   

 

 

             “คิดถึงแพรมมากเลยหรอค่ะ วันนี้ดูรุนแรงเชียว”  

 

 

   

 

 

             หญิงสาวในชุดนอนเดรสสั้นลูกไม้ผ้าละตินสีเทาอ่อนผละใหน้าช้อนตาขึ้นมองผมอย่างเอาใจ แต่ผมไม่ได้สนใจที่จะตอบกลับเลือกรั้งท้ายทอยของหญิงสาวตรงหน้ามาประกบริมฝีปากอีกครั้ง รสชาติจูบที่ไม่มีแม้แต่คำว่าอ่อนโยน และมันยังเป็นการจูบครั้งแรกที่ผมนึกภาพใบหน้าของคับฟ้า คำพูดตอนอยู่บนรถกำลังตามาหลอกหลอนผมซ้ำไปซ้ำมามันยิ่งทำให้ความโกรธที่มีผมทวีคูณมากขึ้นและใช้ริมฝีปากบางคู่นี้เป็นที่ระบายสนามอารมณ์แทน  

 

 

   

 

 

             “โอ๊ย!….”  

 

 

   

 

 

             เสียงร้องดังขึ้นเพราะรสชาติของจูบที่ร้อนแรงเกิดไปทำให้ผมเผลอขบเม้มริมฝีปากโดยไม่ทันรู้ตัว ทำให้หญิงสาวหน้าสวยนี้ถึงกับเลือดซึมออกมาบริเวณริมฝีปากล่าง   

 

 

   

 

 

              แต่ใครจะสน…  

 

 

   

 

 

             “วันนี้คุณเป็นอะไรคะขุนศึก อารมณ์เสียจากไหนมา”  

 

 

   

 

 

             แพร,ดาราสาวที่ผมควงเล่นนานกว่าทุกคนเอ่ยถามขึ้นด้วยสายตาเป็นประกายพร้อมกับสองมือนี้ที่กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าผมออก สายเดี่ยวชุดนอนถูกเจ้าตัวถกลงจนไม่เหลือสิ่งปกคลุมร่างกาย สายตาผมจดจ้องไปที่เนินอกทั้งสองแล้วก้มลงใช้ลิ้นเลียยอดอกทับทิมเหมือนทุกครั้งที่ผมชอบทำ  

 

 

   

 

 

             “อ๊า ขุนศึกเสียวจังเลยค่ะ”  

 

 

   

 

 

             เสียงครวญครางที่ผมเคยคิดว่ามันเสนาะหูเหลือเกินแต่ทำไมนาทีนี้ถึงกลับกลายเป็นว่าเสียงของร่างบางอีกคนมันดันเข้ามาแทรกในโสตประสาทของผม   

 

 

   

 

 

              เพราะอะไรทำไมผมถึงสลัดทุกอย่างของคับฟ้าออกไปจากหัวไม่ได้…  

 

 

   

 

 

           ทำไมถึงคนึงหาแต่ใบหน้าหวาน…  

 

 

   

 

 

           ใบหน้าที่เหย่อหยิ่งแต่ก็ดื้อรั้นในเวลาเดียวกัน…  

 

 

   

 

 

             จากความคิดทั้งหมดที่แล่นในหัวมันยิ่งทำให้อารมณ์ของผมหงุดหงิดขึ้นในใจเข้าไปใหญ่จึงตัดสินใจก้มลงใช้ลิ้นร้อนของตัวเองไล่เลี่ยยอดอกสีชมพูสลับกันทั้งสองข้างเผื่อมันจะทำให้สมองของผมเลิกคิดถึงใบหน้าหวานของภรรยาตัวเองเสียที  

 

 

   

 

 

             “อ๊ะ อ๊า”  

 

 

   

 

 

             ริมฝีปากผมขบเม้มเข้าหายอดทับทิมตรงหน้าขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าร่างบางคนนี้จะเจ็บแต่อย่างใด ผมเพียงแต่อยากได้ยินเสียงครวญครางตรงหน้าให้แน่ใจว่ามันเป็นเสียงของหญิงสาวที่ชื่อแพรมไม่ใช่ใครอื่น แต่เมื่อเสียงครางนั้นเริ่มดังขึ้นอีกครั้งมันกลับเป็นผมเองที่ยังคงได้ยินเสียงของใครบางคนแทน   

