เชนปล่อยให้สัตว์พันธะของเขาออกล่าในขณะที่เขาบินผ่านป่าลึกไปยังทางเข้าถ้ำที่มีออร์คระดับผู้พิทักษ์และก็อบบลินจอมเวทย์
พวกมันคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ทันทีที่เห็นเจสัน เชนและไฮออร์คที่ถูกมัด เชนดึงพลังออกมาและยิงกระสุนความมืดเล็กๆ ออกไป ทำให้พวกมันตายภายในเวลาอันรวดเร็ว
เจสันเริ่มชินกับความแข็งแกร่งของเชน เชนสังเกตเห็นว่าเจสันนั้นเริ่มชินกับเขาเวลาที่เขาใช้มานา ทำให้เชนยิ้มเบาๆ
พวกเขาเข้าไปในถ้ำที่ลึกถึง 10 เมตร เชนได้สร้างคริสตัลเรืองแสงขึ้น ด้วยความหนาแน่นของมานาภายในดินแดนต้องห้าม พวกมันกลายเป็นหินมานามากมาย
เดเมียนเดินตามเชนเข้าไป และมองไปรอบๆ เขามองเห็นกระแสมานาทั่วทุกพื้นที่ และเมื่อพวกเขาเข้าใกล้แสงสีม่วงที่ดูหนาและบริสุทธิ์ มันรายล้อมได้วยสีต่างๆ ออร่ามานาเหล่านี้กระจายไปทั่วถ้ำ และมันยาวไปยั้นภายในถ้ำ
เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆ เจสันก็คิดว่าพวกเขานั้นพบปลายอุโมงค์แล้ว เพราะมันส่างขึ้นด้วยมานาที่หนาแน่นในขณะที่มีอักษรรูนรายล้อม
เมื่อเดินไปถึงปลายอุโมงค์พวกเขาก็ได้เห็นว่ามันเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ เมื่อก้าวเข้ามา เชนได้ทำลายกำแพงมานา และแสงจ้าที่เกินจากมานาและรูนก็จางหายไป และมันก็ปรากฏห้องอีกห้อง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถง เจสันก็พบกรงจำนวนมาก เป็นพันๆ กรงวางเรียงแถวกัน ภายในกรงมีสัตว์หลากหลายชนิด เจสันประหลาดใจกับพฤติกรรมของสัตว์ที่อยู่ในกรง
มันดูแปลกๆ และเชนก็ได้ตอบคำถามของเจสันก่อนที่เจสันจะได้ถาม
“ฉันคิดว่าสัตว์เหล่านี้ทั้งหมดเป็นเพศหญิง มันอาจจะถูกลักพามาและถูกพวกก็อบบลินผสมพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรของพวกมัน น่าแปลกที่แม้แต่สัตว์ที่มีลักษณะที่แตกต่างไปจากพวกมันโดยสิ้นเชิงพวกมันยังเอามาผสมพันธุ์”
‘พวกเขาสูญเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่’
เขาคิดเศร้าขณะที่เขายังคงเดินไปที่กรงที่มนุษย์อาศัยอยู่ มีกรงแบบนี้มากมายหลายร้อยกรง เจสันรู้สึกเวทนาเมื่อได้เห็นผู้หญิงเหล่านี้ เสื้อผ้าพวกเขาถูกฉีกออก แม้แต่เนื้อหนังก็ถูกฉีกออก พวกเขาเหมือนไม่มีความรู้สึกและเหมือนได้ตายไปนานแล้ว
“ช่วยพวกเขาได้ไหมครับ บางทีอาจจะยังไม่สายเกินไป”
เชนที่อยู่มานานและคุ้นเคยกับกรณีนี้ แต่มันก็แตกต่างกัน
“ฉันจะเปิดประตูกรงให้ทุกคน และหากใครที่อยากจะเอาตัวรอดพวกเราก็จะช่วย แต่ถ้าหากใครที่เกินเยียวยา เราก็จะปลดปล่อยพวกเขาจกความทุกข์ทรมาณ”
