“ มาร์คทำอะไร !
กาเบรียลลาตะโกนอย่างเป็นห่วง ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นว่าลูกสุนัขจิ้งจอกเหล่านี้ไม่ได้โจมตีเจสันด้วยการโจมตีที่อันตราย
เจสันเริ่มหายใจไม่ออก เพราะร่างเล็กๆ มากมายที่รุนตัวเขา ทำให้กาเบรียลลามองสถานการณ์ทั้งหมดอย่างประหลาดใจ
มาเลียที่ได้เห็นลูกจิ้งจอกตัวน้อย เธอก็เริ่มหวั่นไหวและรีบวิ่งเข้าไปที่พวกลูกจิ้งจอกด้วยความตื่นเต้น
มาเลียค่อยๆ เดินเข้าไปที่ลูกจิ้งจอก แต่เหล่าลูกจิ้งจอกมองเธออย่างหวาดกลัว ราวกลับว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาดที่พยายามจะจับพวกมันไป
พวกมันสัมผัสได้ถึงมานาของมาเลีย ซึ้งมากกว่าพลังของเจสันอย่างมาก
ลูกจิ้งจอกรีบพากันวิ่งไปแอบหลับเจสัน โดยคิดว่าเจสันสามารถปกป้องพวกมัน โดยพวกมันแทรกตัวและเบียดกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่พวกมันจะทำได้
แม้แต่เกร็กที่ยืนอยู่ภายนอก ก็มองไปที่ลูกจิ้งจอกอย่างสนใจในคาวมน่ารักและปุกปุยของมัน
เกร็กตัดสินที่จะไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองต่อหน้าเจสันอีกต่อไป และเขาได้เด็นเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดูลูกจิ้งจอกที่แสนน่ารัก
เจสันเห็นการจ้องมองของเกร็กและมาเลีย และเจสันก็หันกลับไปมองที่ลูกจิ้งจอก
`ลูกจิ้งจอกพวกนี้จะรอดไปจากพี่น้องสองคนนี้ไหมหน่ะ !! “
เจสันลุกขึ้นและพูดอย่างผลีผลาม
“เอ่อ หยุดก่อน ตอนนี้ลูกจิ้งจอกพวกนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกเรามาให้อาหารพวกมันกันเถอะ !”
เจสันได้ดึงพัสดุชิ้นใหญ่ที่เขาได้มาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนมาวางไว้ตรงหน้า โดยไม่สนใจว่าเกร็กและมาเลียกำลังทำอะไรและหยิบขวดนมสูตรพิเศษสำหรับลูกจิ้งจอกออกมา เจสันได้อ่านคำอธิบายอย่างละเอียดก่อนที่จะดำเนิดการต่อ
เจสันได้ถามเกร็กว่าเขาจะสามารถอุ่นนมได้ที่ไหน เกร็กจึงนำทางไป หลังจากสิบนาทีเจสันก็ได้อุ่นนมเสร็จและเริ่มให้อาหารเหล่าจิ้งจอกตัวน้อย
เมื่อพวกมันแต่ละตัวได้กลิ่นที่น่าดึงดูดใจ ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนโลกกำลังสั่นสะท้านเพราะท้องที่มากกว่าร้อยกำลังคำราม
มาเลียและเกร็กสงบลงเมื่อเห็นความโลภในการดื่มนม ทั้งคู่ได้นั่งลงข้างๆเจสันหยิบขวดที่เตรียมไว้เพื่อป้อนลูกสุนัขจิ้งจอก
แม้แต่กาเบรียลลาและมาร์คเองก็ช่วยกันทำ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีเครื่องป้อมนมอัตโนมัติเพราะพวกมันมีมากเกินไป
เวลาผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ทุกคนเริ่มหมดแรงจากลุกจิ้งจอกและเสียงร้องของพวกมัน โดยเฉพาะมาร์คที่ต้องอดทนกว่าคนอื่น
