หนึ่งนาทีก่อนที่เจสันจะเข้าไปในห้องโถงที่สอง เขาได้ครุ่นคิดว่าจะเข้าห้องไหนต่อ ด้านซ้ายมือดูจะมีขุมทรัพย์มากกว่าด้วยมานาสีขาว แต่เจสันถูกดึงดูดให้ไปอีกห้อง
ทำให้เจสันรู้สึกสับสันแต่เขาก็ทำตามความรู้สึกของเขา เพราะเขาไม่อยากจะเสียใจในภายหลัง ดวงตามานาของเขานั้นมันยังไม่สมบูรณ์และมีโอกาสที่จะผิดพลาดด้วยการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน
เจสันไม่คิดว่าสีที่อ่อนมากจะสามารถมองเห็นได้ผ่านผนัง และในท้ายที่สุดเจสันก็ทำตามความรู้สึกของเขา และเจสันก็ประหลาดใจกับคลื่นความร้อนที่แผ่ออกมา ในขณะที่เขาเปิดประตูห้องโถงห้องถัดไป
‘ห้องตีเหล็ก ? บางทีนี้อาจจะเป็นห้องสำหรับตีอาวุธที่พวกมันใช้’
เจสันรู้ว่าพวกก็อบบลินนั้นมีช่างตีเหล็กระดับสูงอย่างน้อง 1-2 ตัว เนื่องจากอาวุะบางชิ้นถูกสร้างเลียนแบบอาวุธของมนุษย์
เจสันรู้ว่าพวกเขานั้นไม่มีเวลามากที่นี่เพราะเชนจะต้องหลบหนีก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะมาถึง เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตามเจสันก็ต้องคอยระวังตัวเอไว้
หากมีใครรู้ว่าเขาพบสมบัติในที่นี่ เจสันมั่นใจว่าคนหลายคนจะต้องเฝ้าดูเขา และพวกเขาจะขโมยสมบัติเหล่านี้ปจากเจสันอย่างแน่นอน เพราะเจสันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดที่จะสามารถปกป้องสมบัติเหล่านี้
เมื่อเดินผ่านห้องโถง เจสันรู้สึกถึงความร้อนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาเดินไปถึงประตู้สุดท้ายที่อยู้ดานในสุด เมื่อเปิดปะตู เจสันก็พบห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีไว้สำหรับการตีเหล็กและอาวุธ
แต่ที่ทำให้เจสันประหลาดใจคือห้องตีเหล็กนี้เต็มไปด้วยสีสันต่างๆ แร่ต่างๆ นับสิบชนิดสามารถมองเห็นได้จากในหีบที่อยู่มุมห้อง
อย่างไรก็ตามเจสันเพิ่งจะเคยเห็นโรงตีเหล็กแบบนี้เป็นครั้งแรก
‘แม้ว่ามันจะเลียนแบบขึ้นมาแต่มันก็เปล่งแสงได้อย่างงั้นหรอ’
เจสันคิดอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นแสงสีจากอาวุธและเสื้อผ้ายกเว้นอาวุธวิญญาณของเซรอนและทิลล์
‘สิ่งเหล่านี้มีค่ามหาศาล !!’
เจสันคิดและนี้เป็นครั้งแรกที่เจสันรู้สึกถึงไฟโลภในตัวเขา เขาต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วและความมั่งคั่งก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้
ดังนั้นเจสันจึงรวบรวมสิ่งของต่างๆ ที่เขาจะสามารถนำมันไปได้และเก็บแร่ทั้งหมดใส่เข้าไปในพื้นที่เก็บของ เวลาผ่านไปเกือบ 5 นาที เจสันก็สามารถเก็บแร่ทั้งหมดไปได้ และเขาก็รู้ว่าพวกแร่นั้นหากยาก ซึ่งทำให้เจสันรู้สึกปลื้มใจ
หลังจากนั้นเจสันพยายามที่จะยกทั่งขึ้นมา แต่ก็พบว่าน้ำหนักของมันนั้นหนักมากกว่า 1 ตัน ซึ่งทำให้เจสันต้องใช้มานาในการเสริมแรงกายของเขา เมื่อเก็บสิ่งของทั้งหมดเจสันก็ตรวจดูว่ามีสิ่งใดเหลืออยู่ไหม
ในขณะที่ตรวจดูสิ่งต่างๆ จู่ๆ โลกวิญญาณของเจสันก็สั่นไหวซึ่งทำให้จเสันตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เจสันก็เกิดอาการวิงเวียนหัวในขณะที่โลกวิญญาณเริ่มที่จะสั่นไหวรุนแรงขึ้น จนทำให้เจสันล้มลง
‘กะ เกิดอะไรขึ้น’
เจสันสับสนและไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ เนื่องจากความสมดูลในตัวของเขาถูกสับเปลี่ยนโดยสมบูรณ์ เจสันล้มลงและจับหัวด้วยความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดนั้นมาจากโลกวิญญาณของเขาทำให้เขาประลหาดใจ และเจสันก็ไ่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บอย่างกระทันเหันเช่นนี้
‘อาร์เทมิส วิวัฒนาการเสร็จแล้วงั้นหรอ’
สิ่งเดียวที่เจสันทำได้ในตอนนี้คือการเข้าไปในโลกวิญญาณของเขา เขาสังเกตเห็นว่าอาร์เทมิสยังคงอยู่ในการวิวัฒนาการ ทำให้เจสันสงบลงเล็กน้อย
เมื่ออกจากโลกวิญญาณ ความเจ็บปวดก็หายไป ทำให้เจสันรู้สึกสับสนมากขึ้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น ขณะที่เจสันกำลังจะลุก เขาก็ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างในเตาหลอม
‘คริสตัลสีดำ ?’