หลังจากที่พูดเช่นั้นเชนก็ปลดปล่อยมานาออกมาและมันทำให้ประตูกรงทุกบานเปิดออก
ดวงตาของเจสันเบิกกว้าง
เขากลืนน้ำลายและคิดว่าทำแบบนั้นไม่ได้
เจสันฆ่าสัตว์ร้ายหลายชนิด แต่มันแตกต่างจากมนุษย์เหล่านี้ เจสันสับสนว่าควรทำอย่างไรในสถานการณ์นี้ ในขณะที่มีผู้หญิง 2-3 กำลังใช้กำลังทั้งหมดของตัวเธอเพื่อลุกขึ้นและออกจากกรง
“อย่า คนพวกนั้นอาจจะติดโรคติดต่อมาจากพวกก็อบบลิน เจ้าจงแยกแยะความคิด ในสถานการณ์แบบนี้ อย่าปล่อยให้ตัวเองนั้นทำตามใจคิด จำเอาไว้”
แต่ความคิดของเจสันก็ต้องพังลงเมื่อเชนกล่าวขึ้น
“เอาเถอะ อย่างไปสนใจผู้หญิงเหล่านี้เลย หลังจากที่เราผ่านถ้ำแล้ว เราจะโทรหาทิลลื และไม่ต้องสนใจสิ่งที่ฉันพูดเกี่ยวกับการปลดปล่อยพวกเขาออกจากความทุกข์ทรมาณ ไปกันเถอะ”
แต่ถ้าพวกเขาตายละ อย่างน้อยก็ให้โอกาสคนที่อยากมีชีวิตรอด เจสันตกใจมากที่ได้ยินเชนพูดเช่นนั้น เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือเผ่าพันธุ์ของตัวเอง
“คุณลองพูดมา”
“ง่ายมาก ทีมกู้ภัยเหล่านี้จะไม่ได้ช่วยเพียงแค่มนุษย์ แต่จะช่วยสัตว์ทุกตัวที่อยู่ที่นี่ เนื่องจากพวกมันหายากและดีที่จะขยายพันธุ์เพื่อเป็นสัตว์พันธะของพวกมนุษย์ แต่พวกเขาต้องจ่ายราคา 20% ของราคาตลาด และอีก 20%จากอุปกรณ์ต่างๆ ภายในที่นี่ ซึ่งฉันรับเป็นสตาร์โน๊ตและหินมานาเท่านั้น”
เชนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เจสันมองเห็นความโลภในดวงตาของเชน
เมื่อพิจารณาว่าสัตว์เหล่านี้มีความอยากที่จะมีชีวิตต่อนั้นน้อยมาก 20%จึงถือว่าเป็นราคามหาศาล
เจสันพบว่าราคา 20% ของเหล่าสัตว์นั้นเป็นเพียงข้ออ้าง ในขณะที่ 20% สำหรับสิ่งของและอุปกรณ์นั้นดูจริงกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นก็มีปัญหาอื่นๆ ปรากฏขึ้นในใจของเจสัน
“ผมคิดว่าอย่างที่สองพวกเขาอาจจะยอมรับ แต่อย่างแรกผมคิดว่าไม่นะ และจะเป็นยังไงหากเขารับปากว่าจะให้คุณ แต่สุดท้ายเขาไม่ให้คุณละ”
“ง่ายๆ ฉันแข็งแกร่งที่สุดในที่นี่ และพวกเขาจะได้เห็นว่าไม่ควรที่จะผิดคำพูดกับฉัน ปละข้อเสนอแรกนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายและมีค่าควรที่จะพิจารณา ”
เชนพูด
เจสันทำได้เพียงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ และก็มีหน้าจอโฮโลแกรมปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา เชนเปิดดูและพบว่าทิลล์กลับไปอยู่ที่เมืองแล้ว
“ฮ่าๆ ปกติแล้วฉันจะไม่สามารถขายสัตว์พวกนี้ได้ แต่ตอนนี้ฉันรวยแล้ว ฮ่าๆ “
“ไปกันเถอะ พวกเรายังเหลือเวลาอีกมาก กว่าพวกกูภัยจะมาถึง”