แอนทาเรียกำลังยืนนิ่งอยู่บนเวที และมองไปที่ประตูที่กำลังจะปิดลง
‘ในที่สุดฉันก็ได้เจอ ในที่สุดฉันจะได้กลายเป็นอาจารย์ของอัจฉริยะ’
แอนทาเรียคิดกับตัวเองในขณะที่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า และทำให้ชายทั้งสองบนเวทีตกใจ
ทั้งช่างตีเหล็กและรูนมาสเตอร์จ่างก็เป็นช่างฝีมือระดับ 3 ในขณะที่แอนทาเรียมีอายุที่น้อยกว่าแต่มีพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุ และยังอยู่ในระดับ 4 และมีการกล่าวกันว่าเธอจะไปถึงระดับ 5 ในอีกไม่กี่ 10 ปี ขณะที่แอนทาเรียกำลังนึกถึงเจสันที่กำลังกลับบ้าน
เจสันที่สอบเสร็จหมดแล้วจึงไม่มีอะไรที่ต้องทำ
ทันใดนั้นเจสันก็รู้สึกว่าแกนมานาของตัวเองกำลังสั่นอย่างรุนแรกและมันกำลังแยกตัวเพื่อพัฒนา มันรู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดเล็กน้อย เนื่องจากการระเบิดของมานาที่อยู่ภายในแกน ตอนนี้เจสันยังพอมีหินมานาเหลืออยู่เพื่อการนี้ และเจัสนต้องหาที่สงบๆ ที่มีกระแสมานาเพื่อดูดซับ
ความเจ็บปวดได้เพิ่มากขึ้น อย่างไรก็ตามมันยังพอทนได้และเจสันก็ได้พบสถานที่ที่เหมาะสม
เจสันอยู่ที่เขตชานเมืองของป่าที่เจสันเข้ามาในวันแรกของการเข้าเรียน และเจสันจำได้ว่าทิลล์ได้เคยบอกไว้ว่าสถานที่นี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ใครเข้าไป
เจสันไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเขตหวงห้าม แต่เจสันก็ไม่สนใจอะไร เพราะถึงไม่เข้าไปมานาไหลออกมาจากจากป่านั้นก็เพียงพอที่จะให้เจสันสามารถดูดซับมานาได้ โดยไม่ต้องเข้าไป
การพัฒนาไปสู่อีกขั้นอาจจะใช้เวลา 2-3ชั่วโมง แม้จะใช้หินมานาในการช่วย ขณะที่เจสันหยิบหินมานาออกมาวางใกล้ๆ เจสันผ่อนคลายร่างกายและคลายแกนมานา และเริ่มดูดซับมานารอบๆตัว และจากหินมานาระดับ 1 เจสันได้ดูดซับเข้าสู่ร่างกาย ทำให้แกนมานาของเจสันเหมือนจะแตกออกและเวลาไม่นานแกนมานาของเจสันเริ่มแตกออกเล็กน้อย ก่อนที่มันจะแตกสลายไปจนหมด
อย่างไรก็ตาม่อนที่มันจะแตกออก ภายในแกนนั้นว่างเปล่าและมันเริ่มสร้างตัวใหม่ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น เจสันถูกห่อหุ้มด้วยมานาอย่างสมบูรณ์ในขณะที่ร่างกายส่องแสงเล็กน้อย ทำให้มันดูลึกลับมากขึ้น เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เจสันเหงือออกท่วมตัวเนื่องจากการจดจ่อและการใช้สมาธิอย่างมหาศาล
มันไม่ยากที่จะดูดซับมานาเพื่อเติมเต็มแกนมานาในตอนนี้ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ เวลาผ่านไปกว่า 4 ชั่วโมง และเจสันลืมตาขึ้นและมันก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ดวงตาที่เปล่งประกายที่เหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายใน มันได้ปรากฏความมืดที่ลึกดิ่งลงไป ความลึกนี้ปรากฏไม่กี่วินาทีก่อนที่มันจะหายไป
และร่างกายของเจสันตอนนี้ก็เต็มไปด้วยคราบเลือดและสิ่งสกปรกที่มีกลิ่นเหม็น และมีบางสิ่งหอหุ้มผิวหนัง
เมื่อเจสันแกะสิ่งที่ห่อหุ้มอยู่ออก ก็พบว่าผิวหนังภายในของเจสันมันมีความหยืดหยุ่นและทนทานมากขึ้นเหมือนกับการลอกคราบ เจสันสามารถมองเห็นเส้นมานาที่เชื่อมกับเส้นเลือดของเขา โดยไม่ต้องใช้ดวงตามานาในการมอง
เจสันได้เปิดดวงตามานาและเปิดประสาทสัมผัสในเวลาเดียวกัน เจสันได้ตรวจสอบระดับแกนมานาของตัวองอย่างละเอียด และพบวา่แกนมานามีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และเจสันรู้สึกได้ว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และตอนนี้เจสันได้อยู่ในระดับ 1 ของผู้ชาญ