 

 

   

 

 

              ใครบางคนที่วันนี้ทำเอาผมแทบบ้าคลั่ง!…  

 

 

   

 

 

             “อ๊ะ หยุดทำไมคะขุนศึก…”  

 

 

   

 

 

             สองมือผมยกร่างบางที่นั่งคร่อมออกจากตัวด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ ผมลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง โดยมีสายตาของแพรมนั่งอยู่บนเตียงจ้องมองอย่างไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ตัวผมนั้นค่อย ๆ หันหน้ามาเผชิญกับหญิงสาวร่างเปลือยเปล่าที่มีทรวดทรงเนินอกอวบอิ่ม ยอดเม็ดเชอรี่สีชมพูดตั้งเต้าขึ้นด้วยอารมณ์สวาทที่ผมเป็นคนนำพา  

 

 

   

 

 

             “แยกขาออก…”  

 

 

   

 

 

             ผมยืนกอดอกพร้อมกับชี้นิ้วสั่งให้คนตรงหน้าทำตามด้วยเสียงที่เย็นชา ถึงแม้ใบหน้าสุดเซ็กซี่นั้นจะมึนงงด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็ทำตามคำสั่งของผมอยู่ดี ขาขาวสองขาค่อย ๆ แยกออกกว้างด้วยอาการเขินอาย ผมยืนกอดอกมองกรีบอ่อนสีชมพูที่เปิดอ้าให้ผมได้เชยชม หากเป็นเมื่อก่อนตัวผมคงจะปรี่เข้าก้มลงลิ้มลองแต่วันนี้ผมซึ่งไร้อารมณ์สวาทกับร่างกายตรงหน้านี้เสียแล้ว ร่างกายที่ผมจ้องมองมันกลับเป็นร่างบอบบางของอีกคน   

 

 

   

 

 

           อีกแล้ว…  

 

 

   

 

 

              ผมเห็นร่างของคับฟ้าอีกแล้ว…  

 

 

   

 

 

             “ยืนมองอยู่ทำไมคะ แพรมไม่ไหวแล้วนะ…”  

 

 

   

 

 

             เสียงยั่วยวนชวนให้นั่งลงนั่นมันใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ตอนนี้เสียแล้ว อารมณ์พิศวาสที่ผมเคยมีนั่นหายไปจนความรู้สึกเฉย ๆ เข้ามาแทนที่ ถึงร่างตรงหน้าจะเซ็กซี่ขยี้ใจผมแค่ไหนแต่ผมกลับมองภาพของคับฟ้าทับซ้อนลงมาอยู่ดี   

 

 

   

 

 

              ทำไม….  

 

 

   

 

 

              ทำไมในหัวมีแต่ภาพชายหนุ่มหน้าหวานที่ไม่เคยอ่อนข้อให้ผมแม้แต่ครั้งเดียว…  

 

 

   

 

 

             “หลังจากนี้เธอไม่ต้องติดต่อฉันมาอีก เช็คใบนี้คงพอสำหรับค่าตัวที่เธอเคยร่วมหลับนอนกับฉันมา”  

 

 

   

 

 

             ผมหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าสูทซึ่งตัวเลขที่ผมจดเขียนด้วยปากกานั่นเป็นตัวเลขที่สูงไม่น้อย และแน่นอนเมื่อหญิงสาวตรงหน้าเป็นคนที่ผมร่วมหลับนอนหลายครั้งตัวเลขที่อยู่ในเช็คต้องหกหลักขึ้นอยู่แล้ว แต่เหมือนร่างบางบนเตียงใหญ่นั่นจะไม่ยอมจบ เธอรีบยันตัวเองวิ่งเข้าสวมกอดผมทั้ง ๆ ที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า เสียงร่ำไห้สะอื้นอยู่บริเวณหน้าท้องเมื่อรู้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายระหว่างเราสองคน  

 

 

   

 

 