หลังจากที่ป้อมนมจนครบหมดทุกตัว ลูกจิ้งอกก้เริ่มผล็อยหลับไปด้วยความอิ่มท้อง
–
ตอนนี้เจสันไม่รู้จะทำอย่างไรและเขาต้องขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของเกร็ก
มาร์คเหมือนจะรู้ว่าเจสันต้องการอะไร
มาร์คต้องการให้เจสันขายลูกจิ้งจอกทุกตัวให้กับพวกเขา ซึ่งนี้เองก็เป็นแผนที่เจสันต้องการที่จะทำในตอนแรก แต่เจสันสามารถเห็นความต้องการเงินมหาศาลในดวงตาของมาร์ค ซึ่งทำให้เจสันตกใจกลัวมนตอนแรก
เจสันไม่ต้องการเจรจาให้มากมายนัก เขาขอเพียงแค่กำหนดข้อตกลงง่ายๆ ก่อนที่เขาจะทำการขายลูกจิ้งจอกให้
เนื่อจากเจสันชอบลูกจิ้งจอกพวกนี้มาก เขาจึงลำบากใจที่จะขายพวกมัน แต่เจสันเองก้ไม่สามารถเลี้ยงดุพวกมันได้ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น ขาดแคลนเงิน และพลงวิญญาณที่อ่อนแอของเขา
ข้อกำหนดของเจสันคือเขาไม่อนุญาติให้ตระกูลเฟลเลอร์ขายลูกจิ้งจอกเหล่านี้ให้แก่ขุนนางและครอบครัวใหญที่ไม่ดีและมีความเป็นไปได้ที่จะทำร้ายลูกจิ้กจอกเหล่านี้ และคนที่มีประวัติที่ไม่ดีและอารมณ์ร้ายต่อสัตว์พันธะ
“มันจะดีที่สุดถ้าลูกจิ้งจอกเหล่านี้ได้ทำพันธะทำคนที่มีความรักต่อสัตว์พันะะ และได้รับการปฏิบัติต่อวพกมันเหมือนครอบครัว แต่ผมรู้ว่าพวกคุณอาจจะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามลูกจิ้งจอกเหล่านี้จะขายให้เฉพาะขุนนางและครอบครัวใหญ่ที่มีความรักให้กับเหล่าสัตว์พันธะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เกร็ก ก็ยกนิ้วให้กับเจสัน มาเลียและกาเบรียลลาก็ได้มองไปที่เจสันพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ใบหน้าของมาเลียเริ่มแดงและมองไปที่ลูกจิ้งจอก กาเบรียลลารู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่ามาเลียรู้สึกภูมิใจในตัวของเจสัน และเริ่มปฏิบัติกับเขาเหมือนคนในครอบครัว
มาร์ครู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
มาร์คไม่ได้สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกสัตว์วิเศษที่เขาจะขายให้กับวกเหล่าขุนนาง เพราะมีเพียงไม่กี่ครอบครัวที่ทรมาณสัตว์พันธะของตนเองแต่ถึงยังนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงและไม่เหมาะสม
มาร์คคิดว่าถ้าหากเจสันตกลงขายสัตว์วิเศษเหล่านี้ให้กับเขา เขาจะเดินทางไปทั่วเมืองเพื่อขายสัตว์วิเศษเหล่านี้ให้กับพวกขุนนางและครอบครัวใหญ่โต
แต่ตอนนี้กำไรกว่าครึ่งหนึ่งที่มาร์คคาดหวังไว้ได้หายวับไปกับตา เพราะข้อกำหนดของเจสัน
มาร์คต้องยอมรับข้อกำหนดของเจสัน มิฉะนั้นเขาจะไม่ได้รับเครดิตแม้แต่นิดเดียวในขณะที่เจสันสามารถไปหารัฐบาลและขายลูกสุนัขจิ้งจอกได้ถึงแม้ราคาจะต่ำกว่าที่มาร์คจะจ่ายให้
