ซ้อจำเป็น – ตอนที่ 2

บทที่ 2  

 

 

 

 

 

               

 

 

             “หล่อมากเลยเฮีย วันนี้เฮียของหมวยหล่อมาก”  

 

 

 

 

 

             น้องสาวสุดน่ารักเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงกระปรี้กระเปร่าอย่างตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ราวกับเป็นวันหมั้นของผมจริง เสียงั้น แค่วันนี้ผมมีนัดทานข้าวกับว่าที่สามีในอนาคตน้องผมถึงกับออกอาการจนเกินเหตุ ส่วนพี่หวานที่ยืนอยู่ข้างหลังคอยมองมองด้วยรอยยิ้มเคอะเขิน  

 

 

 

 

 

             “เฮียของหมวยเป็นยังไงบ้างพี่หวาน”  

 

 

 

 

 

             สาวหุ่นอวบอั้นของน้องผมหันตัวไปถามพี่หวานที่ยืนกุมมือไว้ตรงหน้าด้วยท่าทางนอบน้อบแล้วเผยยิ้มออกมาอย่างจริงใจซึ่งสีหน้าที่แดงระเรื่อของสาวใช้คนสนิทของผมทำให้หมวยถึงกับยิ้มออกมา  

 

 

 

 

 

             “หล่อมากค่ะคุณหนู วันนี้เฮียของคุณหนูหล่อมากค่ะ”  

 

 

 

 

 

             น้ำเสียงดูจะมีชีวิตชีวามากกว่าทุกวันของพี่หวาน มันช่างแตกต่างกับผมตอนนี้เหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าถูกบังคับให้ไปจากคำสั่งของอากงอาม่า ตอนนี้ผมคงได้นั่งสังสรรค์กับพวกเพื่อนตัวเองแล้วไม่ต้องมานั่งรอให้ใครบางคนมารับแบบนี้หรอก   

 

 

 

 

 

“รับรองถ้าเฮียขุนศึกเห็นต้องตะลึงแน่นอน หมวยรับรอง!”  

 

 

 

 

 

หน้าขาวกลมบ๊อกของหมวยยื่นหน้ามาใกล้ผมแล้วมองตรงไปยังกระจกบานใหญ่ซึ่งปรากฏสะท้อนตัวของพวกเราอยู่อีกฝากฝั่งหนึ่ง สีหน้าของหมวยยิ้มแย้มทุกครั้งที่พูดถึงชายผู้เป็นว่าที่สามีในอนาคต หากแต่สำหรับผมยังคงมีเพียงสีหน้าบึ้งตึงเท่านั้น จนผมแปลกใจไม่น้อยว่าสถานการณ์เดียวกันแต่อารมณ์สองพี่น้องอย่างเราช่างต่างกันสุดขั้ว  

 

 

 

 

 

เสียงเรียกเข้าจากปลายสายดังขึ้นมาในระหว่างที่ผมนั่งเป็นหุ่นทดลองให้น้องสาวแต่งตัวเล่น มือขวาโน้มตัวไปคว้าโทรศํพท์ตัวเองขึ้นมา สายตาหลุบต่ำมองดูเบอร์ที่ถูกเมมเข้าเครื่องสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่  

 

 

 

 

 

 ทำไมผมถึงได้เบอร์มานะหรอ…  

 

 

   

 

 

ฝีมือของอาม่าตามเคย…  

 

 

   

 

 

‘ขุนศึก’  

 

 

   

 

 

เมื่อชื่อบุคคลนั้นแสดงบนหน้าจอก็ถึงจะถอนหายใจด้วยอาการห่อเ**่ยว ผมนั่งมองสายตาไร้อารมณ์ก่อนที่นิ้วมือตัวเองจะเลื่อนไถ่บนหน้าจอไปทางขวาเพื่อกดรับสายโดยไม่อยากให้ทางนั้นถือสายรอนาน   

 

 

 

 

 

              เพราะความเกรงใจมันมีอยู่ในนิสัยผมมากโข…  

 

 

 

 

 

‘จะถึงแล้ว ลงมา’  

 

 

   

 

 

เสียงทุ้มของปลายสายเอ่ยพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะตัดไปโดยที่ผมยังไม่ทันตอบกลับอะไรเสียด้วยซ้ำ สีหน้างงงวยผุดขึ้นบนใบหน้าตัวเองทันทีที่โดนตัดสายอย่างไม่มีปรี่ไม่มีขลุ่ย   