             “ไม่นะขุนศึก อย่าทำแบบนี้กับแพรบนะคะ แพรมรักคุณ! เงินพวกนี้แพรมไม่ได้ต้องการ แพรมเข้าหาคุณเพราะแพรมรักคุณนะคะ ฮือ! ”  

 

 

   

 

 

             เมื่อเหตุการณ์เริ่มจะไม่เป็นอย่างที่ใจปราถนามือขวาจึงยกขึ้นเสยผมอย่างไม่สบอารมณ์ สิ่งหนึ่งที่ผมสุดแสนจะเกลียดคือการรั้งผมไว้อย่างที่คนตรงหน้าทำ การที่ผมบอกจบนั่นแปลว่าหลังจากนี้เราไม่เกี่ยวข้องและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้จะลืมข้อตกลงที่เคยคุยกันไว้  

 

 

   

 

 

             “ก่อนจะเดินเข้ามาในวงจรของฉัน ฉันบอกเธออย่างชัดเจนแล้วนะว่าระหว่างเรามีแค่เซ็กซ์ไม่เกี่ยวกับความรัก”  

 

 

   

 

 

             “…!”  

 

 

   

 

 

             “อย่าเรียกร้องอะไรเยอะนัก เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง ถ้ายังอยากจะอยู่ในวงการบันเทิงแบบสงบสุข มีงานไว้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องก็รับเช็คไปแบบเงียบ ๆ แล้วไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันอีกและหวังว่าเธอจะเข้าใจ”  

 

 

   

 

 

             “…!”  

 

 

   

 

 

             น้ำเสียงเย็นยะเยือกของผมเอ่ยขึ้นโดยการใช้สรรพนามที่แปรเปลี่ยไปเพื่อสื่อให้รับรู้ว่าสถานะของผมกับหญิงสาวตรงหน้าจะเป็นเพียงมนุษย์ที่แย่งกันสูดดมออกซิเจนร่วมโลกเท่านั้น หลังจากที่ผมก้าวออกไปจากประตูห้องบานนี้ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นจะถูกปิดผนึกไว้ในโลกแห่งความลับและใช้ชีวิตดำเนิดต่อไปตามทางของมัน  

 

 

   

 

 

             เมื่อทุกอย่างผมพูดชัดเจนแล้วก็หันหลังเดินตรงไปยังประตูห้องแล้วยกนาฬิกาเรือนหรูขึ้นดูเวลา ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเพิ่งจะสี่ทุ่มและผมก็ว่างดังนั้นผมจึงยกโทรศัพท์ต่อสายหาเพื่อนตัวเองอย่างไอ้ธนินออกมาดื่มเหล้าคลายเครียดเสียหน่อย เพราะถ้ากลับเข้าบ้านไปตอนนี้มีแต่จะเปิดสงครามกับร่างบางภรรยาของตัวเองเสียเปล่า ๆ   

 

 

.  

 

 

.  

 

 

.  

 

 

.  

 

 

.  

 

 

   

 

 

              นอนไม่หลับ…  

 

 

   

 

 

             คำนี้วนอยู่ในหัวมาหลายชั่วโมงนับตั้งแต่แยกตัวจากเหตุการณ์ที่มันทำให้ผมรูสึกกระวนกระวายใจ เพราะประโยคที่ศิลป์พูดมันตามมาหลอกหลอนจนทำให้ผมไม่เป็นอันหลับอันนอน หากจะโทรศัพท์ไปหาเพื่อนก็คงจะพากันนอนหมดแล้ว แหงสิก็ตอนนี้มันปาเข้าไปตีหนึ่ง ถ้าผมต่อสายหาพวกมันคงจะลุกขึ้นมาด่าผมกลางดึกแทน  

 

 

   

 

 

             “นอนไม่หลับดันหิวอีก อะไรของมึงวะคับฟ้า”  

 

 

   

 

 

             ผมยันตัวขึ้นจากหมอนใบใหญ่เมื่อเสียงท้องร้องดังขึ้นมาได้สักพักใหญ่ ความหิวที่เกิดขึ้นกลางดึกเวลาตีหนึ่งแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องตลกสักนิด ซึ่งปรกติตอนผมอยู่บ้านใหญ่ผมมักจะติดนิสัยหิวแบบนี้เป็นประจำและทุกครั้งก็ต้องแอบย่องเดินลงไปหาของกินในตู้เย็น เพราะถ้าหากม๊ารู้เข้ามีหวังโดนบ่นยาวเป็นอาทิตย์แน่  