เจสันมีความสุขที่ได้ยินมาร์คตอบรับข้อเรียกร้องของเขาและรู้สึกราวกับว่าก้อนหินหนัก ๆ ถูกยกออกจากอกของเขา
ลูกจิ้งจอกไม่สามารถออกจากคอกได้และมาร์คก็เริ่มคำนวณราคา มาร์คได้เริ่มเขียนข้อวคามถึงใครบางคน ขณะที่เกเบรียลลาเสนอให้เจสันอยู่ทานข้าวเย็นกับพวกเขา ซึ่งครั้งนี้เจสันตอบตกลง
ในระกว่างที่ทานอาหารไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เจสันกลับรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจอย่างมากขณะทานอาหารร่วมกับตระกูลเฟลเลอร์
เจสันสังเกตุว่า กาเบรียลลานั้นคอยจัดการทุกอย่างในครอบครัว ขณะที่มาร์คยังคำนวณและเขียนข้อความเมื่อทุกคนกำลังทานอาหาร
กาเบรียลลาได้ตบหลังศีรษะของมาร์คเบาๆ มาร์คก็ได้ปิดหน้าจอโฮโลแกรมและนั่งทานอาหารอย่างเชื่อฟัง
เจสันยิ้มให้กับภาพนี้เบา ๆ และเขารู้สึกมีความสุข
หลังจากทานอาหารเสร็จอาร์เทมิสที่กำลังนอนขดอยู่บนตักของเจสัน ได้ร้องเรียกขออาหารของมัน เมื่อเจสันนำแกนสัตว์ป่าทั้งหมดออกมา อาร์เทมิสก้ได้กลืนลงท้องจนหมด และก็หายเข้าไปในวงเวทย์ของมัน
พวกเฟลเลอร์ไม่ได้สังเกตุเห็นว่าเจสันเลี้ยงสัตว์พันธะด้วยแกนมานา ไม่ใช่่นั้นพวกเขาจะต้องตกตะลึงและกระหน่ำถามเขาในเรื่องนี้
แต่เจสันจะไม่ซ่อนความลับของเขาอีกต่อไปกับพวกเฟลเลอร์ หากพวกเขาถาม เจสันก็จะตอบอย่างตรงไปตรงมา
เจสันเบื่อที่จะเก็บความลับ ความสามารถของดวงตาและการกลายพันธุ์ของอาร์เทมิส
แต่น่าแปลกใจพวกเฟลเลอร์ต่างก็ไม่ได้ถามคำถามหล่านี้กับเจสันอีกเลย เจสันมีความสุขที่พวกเขาให้ความเป็นส่วนตัว
หลังจากทานอาหารเสร็จ มารคมองไปที่การแจ้งเตือนที่หน้าจอโฮโลแกรมของเขา
เขาขมวดคิ้ว และกระซิบบางอย่างกับกาเบรียลลา ก่อนที่เธอจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนและประกาศ
“เราต้องเปลี่ยนกำหนดการของเรา ลูกค้าของเราเขียนถึงเราว่าเขาต้องการนกอินทรีในอีกสองวัน
เนื่องจากลูกค้ากำลังเดินทางไปยังเมืองไซโร เราจะเริ่มการเดินทางของเราเร็วขึ้นเล็กน้อย
เพื่อให้ถึงก่อนเวลานัดหมายของลูกค้า พวกเราจะออกเดินทางพรุ่งนี้ตั้งแต่เช้าตรู่
เราจะนำพวกสัตว์วิเศษไปกับเราและขายพวกมันในเมืองจิโร่ซึ่งเป็นเมืองเกรด B ที่มีลูกค้าคนอื่นๆอยู่และขายที่เหลือในเมืองไซโรจุดหมายปลายทางของเรา
ทั้งสองเมืองจะมีความต้องการอย่างมากสำหรับลูกสัตว์ร้ายและพวกเรามีการติดต่อในการค้าขายสัตว์วิเศษกับเมือง 2 เมืองนี้เป็นปกติอยู่แล้ว “
มาเลียเกร็กและเจสันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แค่พยักหน้าตอบตกลง
การเดินทางจะเริ่มภายในพรุ่งนี้ และเจสันเองก้ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเขาได้แต่ตั้งตารอ