 

 

 

 

 

คนอะไรไร้มารยาทเสียจริง…  

 

 

 

 

 

“เหอะ ถ้าจะพูดแค่นี้ไม่ต้องโทรมาก็ได้ไหม เหอะ”  

 

 

 

 

 

ผมบ่นพรึมพรำกับตัวเองโดยสองมือของตัวเองนั้นยกขึ้นเซ็ตผมครั้งสุดท้าย ก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์เดินออกจากห้องตรงไปยังด้านล่าง ในระหว่างทางเดินลงแขนขวาตัวเองก็ถูกพันธนาการจากแขนของหมวยที่สอดมือคล้องแขนผมไม่ห่าง เมื่อเห็นการกระทำยัยแสบก็อดเผยยิ้มและเอี้ยวหน้าฝังจูบบนหัวไม่ได้ โตจนจะเข้ามหาลัยอีกไม่กี่เดือนแต่ยังมาทำตัวติดแจผมเหมือนเดิม  

 

 

 

 

 

“หมวยตื่นเต้นแทนเฮียจัง ได้ไปเดตกับหนุ่มฮอตอย่างเฮียขุนศึก”  

 

 

 

 

 

“…”  

 

 

 

 

 

“เฮียรู้ไหมว่าเฮียขุนศึกติดอันดับผัวทิพย์ของสาวหลาย ๆ คนเลยนะเฮีย ไม่ใช่แค่ประเทศเรานะยังเป็นผัวทิพย์ที่จีนอีกต่างหาก”  

 

 

 

 

 

“หรอ อะไรจะเว่อร์ขนาดนั้น”  

 

 

 

 

 

“จริง ๆ นะเฮีย เฮียโชคดีกว่าผู้หญิงนับพันเลยนะ เฮียหมวยสุดยอด!”  

 

 

 

 

 

สองขาก้าวลงบันได้พร้อมกับเสียงของหมวยที่เล่าออกอาการราวกับคนคลั่งไคล้ศิลปินสักคน ในจังหวะที่หมวยเล่าตัวก็บิดไปมาด้วยความเขินราวกับจะไปแทนผมเสียอีก สองเท้าแตะสู่พื้นกระเบื้องหรูสายตาผมจึงช้อนขึ้นมองหนุ่มร่างสูงที่วันนี้ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ตั้งใจขึ้นจนถึงข้อศอก ส่วนกางเกงนั้นเป็นสแลคเก้าส่วนสีดำผมเห็นแวบแรกก็นิ่งค้างไปชั่วขณธและคิดในใจกับตัวเองว่าทำไมผูชายคนนั้นถึงแต่งตัวเรียบธรรมดาแต่กลับดูดีอย่างเหลือเชื่อ  

 

 

 

 

 

“นั่นไงลงมาแล้ว เร็วๆ สิอาคับฟ้า ให้พี่เขายืนรอนานมันไม่ดีนะ”  

 

 

 

 

 

เสียงอาม่าที่ยืนพูดคุยกับชายมาดนิ่งนั้นเมื่อหันมาเห็นผมก็ถึงกับกวักมือเรียกให้รีบเดินเข้าไปหา ร่างสูงกำยำเมื่อเห็นผมก็ตวัดมองผมแววตาเรียบเฉย ก่อนที่จะยิ้มบาง ๆ ออกมาให้เมื่ออาม่ากับม๊าหันไปหาตัวเอง เมื่อผมเห็นแบบนั้นก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่แค่ผมที่ไม่เห็นด้วยกับงานหมั้นเพราะร่างสูงตรงหน้าก็คิดไม่ต่างไปจากผมเช่นกัน  

 

 

 

 

 

“อาคับฟ้าเสร็จแล้ว พวกลื่อก็พากันไปได้แล้ว ไป ๆ”  

 

 

 

 

 

ผมสัมผัสได้ว่าอาม่ากำลังไล่ต้อนให้พวกเรารีบออก สายตาผมลอบมองไปที่ม๊าด้วยสายตาละห้อยส่วนหมวยก็ได้แต่ยืนแอบชูสองนิ้วขึ้นมาอย่างให้กำลังใจคู่กับพี่หวาน   

 

 

 