 

 

   

 

 

             เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวใหญ่กว่าผมหลายเท่าตัวที่ผมมักจะใส่เวลานอนเพราะมันสบายและคล่องตัวกว่าชุดนอนอื่น สองขาผมเดินลงตามขั้นบันไดทีละขั้น ทีละขั้นจนสองเท้าที่เปลือยเปล่าสัมผัสกับพื้นกระเบื้องด้วยอุณหภูมิที่เย็นยะเยือก ด้วยความที่รีบร้อนจนลืมใส่รองเท้าลงมาแต่มันก็ไม่ใช่ปัญาใหญ่สักเท่าไหร่เพราะตอนนี้ผมกำลังเดินตรงมุ่งไปยังตู้เย็นเพื่อหาของกินมารองท้องก่อนที่ตัวเองจะหิวจนไส้ขาด   

 

 

   

 

 

             “โยเกิร์ตก็ได้วะ อิ่มดีไม่อ้วนด้วย”  

 

 

   

 

 

             ตัวผมก้มลงไปหยิบถ้วยโยเกิร์ตรสมะพร้าวขึ้นมาเปิดกิน เนื้อข้น ๆ ของผมทำให้ผมระบายยิ้มออกมาตั้งแต่คำแรกที่ได้ลิ้มลองและเมื่อได้สิ่งที่ต้องการตัวผมจึงหันหลังเดินกลับขึ้นไปบนห้องเพื่อกะว่าจะขนไปนอนกินบนเตียงอย่างที่ชอบทำ แต่เมื่อตัวผมเดินพ้นออกจากห้องครัวสองเท้าที่กำลังเดินถึงกับชะงัก ร่างที่เซไปเซมาจากประตูบ้าน ร่างสูงในสูทตัวเดิมตั้งแต่ของเมื่อวานมันบ่งบอกให้ผมรู้ว่าร่างตรงหน้านี้ไปดื่มมาหนักแค่ไหน   

 

 

   

 

 

             “อึ่ก!…”  

 

 

   

 

 

             ขุนศึกพาตัวเองเดินมาถึงโซฟาตัวใหญ่ภายห้องนั่งเล่น ใบหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เงยหน้าขึ้นมาปะทะกับสายตาของผม สายตาคมเข้มหลี่ตามองเหมือนจะประมาณภาพให้คมชัดขึ้นมาร่างที่ยืนอยู่นั้นคือใคร ในขณะที่ผมมองร่างของคนเมาที่อยู่เบื้องหน้ามือตัวเองก็ตักโยเกิร์ตขึ้นกินไม่ได้ทุกข์ไม่ได้ร้อน เพราะความหิวมันไม่สามารถทำให้ละความสนใจไปได้ง่าย ๆ หรอก  

 

 

   

 

 

             “ภรรยาสุดสวย อึ่ก! ยังไม่นอนอีกหรอครับ”  

 

 

   

 

 

             เสียงเอ่ยทักยังคงปรกติเหมือนเดิมแต่มีเพียงอาการมึนจนเซเท่านั้นที่ผมสังเกตเห็น ใบหน้าที่แดงก่ำของเจ้าของประโยคเดินเซเล็กน้อยเหมือนกำลังจะเก็บอาการมึนเมาของตัวเองให้สลัดออกไปจากตัว ผมยืนตักโยเกิร์ตสีขาวเข้าปากด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย หากผมรู้ว่าเดินลงมาแล้วจะเจอกับขุนศึกผมยอมหิวจนไส้ขาดเสียดีกว่า  

 

 

   

 

 

             “อืม…”  

 

 

   

 

 

             ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแล้วเบี่ยงตัวเองเดินกำลังขึ้นไปด้านบน แต่แรงรั้งบริเวณข้อพับถูกผลักให้ผมล้มตัวลงนั่งบนขอบโซฟาใกล้ตัวด้วยฝีมือของขุนศึก และถ้าหากผมถือถ้วยโยเกิร์ตไม่มั่นพอมันคงจะหล่นหกเต็มพื้นไปแล้ว ในระหว่างที่จะตวัดสายตาขึ้นไปต่อว่าตัวต้นเหตุที่รั้งแขนผมจนเซลงนั่งกับโซฟาต้องชะงักไปชั่วขณะ เมื่อใบหน้าของขุนศึกที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากหลอดไฟที่ถูกปรับโหมดระบบอัตโนมัติส่องกระทบลงบนหน้า ทำให้ผมเผลอสบตาเข้ากับดวงตาคู่นี้ที่กำลังมองผมด้วยสายตาเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ถึงกับต้องหยุดนิ่งไป  

 

 

   

 

 

             “ปล่อยกู…”  

 

 

   

 

 

              “ขอโทษ เจ็บไหม ขอโทษ…”  

 

 

   

 

 

             เสียงเข้มเอ่ยถามผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยผมไม่รู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงถามผมแบบนั้น และแน่นอนว่าไม่มีคำตอบใด ๆ หลุดออกจากปากของผม  

 

 

   

 

 

              มันกำลังง้อหรอ…  

 

 

   

 

 

           ขุนศึกมันกำลังง้อผมใช่ไหม…  

 

 

   

 

 

              ความปากหนักของตัวเองที่ไม่อยากเป็นฝ่ายเปิดประเด็นก่อนจนทำให้ต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กัน ปล่อยให้ความเงียบครอบงำระหว่างเรา ฝ่ามือของขุนศึกเลื่อขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากผมอย่างเบามือ ปลายนิ้วเรียวยาววาดนิ้วลงบนขอบปากผมก่อนที่นิ้วนั้นจะยกขึ้นมาจรดเข้ากับตัวเอง โยเกิร์ตที่ผมเผลอกินเลอะนั้นถูกคนตรงหน้าจัดการไปเสียแล้ว   

 

 

   

 

 

             “อร่อย…”  

 

 

   

 

 

             ใบหน้าแดงก่ำเอ่ยพูดขึ้นแค่เพียงหนึ่งคำแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าว สายตาเยิ้มตรงหน้าเลื่อนใบหน้าเข้ามาหาผมทีท่ามกลางความเงียบที่ก่อขึ้นจนริมฝีปากของเราทั้งคู่แตะเข้าหากันราวกับบรรยากาศโดยรอบนำพาให้มันพาไป   

 

 

   

 

 

             ใบหน้าของขุนศึกเอียงคอเล็กน้อยเพื่อให้ได้องศาของตั้งรับกับใบหน้าของผม ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากของผม หลังจากนั้นลิ้นร้อนค่อย ๆ สอดเข้ามาเกี่ยวพันราวกับควานหาความหวานรสชาติของโยเกิร์ตจากผม เปลือกตาที่ถูกปิดลงถูกเปิดออกเมื่อริมฝีปากของขุนศึกผละออก ระยะห่างของใบหน้าหนึ่งคีบมันใกล้กันซะจนผมรับรู้ถึงไอร้อนของแอลกอฮอล์จากลมหายใจตรงหน้า  

 

 

   

 

 

             “กินอีกได้ไหม…”  

 

 

   

 

 

             ขุนศึกเล่นจ้องหน้าผมนิ่งทำเอาหัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ถ้วยโยเกิร์ตที่อยู่ในมือถูกมือหยาบกร้านแย่งไปถือไว้ ช้อนพลาสติกคันเล็กถูกตักโยเกิร์ตสีขาวข้นจอมาที่ปากผมโดยมีสายตาเย็นยะเยือกมองสื่ออารมณ์ในสิ่งที่ต้องการอย่างชัดเจน ปลายช้อนถูกเลื่อนเข้าสู่โพรงปากหน้าของขุนศึกไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบก้มลงสอดลิ้มหนาตวัดเกี่ยวพันหาความหวานของโยเกิร์ตในปากราวกับจะกลืนกินผมไปทั้งตัว   

 

 

   

 