เจสันมีความสุขมาๆ และตอนนี้และมีความภูมิใจในตัวเองอย่างมาก เจสันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าในพุ่มไม้ก่อนที่วิ่งออกไปด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใส ทันใดนั้นหญิงสาวผมแดงที่มีหน้าแกอันเย้ายวน เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล และเด็กหญิงผมสีฟ้าก็เดินออกมาจากป่าและพวกเขาก็มีบางอย่างที่เหมือนกัน
ทั้ง 3 คนกำลังมองเจสันด้วยความคุ้นเคยด้วยแก้มที่แดง หญิงสาวผมแดงกระแอมในลำคอก่อน
“เราเคยเห็นเขามาก่อนใช่ไหม คนที่อยู่ในทะเลสาบ”
เธอพูดขึ้นเมื่อจดจำเด็กชายที่เปลือยเปล่าในทะเลสาบกลางป่า และแก้มของทุกคนยิ่งแดงขึ้น
“ชะ ใช่”
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลพูดอย่างเขินอาย ในขณะที่เขาสามารถพูดเรื่องแบบนี้ได้กับเพื่อนสองคนนี้เท่านั้น
แม้ว่าเด็กหญิงผมฟ้าจะไร้เดียงสาแต่เธอก็จดจำท่อนล่างของเจสันได้ทำให้เธอมีแก้มที่แดงขึ้น
“แต่ก่อนเด็กคนนั้นอยู่ระดับมือใหม่ ไม่ใช่หรอ แค่เดือนกว่าเองนะ ทำไมถึงได้พัฒนาไปผู้ชำนาญได้รวดเร็วขนาดนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเพื่อนทั้ง 2 ของเธอก็ตกใจเพราะไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น ทำให้ในหัวของเขาที่กำลังนึกถึงเด็กชายที่เปลือยกายได้หายไป และทั้งหมดก็สงสัยว่าเจสันสามารถทำอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะพวกเขาไม่สามารถทำได้และคนอื่นๆ ก็เช่นกัน
ทั้ง 3 คนอยู่ในระดับชั่น ม.3 แต่ก็อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูง แต่เมื่อพิจารณาการเพิ่มระดับของเจสัน สิ่งที่เขาได้เป็นอยู่นั้นไม่ได้ดูน่าภาคภูมิใจเลย
เจสันไม่รู้ว่าเด็กทั้ง 3 คนนี้จะได้เห็นตอนเจสันเปลือยถึง 2 รอบ ในขณะเดียวกันเจสันวิ่งไปที่ประตูโรงเรียนด้วยความเร็วอย่างมาก และเจสันได้สงสัยว่าอนาคตของเขากับเกร็กจะเป็นอย่างไร
เจสันสังเกตว่าตัวเองนั้นไม่ค่อยมีเงิน แม้เขาจะใช้มันหมดไปกับสัตว์พันธะ และหลังจากอาร์เทมิสพัฒนาเสร็จ มันก็ต้องการอาหารมากขึ้นและเจสันต้องเสียงานมากขึ้น แต่เจสันยังมีแกนสัตว์ป่าเหลืออยู่ 2-3 พันชิ้น และเจสันจะให้มันกินไปก่อน เมื่อนึกถึงเครดิต เจสันก็นึกถึงสมบัติวิเศษที่ปล่อยออร่าสีเทาอ่อนออกมา
เจสันรู้เพียงว่ามันคือดอกกาลักน้ำแต่ก็ไม่แน่ใจ เนื่องจากดอกไม้ชนิดนี้ไม่มีในหนังสือที่เจสันอ่านมาทั้งหมด และเจสันก็ไม่รู้วาทิลล์นั้นโดนต่อว่าที่เจสันเอาดอกกาลักน้ำไปในตอนแรก
ถึงแม้ว่าทิลล์จะมาจากครอบครัวที่สูงส่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถทำอะไรในสิ่งที่เขาต้องการได้และทิลล์ต้องจ่ายเงินคืนให้กับทางโรงเรียนตอนที่เจสันเก็บดอกกาลักน้ำวิเศษไป
เจสันไม่รู้ว่า ดอกกาลักน้ำวิเศษเป็นสมบัติมหัศจรรย์ที่ผู้สร้างสัตว์ร้ายได้ใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพ การรักษา ให้แก่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ บางสิ่งที่สามารถเพิ่มศักยภาพของสัตว์ร้ายได้นั้น หายากมากๆ แต่สมับติที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของคุณสมบัติที่หาได้ยาก เช่น พืชที่มีชีวิตความคิดและความรู้สึก การรักษา
กล่าวกันว่าดอกกาลักน้ำวิเศษนั้นสามารถให้เพิ่มความรู้สึกของพืชที่มีเพียงครึ่งเดียว ทำให้พืชนั้นมีความรู้สึกอย่างเต็มสมบูรณ์ และสามารถปรับแต่งแกนมานาที่ไม่สมบูรณ์ให้มีสภาพที่สมบูรณ์และเพิ่มความสามารถในการดูดซับมานาได้ และเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ยกเว้นตัวผู้สร้าง
และถ้าทิลล์รู้เรื่องนี้ เขาคงไม่อยากให้เจสันเอามันไป และท้ายที่สุดถ้าทิลล์รู้ ก็คงทำอะไรไม่ได้เพราะสกอร์พิโอนั้นได้กินดอกไม้วิเศษนี้ไปแล้วตอนที่เจสันได้ฝึกเทคนิคแยกจิต