เจสันยืดตัวขึ้น จากที่นั่งและพุดทันทีว่า
“ได้ครับ !!!”
กรีลมองเจสันด้วยความประหลาดใจในความกระตือรือร้นของเจสัน จนกระทั่งนึกถึงสมบัติที่เขาเจอเมื่อนานมาแล้ว มันเป็นสิ่งที่สร้างความหวาดกลัวต่อการเจ็บปวด ที่แม้แแต่กรีลเองก็ไม่อยากกินมัน
“ฉันมีผลไม้ชนิดหนึ่ง ที่สามารถปกป้องชีวติของคุณจนกว่าคุณจะแยกจิตแรกได้สำหรับ และมันจะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง และมันอาจจะทำให้คุณอยากตายเพื่อที่จะหลุดจากความทรมาณนี้ นอกจากนี้ความเจ็บปวดที่คุณจะต้องทนเพราะการแบ่งแยกจิตและแยกตัวของสมอง ฉันไม่แน่ใจว่าถึงคุณจะอดทนมันได้แต่หลังจากนั้นสุขภาพจิตของคุณจะเป็นเช่นไร “
ตอนนี้เจสันลังเลอยู่ครู่หนึ่งและมองกรีลด้วยสายตาที่มีความหวาดกลัว อย่างไรก็ตามเจสันก็ยังแน่วแน่ที่จะทำมัน เจสันไม่ต้องการรอจนกว่าตัวเขาจะถึงระดับผู้วิเศษ เพื่อที่จะแยกจิตแรกของเขา
“อย่างน้อย ตอนนี้ผมก็รู้วิธีการแยกจิตแรกแล้ว ถ้าครูจะขายสมบัติให้ผม ผมจะขอบคุณมาก แต่ผมขอเวลาที่จะรวบรวมสตาร์โน๊ตเพื่อใช้คืน”
กรีลมองดูเจสันและรู้สึกชอบเด็กืี่อยู่ตรงหน้ามากที่สุดเพราะบุคลิก ความมุ่งมั่น หนักแน่นและพรสวรรค์ที่มีอยู่
‘ทำไมเจสันถึงอยากรีบแยกจิตเร็วๆ ในตอนนี้ มันเป็นเรื่องเร่งด่วนงั้นหรอ’
นานมากแล้วที่กรีลอดที่จะอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่อยุ่ในตัวผู้อื่นแบบนี้
“จะเกิดอะไรขึ้น หากฉันให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ เพื่อที่จะแยกจิตแรกของคุณ” กรีลถามอย่างเรียบเฉย โดยถูกคำถามแบบนี้เจสันจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่มันมี 2 ปัจจัยที่เจสันเองก็ยังไม่มั่นใจ
1. ทำไมครูต้องถามแบบนั้น
2.ฉันสามารถอดทนความเจ็บปวดที่จะต้องเผชิญได้จริงๆ งั้นหรอ และมันจะมีประโยชน์จริงๆ ใช่ไหม
ปัจจัยอย่างหลังสามารถตอบได้ว่า ใช่ การรวบรวมมานาตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันจะเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของเจสันขึ้นอย่างมาก เมื่อพิจารณาว่ามานาที่ดูดซับโดยจิตใต้สำนึกนั้นมีประสิทธิภาพน้อยกว่า การทำเองเพียงเล็กน้อย
***เพิ่มเติม คือเจสันจะสร้างจิตแยกออกมา เพื่อใช้มันดูดซับมานาตลอดเวลา โดยที่ตัวจริงๆ ของเจสันไม่ต้องทำ เจสันเลยอยากแยกจิตแรกให้ได้ไว ๆ อธิบายไว้นะครับเพื่อใครอาจจะ งง ^^ ***
โดยปกติ เจสันจะดูดซับมานาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อวัน แต่หลังจากนี้เจสันไม่ต้องทำสิ่งนี้แล้วหลังจากแยกจิตได้ และเจสันจะมีเวลาที่จะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาในการดูดซับมานา มันมีประโยชน์อย่างมาก และความเจ็บปวดที่จะต้องเผชิญ มันก็คุ้มค่าที่ต้องเผชิญเมื่อได้รับสิ่งที่มีประโยชน์ขนาดนี้