 

             หัวใจสั่นรัวเมื่อมือหยาบกร้านเลื่อนเข้ามาภายในเสื้อเชิ้ตนิ้วมือสองข้างที่กำลังบดขยี้หน้าอกผมเล่นอย่าเอาแต่ใจ ใบหน้าของเราผละออกจากกันก่อนที่ขุนศึกจะใช้ลิ้นร้อนไล่เลี่ยคอยาวระหงษ์ปลายลิ้นเลี่ยวนซอกคอผมทีละข้าง ทีละข้าง ใบหน้าผมเชิดขึ้นด้วยความรู้สึกเสียวซ่านที่ได้รับ  

 

 

   

 

 

             “อ๊ะ อื้อ”  

 

 

   

 

 

             ยิ่งปลายลิ้นแตะลงมาบริเวณต้นคอตัวผมก็กระสับกระส่ายไปหมด บรรยากาศรอบข้างนำพาอารมณ์ของเราทั้งคู่ไหลไปตามที่มันควรจะเป็น   

 

 

   

 

 

              ไม่มีการขัดขืนเหมือนทุกครั้ง…  

 

 

   

 

 

           ครั้งนี้มันอบอวบไปด้วยความเต็มใจอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน…  

 

 

   

 

 

             ส่วนล่างของผมจากที่เคยแน่นิ่งตอนนี้มันถูกปลุกเร้าอารมณ์จากคนตรงหน้าได้สำเร็จ และเหมือนขุนศึกจะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวสิ่งที่อยู่ภายใต้ร่มผ้านี่ ก่อนที่มือหยาบกร้านจะเลื่อนมากุบไว้แล้วขยับข้อมือในจังหวะที่เนิบนาบ   

 

 

   

 

 

             “อา อ๊ะ”  

 

 

   

 

 

             เสียงครางดังขึ้นเมื่อความเป็นชายผมถูกปลุกยิ่งสายตาเชี่ยวคมคู่นี้จ้องมองผมแทบจะกัดกลืนกินผมไปทั้งตัว สายตาผมปรือตามองไปที่ใบหน้าของขุนศึกที่ใคร ๆ ต่างอยากได้ไปครอบครองและแย่งชิง   

 

 

   

 

 

             “อ อย่า พอแล้ว อ๊ะ…”  

 

 

   

 

 

             มือสองข้างผมใช้เป็นที่ดันตัวเพื่อไม่ให้ข้อมือนั่นที่ขยับด้วยความเร็วจนตัวผมกระตุก ซึ่งตัวผมนั้นไร้เรี่ยวแรงในการขัดขืน ถึงปากอยากจะบอกให้พอแต่ร่างกายตัวเองดันคล้อยตามอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ถ้วยเล็ก ๆ ถูกเขวี้ยงออกไปด้านข้างและเจ้าตัวก็ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะกระเด็นไปทางไหน เพราะสิ่งที่ขุนศึกสนใจคือการปลดเนคไทคสีน้ำตาลเข้มออกจากเสื้อสูทตัวเอง สายตาราวกับสัตว์ป่าที่หิวโหยพร้อมจะขย้ำผมให้แหลก ขุนศึกใช้เนคไทคเส้นนี้โน้มตัวไปมัดไว้กับข้อมือผมด้านหลังและการกระทำนี้ทำเอาผมตกใจไม่น้อย  

 

 

   

 

 

             “ม มัดทำไม…”  

 

 

   

 

 

             “มึงโดนมัดแล้วสวยดี สวยจนทำกูสร่างเมา…”  

 

 

   

 

 

             มุมปากของมันยกยิ้มขึ้นมาให้แล้วก้มลงถอดกางเกงผ้าสูทออกจนทำให้ตอนนี้ท่อนล่างของมันเปลือยเปล่าไม่ต่างอะไรกับผมเลย ในใจก่นด่าตัวเองบอกให้ดิ้นหนีไปจากบทสวาทที่กำลังจะเริ่มขึ้นแต่ร่างกายเจ้ากรรมกลับนั่งนิ่งเฉยให้สายตาคมคู่นี้ไล่สำรวจมองทุกอณูของผิวกายของตัวเอง   