 

 

นี่ผมต้องไปจริง ๆ หรอ…  

 

 

 

 

 

“งั้นผมไปก่อนนะครับอาม่า สวัสดีครับ”  

 

 

 

 

 

ร่างสูงเอ่ยบอกลาและยกมือขึ้นไหว้อย่างมีมารยาทก่อนจะเดินเข้ามาคว้ามือขึ้นไปจับต่อหน้าทุกคน การกระทำดังกล่างทำเอาตัวผมแข็งทื่อราวกับเป็นหิน ไม่ใช่ว่าไม่เคยจับมือกับใครมาก่อนเพราะมากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว แต่ที่อึ้งคือผมถูกโจมตีโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัว  

 

 

 

 

 

“ไปกันได้แล้ว ด้วยจะดึกไปกันใหญ่”  

 

 

 

 

 

สีหน้าฉายแววยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของอาม่าเมื่อเห็นการกระทำของคนร่างสูงที่ตอนนี้ได้กุมมือผมไว้แน่น และไม่นานนักตัวผมก็โดนจูงมือไปพร้อมกับรอยยิ้มของทุกคนที่ส่งมา เมื่อสองขาพ้นออกจากประตูบานใหญ่จนเดินถึงรถปอร์เช่สีส้มที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน มือที่กุมผมไว้ด้านในเมื่อครู่ถูกสะบัดออกอย่างแรง และผมไม่แปลกใจเลนสักนิดเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่ามันเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น และคนอย่างคับฟ้าคนนี้ก็ไม่ได้คาดหวังให้มันเป็นเรื่องจริงสักนิดเดียว  

 

 

 

 

 

“ขึ้นรถ กูไม่มีเวลาว่างมาก”  

 

 

 

 

 

เสียงเฉยชาแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันแตกต่างจากเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว สีหน้าไม่สบอารมณ์ของร่างสูงที่ยืนมองผมอย่างไม่ชอบพอ ก่อนจะหลุบตัวเข้าไปในรถเมื่อเห็นผมนั่งยืนนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื่อนตัวไปไหน  

 

 

 

 

 

“กูบอกให้รีบขึ้นมา!”  

 

 

 

 

 

น้ำเสียงตะคอกไม่ดังมากและสายตายดุดันไร้ซึ่งการอ่อนโยนของคนตรงข้ามที่ยืนท้าวแขนขอบหลังคารถฝั่งคนขับ มองดูว่าเมื่อไหร่ผมจะทำตามสิ่งที่เจ้าตัวบอก เมื่อสถานการณ์พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ผมก็อดจะแค้นขำออกมาเสียไม่ได้   

 

 

 

 

 

เจอกันครั้งแรกระยะประชิดก็ทำเอาผมประเมินให้ติดลบไปเลย…  

 

 

 

 

 

“ถ้ายุ่งมาก ไม่มาแต่แรกก็จบ”  

 

 

 

 

 

แล้วมีหรือที่คนอย่างคับฟ้าจะยอมอ่อนข้อให้ง่าย ๆ ผมมองกลับไปด้วยสายตาท้าทายไม่เกรงกลัวสักนิดถึงคนตรงข้ามผมจะอายุห่างกันสี่ปีก็ตามที   

 

 

 

 

 

สนที่ไหน…  

 

 

 

 

 

“กูไม่ได้อยากมานักหรอกแต่มันจำใจต้องมา!”  

 

 

 

 

 

ประโยคแสนจะเย็นชาเอ่ยพูดออกมาด้วยแววตาที่นิ่งเฉย ผมแค้นยิ้มกับสิ่งที่ตัวเองกำลังได้ยินจากปากของพ่อหนุ่มสุดฮอตตามที่น้องสาวตัวเองพึ่งพูดไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา สายตาตวัดขึ้นไปจ้องมองด้วยสีหน้าค่อนข้างผิดหวัง ผิดหวังแทนผู้หญิงทุกคนที่อยากจะมาเป็นสาวให้ชายผู้นี้ควงเล่น  

 

 

 

 

 

“จะไปไหมล่ะ ไม่ไปจะได้เดินกลับเข้าบ้าน”  

 

 

 

 

 