เจสันยังไม่แน่ใจว่า ทำไมหรีลถึงเสนออะไรแบบนี่ให้กับเขา แต่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เจสันได้ทำความเข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับนิสัยของกรีล กรีลนั้นซ่อนสิ่งที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ แต่ไม่ได้ปกปิดมันมากนั้น ไม่เช่นนั้น เขาคงจะไม่ได้รับอนุญาติให้สอนเทคนิคระดับ 3 ให้เด็กนักเรียน
นักเรียนจะบอกผู้ปกครองและเพื่อนๆ คนอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ และมันก็ง่ายที่จะตรวจสอบว่าใครฝึกเทคนิคเหล่านี้ไว้ นั่นหมายความว่า เขาไม่ใช่อาชญากรอย่างแน่นอน กรีลยังใจดีและอดทนที่จะตอบคำถามให้กับทุกคนด้วยข้อมูลที่ละเอียดและยอดเยี่ยม ปัญหาเดียวของกรีลคือ ความเข้มงวด ในขณะที่มันเป็นประโยชน์สำหรับเด็กนักเรียนทุกคน ถึงแม้คนอื่นจะมองว่าเขาหยาบคาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่สามารถปกปิดความเมตตาและความแบ่งปันของกรีลได้ ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่เห็นมัน เนื่องจากผู้ปกครองบางคนบ่นเรื่องงานที่ยากเกินไป แต่กรีลก็ไม่สนใจเพระาไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ และเจสันเห็นว่าเด็กนักเรียนและผุ้ปกครองเหล่านี้มีนิสัยที่หยาบคาย
‘พยายามทื่จะกดดันครู ด้วยความเรียกร้องไร้สาระงั้นเราะ ทุเรศ’ เจสันชอบกรีลเพราะความมั่นใจ ความแข็งแกร่ง และความรู้ที่มากมายของกรีล
“ผมทนกับคาวมเจ็บปวดนั้นได้ !!”
เจสันตะโกนออกมาอย่างหนักแน่น
กรีลสามารถมองผ่านความคิดเห็นของเจสันได้ และถ้ามีโอกาสตอนเขาอายุเท่าเจสัน เขาก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน ตัวกรีลเองสามารถสร้างจิตแยกครั้งแรกได้ตอนเป็นผู้วิเศษขั้นสูง และการรวบรวมมานา ดูดซับและการแปลงมานาไปเป็นมานาเหลวอย่างอดทนโดยไม่หาวิธีที่ช่วยเร่งขั้นตอนนี้ มันแตกต่างกันมาก เพราะมันช้ามาก เมื่อพิจารณาการแปลงมานาไปเป็นมานาเหลว กรีลต้องทำมันอย่างขันแข็งและอดทน
นอกจากนี้กรีลยังชอบเจสันมากและต้องการให้ทางเลือกเจสันหลายๆ ทางในการตัดสินใจว่าจะเสี่ยงชีวิตหรืออดทนรอจนกว่าจะเข้าถึงขั้นผู้วิเศษ ส่วนเรื่องค่าตอบแทน เจสันจะไปถึงระดับผู้วิเศษก่อนที่จะรวบรวมสตาร์โน๊ตที่จำเป็นสำหรับสมบัติวิเศษ หินมานาและสิ่งของเวทย์มนต์ต่างๆ
“โอเค จะเริ่มตอนนี้ หรือจะรอพรุ่งนี้ ??”
“เดี๋ยวก่อนนะ !!”