 

 

   

 

 

              เขิน…  

 

 

   

 

 

           แล้วทำไมผมต้องเขินสายตาแบบนั้นของขุนศึกกัน…  

 

 

   

 

 

             ตัวผมจากที่นั่งอยู่บนขอบโซฟาเนาะนุ่มจู่ ๆ ก็ถูกจับตัวพลิกหันหน้าเข้ากับโซฟาและทันใดนั้นชายเสื้อเชิ้ตผมกฌถูกถกขึ้นยันกลางหลังก่อนที่ตัวขุนศึกจะรีบเข้ามาประกบด้านหลังแล้วจับแก่นกายขนาดใหญ่จดจ่อเข้าปากทางสวาทของผมในขณะเดียวกันฝ่ามืออุ่นข้างหนึ่งก็ชโลมน้ำลายเพื่อเป็นการเบิกทางให้ผมไป โดยมีเสียงหายใจกระเส่าแนบอยู่ข้างหูที่กำลังบอกว่าความต้องการที่ก่อขึ้นมันจะไม่ไหวแล้ว  

 

 

   

 

 

             “อ๊ะ! เจ็บ! ขุนศึกปล่อย!”  

 

 

   

 

 

             สองนิ้วถูกสอดเข้ามาทีเดียวทำเอาน้ำตาคลอเบ้าหากแต่ความเจ็บนั้นกลับมีเสียวซ่านเข้าแทรกแซงเข้ามา จากนิ้วที่เคยสอดใส่ในเสี้ยววินาทีนิ้วทั้งสามก็ถูกถอดออกและกลับเป็นแก่นกายแท่งนั้นสอดเข้ามาแทนที่ ความใหญ่ของขนาดยิ่งทำให้ผมจุกท้องน้อยแปลบ ๆ ถึงแม้ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สองก็ตามที  

 

 

   

 

 

             “อ่า ตอดรัดแน่นมาก”  

 

 

   

 

 

             เสียงกระเส่าบริเวณข้างหูตอนนี้ได้ก้มลงฝังจูบท้ายทอยโดยริมฝีปากหนาคู่นั้นดูดคลึงคล้ายกับทำรอยด้วยความตั้งใจ ถึงแม้อยากจะหดคอหนีก็ทำไม่ได้เมื่อสะโพกหนาเริ่มขยับเข้าออกเป็นจังหวะ  

 

 

   

 

 

             “อ๊า ขุนเจ็บ! อ๊ะๆๆ”  

 

 

   

 

 

             แรงกระแทกที่สอดใสไม่แผ่วสักนิดผมเชิดหน้าขึ้นด้วยความเสียวที่ขุนศึกมอบให้แต่ในระหว่างที่สุขสมกับท่วงท่าของกายหบายด้านหลัง แผ่นหลังผมจู่ๆ ดันถูกผลักลงไปนอนระนาบชิดกับตัวโซฟา สองแขนที่ถูกมัดถูกดึงขึ้นดึงขึ้นจนตึก เอวหนาไม่รีรอให้ผมได้ทำใจสวนแก่นกายอุ่นเข้ามาด้วยจังหวะที่เน้น ๆ ลึกกว่าท่าเดิม เสียงครวญครางดังขึ้นเมื่อจังหวะสอดใส่ถี่รัวอย่างไร้การปราณี   

 

 

   

 

 

             “อ๊ะ!!…”  

 

 

   

 

 

             เสียงร้องด้วยความตกใจเมื่อแท่งร้อนกำลังบรรเลงได้ที่ก็ถูกถอดออกกลางคัน ก่อนที่สะโพกผมจะถูกยกขึ้นจนตัวลอยไปอยู่บนของโซฟาแทนจึงทำให้สองขาผมอยู่ในท่าระนาบไปกับเบาะ หากขุนศึกปล่อยมือจากผมมีหวังหน้าตัวเองได้ขม่ำกองลงไปกับพื้นเป็นแน่  

 

 

   

 

 

             “ท่านี่แหละเด็ด…”  

 

 

   

 

 

             “อ๊ะ! เดี๋ยวตก! อ๊าๆๆ!”  