ด้วยความที่ไม่ได้อยากจะไปด้วยเป็นทุนเดิมและยิ่งร่างสูงเปิดประเด็นหาเรื่อง ผมก็ยิ่งรู้สึกเห็นดีเห็นชอบเข้าไปใหญ่ และการกระทำก็ไวกว่าความคิดเพราะผมเตรียมหันตัวกำลังจะเดินกลับไปทางเดิมที่พึ่งเดินผ่านมา ผมจึงหมุนตัวกลับเข้าบ้านแต่ขาที่กำลังจะเดินออกเพียงสองก้าวข้อมือก็ถูกกระฉากด้วยแรงมหาศาลจากบุคคลที่เคยยืนอยู่ตรงประตูคนขับ แต่ตอนนี้กลับกลายมาอยู่ตรงหน้าแถมกระฉากจนตัวผมเซไปซบกับอกกว้างแทน   

 

 

 

 

 

“มึงอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่! ขึ้นรถ!”  

 

 

 

 

 

เสียงพูดเบา ๆ แต่แฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราดมาให้เมื่อผมไม่ทำตามสิ่งที่คนตรงหน้าบอก มุมปากผมยกยิ้มกลับไปโดยไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแม้แต่น้อย คนคนนี้มันเป็นใครทำไมผมต้องกลัวด้วยล่ะ แค่ว่าที่คู่หมั้นที่ผมจำใจต้องหมั้นก็เท่านั้นเอง   

 

 

 

 

 

“หรือว่ามึงกำลังแกล้งทำเป็นเล่นตัวให้กูสนใจ ชอบเรียกร้องความสนใจหรอเรา”  

 

 

 

 

 

สายตาหลุบต่ำมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าในขณะที่ผมแนบชิดกับแผงอกหนาอยู่ คำพูดสุดแสนจะเข้าข้างตัวเองจนผมต้องรีบผลักตัวออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี แผ่นหลังกว้างแนบชิดไปกับตัวรถส่วนผมที่ทรงตัวได้ก็ออกมายืนเวว้นระยะห่างพอควร และได้แต่คิดในใจว่าประโยคเมื่อครู่ร่างสูงตรงหน้ากล้าพูดออกมาได้อย่างไร   

 

 

 

 

 

ผมกำลังเรียกร้องความสนใจ ?…  

 

 

   

 

 

สิ้นคิดที่สุด…  

 

 

 

 

 

“ต่อให้บนโลกเหลือแค่มึง กูก็ไม่เอาหรอก!”  

 

 

 

 

 

สรรพนามที่ใช้มันเหมาะสมกับหน้าตาและนิสัยแย่ ๆ ของคนตรงหน้ามากกว่าจะพูดดีด้วยได้ ร่างสูงเมื่อได้ยินในสิ่งที่ผมบอกสองมือจึงเลื่อนขึ้นกอดอกและมองมายังผมอย่างเหลืออด เป็นสิ่งตอกย้ำว่าผมไม่ใช่แค่ไม่สนใจแต่ผมไม่ชอบขี้เลยต่างหาก   

 

 

 

 

 

“ปากดีนี่หว่า นึกว่าจะเรียบร้อยเหมือนที่อาม่ามึงชอบเล่าให้ฟัง”  

 

 

 

 

 

สีหน้ายียวนกวนบาทาของว่าสามีในอนาคตทำเอาผมเกือบพุ่งใส่หน้าด้วยความเหลืออด แต่แล้วเสียงของอากงที่กำลังเดินเล่นในสวนหน้าบ้านโดยมีลุงสมศักดิ์คนดูแลอากงเดินผ่านมาตรงที่ผมยืนอยู่พอดี  

 

 

 

 

 

“พวกลื่อยังไม่ไปกันอีกหรอ เดี๋ยวมันจะดึกเอานะ”  

 

 

 

 

 

เสียงอากงที่พูดขึ้นทำให้ตัวผมที่หวังจะพุ่งสวนหมัดลงบนหน้าของคนตรงข้ามถึงกับชะงักไป สีหน้าแววตาผมจึงฉายแววโกรธเกลียดอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ต้องปรับสีหน้าไปหาอากงพร้อมกับรอยยิ้มที่ถูกปั้นแต่งเพื่อให้อากงสบายใจ   

 

 

 

 

 

“กำลังไปครับกง งั้นผมไปก่อนนะ”  

 

 

 

 

 