เจสันอุทานออกมา
“ด้วยการควบคุมมานาในปัจจุบันของคุณ กระบวนการทั้งหมดในการสร้างร่างจิตแยกออกมา ต้องใช้เวลาน้อย 1 วัน ตอนคุณสามารถเลือกได้ ถ้าไม่อยากทำก็แค่บอกฉัน แต่ถ้ายังอยากทำอยู่ก็โทรบอกที่บ้านว่าจะนอนที่โรงเรียนสักวัน 2 วัน ถ้าตัดสินใจได้ก็มาหาฉันที่ห้องทำงาน”
“ได้ครับ ผมจะโทรเดียวนี้เลย “
เจสันไม่ได้นึกถึงเวลาที่จะต้องใช้ ตามที่กรีลบอกเลยแม้แต่น้อยถึงกระนั้น
เมื่อโทรหาพวกเฟลเลอรื ทุกคนดูตกใจและสับสนเล้กน้อยที่เจสันนอนค้างที่โรงเรียน สักวัน 2 วัน แต่ทุกคนก้ไม่ได้ถามเหตุผล พวกเฟลเลอร์นั้นมองว่าเจสันนั้นโตเป็นผู้ใหญ่และรู้ว่า เจสันรู้ว่ากำลังจะทำอะไร และนอกจากนี้พวกเฟลเลอร์ยังคงตระหนักว่า พวกเขานั้นไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ของเจสัน ดังนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถบังคับหรือจูจี้กับเจสันได้มากนัก หากอยู่นอกเวลาที่พวกเขาไม่ได้ดูแล และเจสันเองก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในโลกภายนอก
หลังจากที่โทรเสร็จ เจสันก็รีบไปที่ห้องของกรีล ทันใดนั้นเจสันก็เห็นว่าภายในห้องมีหนังสือมากขึ้น ทำให้ปรระหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเดินลึกเข้าไป เจสันเห็นกรีลกำลังวาดวงเวทย์ขนาดใหญ่ อย่างสวยงามด้วยหินอ่อน ด้านล่างเป็นกล่องหยกที่มีจารึกที่สวยงาม เจสันสรุปได้ว่ามันเป็นหล่องสำหรับผลไม้วิเศษ เพื่อกักเก็บพลังของมันเอาไว้
เมื่อเจสันเดินเข้ามา กรีลก็อธิบายทุกอย่างอย่างใจเย็น
“ภายในกล่องหยก คือผลปีศาจวัลคีรีส์ชิล์ด ที่คุณต้องกินก่อนที่จะเปิดใช้งานวงเวทย์ หลังจากกินเสร็จคุณจะต้องนำแกนมานาโอเวอร์ลอร์ด เบฮีมอธ เอาไว้ในมือ ซึ่งจะกระตุ้นวงเวทย์เพื่อการรวบรวมมานาด้วยการฉีดมานาเพียงเล็กน้อย คุณไม่จำเป็นต้องใช้มานารอบๆ ตัว ในทันที มานาจะอยู่ภายในวงเวทย์ และใช้มันเพื่อปรับแต่งสมองอย่างช้าๆ ผลปีศาจวัลคีรีส์ชีล์ดจะป้องกันชีวิตไม่ให้ถึงแก่ความตาย แม้ว่ามันจะเจ็บปวดทรมาณขนาดไหน ให้อดทนและค่อยๆ คลายสมองและผ่อนคลายมันและแยกมันออกหลังจากที่ตรวจสอบว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และคุณไม่ได้รับอนุญาติให้ทำผิดพลาดนะ โอเคไหม !!”
จิตของเจสันว่างเปล่า…. ผลปีศาจวัลคีรีส์ชิล์ดคืออะไร โอเวอร์ลอร์ดเบฮีมอธคืออะไร ??
“โอเวอร์ลอร์ดเบฮีมอธเป็นสัตว์อสูรระดับผู้พิทักษ์หรือเปล่า”
นั้นเป็นสิ่งเดียวที่เจสันถามได้
***เพิ่มเติม สัตว์อสูรระดับผู้พิทักษ์จะต่างจากสัตว์ร้ายต่างๆ นะครับ สัวต์อสูรระดับผู้พิทักษ์นั้นหายากมากๆ และมีความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าสัวต์วิเศษ มันเป็นสัตว์ที่ค่อยให้ความสามารถในการช่วยเหลือ ปกป้อง และฟื้นฟูรักษา อย่างเช่น หมาป่าสีขาวของกรีลที่ใช้รักษาตอนแข่งขันภายในห้อง และสัตว์พันธะของกาเบรียลลาเองก็เป็นสัตว์อสูรระดับผู้พิทักษ์ ***
“มันเป็นสัตว์อสูรระดับลอร์ด”