เจสันสงสัยและมองมันด้วยดวงตามานา มันไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เจสันยังคงสนใจกับมัน
ภายในผลึกสีดำนั้นแทบจะมองไม่เห็นเปลวไฟสีดำเล้กๆ ที่แทบจะแยกไม่ออกจากผิวด้านนอก มันเป็นภาพที่ชวนให้หลงไหล
มีเปลวเพลิงขนาดเล็กอยู่ภายใน และมันก็ดูน่ารักในความคิดของเจสัน ยิ่งเขามองดูเปลวไฟมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น และเจสันก็ติดสินใจที่จะเอามันกลับไปด้วย
เจสันถือคริสตัลสีดำอย่างระมัดระวัง และรู้สึกว่าคริสตัลนั้นให้ความรู้สึกที่เย้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งท่เขาคาดเอาไว้ ทันใดนั้นโลกวิญญาณของเจสันก้สั่นไหวอีก แต่ครั้งนี้มันไม่เจ็บปวด และเจสันีู้สึกว่าโลกวิญญาณของเขามันต้องการคริสตัลสรีดำนี้
‘คริสตัลนี้มันเป็นสิ่งสำหรับโลกวิญญาณหรือเปล่านะ’
เจสันครุ่นคิด
เจสันคิดในขระที่สังเกตว่า ด้ายแห่งโลกวิญาณได้แยกตัวออกมาภายนอกและมันไหลผ่านร่างกายเขาไปที่คริสตัลสีดำนั้น
‘นี้มัน เกิดอะไรขึ้น’
เจสันอุทานขึ้น และสัมผัสได้ว่าโลกวิญญาณนั้นกำลังต้องการบางสิ่งบางอย่าง
‘ผู้คริสตัลนี้ไว้กับตัวเองงั้นหรอ ตอนนี้โลกวิญญาณของฉันกำลังคิดว่าคริสตัลนี้เป็นสัตว์พันธะหรือเปล่านะ ?’
เจสันไม่แน่ใจ แต่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจทำอะไน ด้ายวิญญาณก็พยายามที่จะเจาะเข้าไปในคริสตัลสีดำนั้น ในขณะที่คริสตัลเริ่มร้อนขึ้นโดยที่เจสันไม่ได้สังเกต
ภายในไม่กี่นาที ผิวหนังของเจสันก็ไหม้และวิญญาณของเขาก็พุ่งเข้าไปในแกนของคริสตัลสีดำโดยไม่ฟังคำสั่งของเจสัน
‘เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น ทำไมด้ายวิญญาณของฉันถึงควบคุมตัวมันเองได้’
เจสันกล่าวในขณะที่รู้สึกถึงความเชื่อมโยงบางอย่างกับคริสตัลสีดำ
ทันทีที่รอยต่อบางๆ ถูกสร้างขึ้น รออยแตกเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นบนคริสตัล และมันก็กระจายไปทั่วภายในเวบลาเพียงแปปเดียว
เจสันสงสัยและตกตะลึง เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในขระที่เจสันจ้องมองไปที่คริสตัล เปลวเพลิงสีดำเริ่มสั่นไหว ทำให้คริวตัลสีดำแตกกระจายออก
เปลวเพลิงสีดำมีขนาดเท่าปลายนิ้ว กำลังลุกโชนอยู่ในมือของเจสันโดยที่ไม่สร้างบาดแผล หรือ เผาไหม้ผิวหนังของเจสัน
ดวงตามานาของเขาสัมผัสได้ถึงความพิเศษของเปลวเพลิงสีดำนี้ และเจสันก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่ก่อนที่เจสันจะได้ทำอะไร เชนก้ปรากฏตัวด้านหลังเจสัน และกล่าวว่า
“เจสัน เราต้องไปกันแล้ว ทีมกู้ภัยเข้ามาแล้ว และกำลังอยุ่ที่โถงถ้ำแรก และเราต้องไปเดียวนี้”
เจสันไม่ขยับแม้สักก้าวเดียว และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินเชนเลย เวลาผ่านไปยังคงนิ่งสงบ และชนรู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย และเขาเรียกเจสันอีก 2-3 ครั้ง ในขระที่เจสันยังคงนิ่งสนิท
เชนเดินไปที่เจสันเพื่อดูว่าเขาเป็นอะไร
ตอนนี้เชนได้เห็นบางสิ่งบางอย่างและเขามองไปที่มือของเจสันที่มีเศษคริสตัล เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเจสัน เชนได้เห็นสีหน้าที่เจ็บปวดขณะที่เหงื่อของเจสันแตกพลั่ก
ภายในดวงตาสีทองของเจสัน มันมีเปลวเพลิงสีดำเล็กๆ ที่ริบหรี่และมันเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิต
เมื่อจับไปทีหัวของเจสัน เชนรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ในขระที่พบว่าร่างกายของเจสันนั้นร้อนเกินไป เหมือนว่ากำลังถูกแผดเผาจากภายใน ด้วยการปล่อยมานาออกมา เชนสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ทรงพลังแต่ก็อันตรายอยู่ภายในตัวเจสัน
“แย่แล้ว เด็กคนนี้ไปเจอสิ่งนี้มาจากไหน เขาพบแหล่งกำเนิดของเปลวเพลิงทั่งปวงได้อย่างไร !”
เชนอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงและใช้เวทย?มนต์ควบคุมพื้นที่และเทลเพอร์ตออกไปด้วยเอาไฮออร์คที่จับมาไปด้วย