ผมพูดขึ้นก่อนที่จะหันตัวเดินขึ้นรถด้วยอารมณ์ที่บูดบึ้งเมื่อต้องมานั่งรถกับบุคคลไม่พึงประสงค์อย่างมัน ไอ้คนป่าเถื่อน จิตใจหยาบช้า ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษแก่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลก เสียงเปิดประตูดังจากฝากฝั่งคนขับ เสียงเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของยี่ห้อดังสนั่นไปทั่วบ้านหลังใหญ่ ปอร์เช่สีส้มถูกเคลื่อนตัวออกไปตามทางหมู่บ้านจนเลี้ยวออกมาตามถนนใหญ่   

 

 

 

 

 

“จะไปไหน”  

 

 

 

 

 

ที่จริงไม่ได้อยากถามสักนิดเดียวแต่เพราะผมจำเป็นและผมก็ต้องมีสิทธิ์รับรู้เลยตัดสินใจเอ่ยปากถาม ในขณะที่อีกฝ่ายก็มั่วแต่สนใจกับโทรศัพท์ไล่กดเลือกเพลงโดยที่ไม่สนผม ยิ่งเห็นแบบนั้นผมถึงกับอดที่จะตะบะแตกไม่ได้ และสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเลยคือการโดนเมินใส่ในขณะที่มีผมเป็นผู้ร่วมสนทนาและตอนนี้ร่างสูงด้านข้างกำลังทำใส่ผมอยู่  

 

 

 

 

 

“…”  

 

 

 

 

 

“ไม่ได้ยินที่ถามรึไง!”  

 

 

 

 

 

ผมเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิมค่อนข้างเยอะหากแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจและยังก้มหน้าสาละวนกับการเลือกเพลงเสียมากกว่าตอบคำถามผม เมื่อคำตอบกลับมีเพียงเงียบผมจึงจบการซักถามโดยที่ไม่อยากจะเสวนากับคนพันนี้อีกต่อไป ไม่ว่าร่างสูงจะพาไปที่ไหนก็คงเลือกไม่ได้อยู่แล้วเพราะสารถีมันไม่ใช่ผม  

 

 

 

 

 

สายตาตัวเองหันออกนอกตัวรถทอดมองไปตามแสงไฟสีส้มด้วยความเพลิดเพลินตา ตัวรถคันหรูถูกเคลื่อนที่ไปตามท้องถนนได้ไม่ถึงกิโล รถปอร์เช่สุดหรูก็วิ่งเข้ามาจอดภายในปั้มขนาดใหญ่รถคันส้มถูกจอดอยู่หน้าห้องน้ำโดยที่เจ้าของรถไม่ได้ลงไปไหนและเอี้ยวหน้าหันมามองผมด้วยแววตาจริงจัง  

 

 

 

 

 

“อะไร แล้วมาจอดรถในปั้มทำไม”  

 

 

 

 

 

ผมนั่งกอดอกมองว่าที่สามีในอนาคตอย่างไม่ลดละ ผมต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนพันนี้จริง ๆ หรอ คนที่ใจหยาบกระด่างที่สุดเท่าที่คนอย่างผมเคยเจอมา สายตาหลุบต่ำมองสำรวจชายผู้ที่มีสาวมากหน้าลายตาพร้อมเข้าหาและอยากจะครอบครอง ร่างสูงคนนี้คงไม่น่าจะมีอะไรดีนอกจากหน้าตากับรวย หากถามหาเรื่องอื่นไม่มีแม้แต่เสี้ยวเดียว  

 

 

 

 

 

“มึงมองกูทำไม ทำไม๊ อยากลองจูบกับกูหรือไง”  

 

 

 

 

 

และก็เป็นอีกครั้งที่คนตรงหน้าเกิดอาการเข้าข้างหรือหลงตัวเองเป็นรอบที่สอง ผมได้แต่ทำหน้าเอือมระอากับความคิดของผู้ชายคนนี้   

 

 

 

 

 

“ให้ไปจูบตูดหมายังดีกว่าจูบกับมึงเลย”  

 

 

 

 

 