เป็นสิ่งเดียวที่กรีลพูดและเจสันก็รู้ว่ามันอยู่อันดับที่สูงกว่าระดับผู้พิทักษ์
เจสันเริ่มวิตกกังวล และมองดูแกนสัตว์อสูรระดับลอร์ดนี้เป็นร้อยๆ ครั้ง และบอกกับตัวเองว่าเขาจะสามารถอดทนกับมันได้ ในขณะที่ร่างกายสั่นไปทั้งตัว
เจสันไม่สามารถพาสกอร์พิโอเข้าไปอยู่ในวงเวทย์ได้ เพราะมันอยู่ภายใต้เส้นผมบนหัวของเจสันตลอดเวลา และมันก็ไม่อยากเข้าไปในโลกวิญญาณ ในระหว่างที่กรีลกำลังวาดวงเวทย์ เจสันก็ได้ให้สกอร์พิโอกินผลบาคูรีเพิ่ม เพราะเขาไม่สามารถให้มันได้ในวันพรุ่งนี้ มันกินไปสองชิ้น และบิดตัวด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย ซึ่งทำให้เจสันสบายใจขึ้น นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าสกอร์พอโอจะลอกคราบในวันพรุ่งนี้ เจสันก็คาดหวังอยู่ว่ามันจะใช้เวลานานขนาดไหน เพื่อที่จะกลายพันธุ์
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน และกรีลก็วาดวงเวทย์เสร็จพอดี ในขณะที่วางหินเวทย์มนต์ในจุดที่กำหนด และหินเวทย์มนต์บางก้อนมีขนาดใหญ่เท่าลูกฟุตบอล เจสันสงสัยว่า นี้คือหินวิเศษระดับ 3 หรือระดับ 4 เนื่องจากมานาจำนวนมากที่แผ่ออกมาจากหินพวกนี้ทำให้เจสันปวดตาเมื่อมองมัน
ตอนนี้เจสันเข้าใจดีว่า ปริมาณมานาในวงเวทย์มีจำนวนมหาศาลและตอนนี้ก็รู้ถึงความร้ายแรงของสถานณ์นี้อย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้เจสันถอยกลับไม่ได้ ในขระที่ค่อยๆ เดินเข้าไปในวงเวทย์ และนั่งรถ เจสันเริ่มเหงื่ออกทันทีเพราะความผันผวนของมานาที่มีปริมาณมากมายมหศาลและมีแรงกดดันสูง
เมื่อเปิดกล่องหยกที่อยู่ด้านหน้า กลิ่นเหม็นกระฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง และก็มีผลไม้สีเงินอยู่ตรงหน้าดูราวกับกับเป็นโล่อันจิ่วอ้วนๆ หากมองใกล้ๆจะเป็นใบหน้าที่โหดร้ายและบิดเบี้ยว เจสันได้ปิดตาลงทันทีที่เห็นมัน แต่นั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้เจสันสั่นไปด้วยความหวาดกลัว แต่ยังรวมถึงออร่าสีน้ำเงินเข็มที่แผ่กระจายออกมาจากผลไม้ลูกนี้ เจสันไม่เคยเห็นออร่าแบบนี้มาก่อน และมือของเขาที่ถือผลไม้ก็เริ่มสั่น
เพื่อเอาชนะความกลัว เจสันยัดผลไม้ทั้งลูกเข้าปากและเคี้ยวมัน มันมีรสชาติที่หวานมากจนแทบจะติดใจ ในขณะที่เจสันเองก็บังคับตัวเองให้รีบกลืนมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะกรีลบอกว่าความเจ็บปวดจะเกิดขึ้นหลังจาก นาทีครึ่งหลังที่กินเข้าไป
เมื่อนำแกนมานาระดับลอร์ดอสูรมาไว้ในมือ เจสันก็เปิดใช้งานวงเวทย์ทันที อักษรรูนส่องสว่างในวงเวทย์ โดมเล้กๆ ก่อตัวขึ้นรอบๆ วงเวทย์ ในขณะที่หินเวทย์มนต์ค่อยๆ ละลายหายไป ทำให้เกิดหมอกสีเงินหนาทึบภายในโดม
หมอกกำลังเปลี่ยนเป็นของเหลวและเหมือนฝนตกภายในโดมเล็กๆ กรีลมองสถานการณ์อย่างคาดหวังขณะที่กรีบสังเกตุเห็นมานาที่เป็นของเหลว
‘ฉันใส่หินเวทย์มนต์ระดับ 4 มากไปรึเปล่า’
กรีลรู้สึกกังวลเล็กน้อย