 

 

   

 

 

              อีกแล้ว….  

 

 

   

 

 

           ขุนศึกสอดใส่เข้ามาในตัวผมอีกแล้ว…  

 

 

   

 

 

             ตัวผมถูกกดให้นั่งลงสองแขนที่ถูกพันธะนาการดึงขึ้นเข้าใส่ร่างกายที่ล่ำสันและแข็งแรง เสียงหอบกระเส่าระหว่างเราเริ่มถี่ขึ้นพร้อมกับจังหวะที่สอดใส่แรงดีไม่มีตกจนโซฟาตัวที่ผมนั่งอยู่ถึงกับสั่นตามแรงกระแทก มือสองข้างผูกถูกแก้ออกเมื่อความต้องการเริ่มแตะขึ้นบนสุด เสียงทุ้มกระเส่าหอบอย่างมีเส่ห์ที่อยู่ข้างหูยิ่งเป็นตัวเร้าอารมณ์ จนในที่สุดน้ำรักซึ่งไร้การช่วยเหลือใด ๆ จากการสัมผมก็ถูกปลดปล่อยออกมา  

 

 

   

 

 

              กิจกรรมรักอันร้อนที่ผมเพิ่งเผชิญ…  

 

 

   

 

 

           เสียงครางอย่างกระเส่าด้วยความสุขสมอย่างรู้สึกดี…  

 

 

   

 

 

           ความรู้สึกนี้มันหมายความว่ายังไงกัน…  

 

 

   

 

 

             สองมือหนาที่เกาะสะโพกผมแน่นเมื่อแรงกระแทกสอดใส่เข้าด้วยอารมณ์สัตว์ป่าที่หิวโหย เสียงครางทุ้มต่ำของขุนศึกดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ๆ จนในที่สุดน้ำรักของคนด้านหลังก็ปลดปล่อยออกมา แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจผมหวิวด้วยความกลัว กลัวว่าสิ่งที่ครอบครัวกำลังยัดเยียดให้นั้นสักวันมันจะเกิดจริงเพราะการร่วมหลับนอนในครั้งนี้  

 

 

   

 

 

              ขุนศึกเลือกที่จะปลดปล่อยน้ำรักของตัวเองเข้ามาในตัวผม…  

ซ้อจำเป็น

ซ้อจำเป็น

Status: Ongoing
*ยังไม่ผ่านการพิสูจน์อักษร* ซ้อจำเป็น (Mpreg) ชีวิตที่ไม่มีสิทธิเลือกแม้กระทั้งคนที่อยากใช้ชีวิตคู่ด้วยตัวเอง ต้องถูกอากงอาม่าจับหมั้นกับหลานชายเพื่อนสนิทสมัยเรียน! แถมยังไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาด้วยซ้ำ! และสิ่งสำคัญที่สุด… ลูกบ้านอื่นมีแต่เขาอยากจะได้ลูกสะใภ้ แล้วเหตุไฉนบ้านไอ้คับฟ้าคนนี้ถึงอยากได้ลูกเขยแทนละว่ะ! เนื้อหา และ ภาพ บางตอนไม่เหมาะกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แต่หากรี้ดท่านใดต้องการเสพความบันเทิงนิยายเรื่องนี้ต่อควรใช้วิจารณญาณอย่างสูง!!!! เตือนแล้วนะ! อิ้อิ้ เรื่องนี้ฟรีไม่ติดเหรียญ ได้เวลาคืนกำไรให้กับลีดทุกคน ที่คอยซัพพอร์ตนักเขียนแมงหมี่หน้าใหม่คนนี้โดยตลอดมา อิ้อิ้ ลีดท่านใดสายชิว สายไม่รีบเชิญทางนี้เลยค่ะ เพราะทุกเรื่องไรต์ด้นสดทุกเรื่องเด้อโปรดเข้าใจนักเขียนสายชิวคนนี้ด้วยนะคะ งานแต่งเผื่อไม่มี มีแต่งานดองจ้า 5555555 ไม่เคยแต่งแนวนี้มาก่อน ฝากเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยนะคะ ><

Comment

Options

not work with dark mode
Reset