เมื่อทำตัวสถุนมาผมก็สถุนกลับไม่โกงอยู่แล้ว แต่คำพูดผมดันไปจี้จุดจนทำให้ร่างสูงเกิดอาการไม่พอใจสุดขั้ว ข้อมือผมถูกกระฉากเข้าหาจนตัวมาชิดกับแผงอกแกร่ง ผมสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากแรงกระชากแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแรงผมนั้นมีน้อยกว่าอยู่มาก แรงที่กุมข้อมือผมไว้นั้นแปรเปลี่ยนเป็นแรงบีบจนผมเริ่มรู้สึกเจ็บ  

 

 

 

 

 

“มันเจ็บ! จะกระชากทำไมนัก…”  

 

 

 

 

 

ยังไม่ทันที่จะพูดให้จบประโยคริมฝีปากหนาก็ก้มลงมาทาบริมฝีปากของผมโดยไม่ทันตั้งตัว จังหวะที่เผยปากออกทำให้ลิ้นของคนตรงหน้าสอดเข้าโพรงปากเกี่ยวพันลิ้นผมอย่างฉกฉวย ริมฝีปากล่างผมถูกขบอย่างแรงจนรู้สึกถึงกลิ่นคาว เมื่อผมเริ่มต้นดิ้นให้ออกจากการแผงอกกว้างฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งก็เอื้อมมาล็อคคางผมไว้ไม่ให้หันหน้าหนีหรือดิ้นไปไหนได้  

 

 

 

 

 

“อื้อ!”  

 

 

 

 

 

เป็นการจูบที่ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายสักนิดและมันค่อนข้างไปในทางรังเกียจเสียมากกว่า ตัวผมดิ้นสู้อยู่นานโดยริมฝีปากผมถูกบดขยี้และดูดคลึงไร้ซึ่งการตอบสนองใด ๆ ตอนน้าราวกับผมเป็นท่อนไม้ เมื่อคนตรงหน้าฉกฉวยริมฝีปากอย่างพอใจก็ผลักตัวผมออกแล้วมองหน้าผมด้วยความสะใจที่ถูกฉายแววออกมาจากนัยตาคู่นั้น  

 

 

 

 

 

“อย่าปากดีให้มันมาก ถ้าไม่อยากโดนกูจูบอีกรอบ”  

 

 

 

 

 

สองมือถูกกำหมัดเข้ามาหากันอย่างคับแค้นใจเมื่อต้องมาร่วมหายใจแย่งออกซิเจนในพื้นที่เดียวกันกับคนแบบนี้ ผมใช้หลังมือถูปากตัวเองจนเกิดอาการแสบร้อนจากการเสียดสีของผิวหลังมือ สายตาเอาแต่จับจ้องไปที่คนขับด้วยความเกรี้ยวกราด  

 

 

 

 

 

“ไอ้ควาย…”  

 

 

 

 

 

เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมก็ขอเลือกที่จะด่าออกมาแทนก็แล้วกัน หากสู้ด้วยเรื่องกำลังผมอาจจะแพ้เพราะขนาดตัวผมบอบบางกว่าไอ้คนขับอยู่มากโข ดังนั้นผมขอเลือกวิธีที่ถนัดอย่างเช่นปากตัวเองก็แล้วกัน  

 

 

 

 

 

“มึงว่าไงนะ”  

 

 

 

 

 

เพลงช้าสากลถูกเปิดคลออยู่ในรถไม่ได้ดังมากขนาดที่เจ้าของรถมันไม่ได้ยินหรอกนะ แต่ที่มันถามคงอยากจะได้ยินแบบชัดถ้อยชัดคำอีกรอบก็เป็นได้ ดังนั้นผมก็น้อบรับคำท้าทาย โดยการที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับรอยยิ้มเตรียมจะเอาคืนในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า  

 

 

 

 

 

“กูบอกว่า”  

 

 

 

 

 

“…”  

 

 

 

 

 

“ไอ้-ควาย!”  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แววตาฉายถึงความโมโหขั้นสุดนัยน์ตาของพ่อหนุ่มรูปหล่อที่เป็นผัวทิพย์ของใครหลาย ๆ คน ผมเบะปากด้วยสีหน้ายียวนชวนบาทาโดยไม่คิดเกรงกลัวใด ๆ คนตรงหน้าแค้นขำในลำคอหลุบมองต่ำลงมาหยุดบริเวณปากก่อนจะยกมือขึ้นมารั้งคอแล้วกดขยี้ริมฝีปากของผมอีกครั้ง ด้วยอาการที่ไหวตัวช้ากว่าทำให้ผมพลาดท่าเสียอีกจนได้   

 

 

 

 

 

“อื้อ!”  

 

 

 

 

 

ริมฝีปากตัวผมถูกบดขยี้ด้วยความไม่ยินยอม สองแขนผมทุบลงบนแผงอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไร้ปฏิกิริอะไรตอบสนอง เมื่อการกระทำของผมไม่สามารถให้ชายผู้นี้หยุดการกระทำขัดขืนใจผมได้งั้นก็คงต้องใช้วิธีอื่นเสียแทน และการกระทำก็ไวกว่าความคิดเสมอ ผมเลื่อนมือขวาที่ถนัดเลื่อนลงไปตรงเป้ากางเกงตุงตรงหน้าด้วยความว่องไว แล้วออกแรงบิดอย่างสุดกำลังทำให้ริมฝีปากของผมเป็นอิสระภาพภายในเสี้ยววินาทีและแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องโหยหวยแทน  

 

 

 

 

 

“อึ่ก! ม…มึง!”  

 

 

 

 

 

“สมน้ำหน้า! ใครให้มึงมาจูบกู! ไอ้ควาย!”  

 

 

 

 

 

แสงจากไฟห้องน้ำนั้มสาดกระทบเข้ามาในรถ ผมจึงเห็นใบหน้าแดงก่ำใช้สองมือกุมเป้าตัวเองด้วยความเจ็บปวดสุดแสนจะทรมาน สังเกตได้จากเส้นเอ็นที่ฉายขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลาคนนี้ ผมยกยิ้มด้วยความสะใจแล้วหันไปนั่งหน้าเชิดอย่าไม่รู้สึกผิดสักนิดเดียวเพราะความสะใจมันเปี่ยมล้นเสียจนผมอารมณ์ดี  

 

 

 

 

 

 อันที่จริงก็ไม่อยากนั่งในนี้ต่อเสียเท่าไหร่หากทำได้ผมคงเปิดประตูออกไปนานแล้ว แต่มันติดที่ว่าประตูมันล็อคเท่านั้น เมื่อนั่งสงบสติอามรณ์กัยตัวเองยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งแค้นที่มันพลาดท่าถูกจูบไปสองรอบ…  

 

 

 

 

 

ซึ่งความพีคของวันนี้คือผมจูบกับผู้ชาย…   

 

 

   

 

 

ผมจูบกับผู้ชาย…  

ซ้อจำเป็น

ซ้อจำเป็น

*ยังไม่ผ่านการพิสูจน์อักษร* ซ้อจำเป็น (Mpreg) ชีวิตที่ไม่มีสิทธิเลือกแม้กระทั้งคนที่อยากใช้ชีวิตคู่ด้วยตัวเอง ต้องถูกอากงอาม่าจับหมั้นกับหลานชายเพื่อนสนิทสมัยเรียน! แถมยังไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาด้วยซ้ำ! และสิ่งสำคัญที่สุด… ลูกบ้านอื่นมีแต่เขาอยากจะได้ลูกสะใภ้ แล้วเหตุไฉนบ้านไอ้คับฟ้าคนนี้ถึงอยากได้ลูกเขยแทนละว่ะ! เนื้อหา และ ภาพ บางตอนไม่เหมาะกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แต่หากรี้ดท่านใดต้องการเสพความบันเทิงนิยายเรื่องนี้ต่อควรใช้วิจารณญาณอย่างสูง!!!! เตือนแล้วนะ! อิ้อิ้ เรื่องนี้ฟรีไม่ติดเหรียญ ได้เวลาคืนกำไรให้กับลีดทุกคน ที่คอยซัพพอร์ตนักเขียนแมงหมี่หน้าใหม่คนนี้โดยตลอดมา อิ้อิ้ ลีดท่านใดสายชิว สายไม่รีบเชิญทางนี้เลยค่ะ เพราะทุกเรื่องไรต์ด้นสดทุกเรื่องเด้อโปรดเข้าใจนักเขียนสายชิวคนนี้ด้วยนะคะ งานแต่งเผื่อไม่มี มีแต่งานดองจ้า 5555555 ไม่เคยแต่งแนวนี้มาก่อน ฝากเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยนะคะ ><

Comment

Options

not work with dark mode
Reset