ตอนที่ 106 สิบเท่า!
ประตูทองแดงค่อยๆปิด หลินเซวียนหันมองกลับไปยังเมืองเปยเหว่ย จากนั้นได้วิ่งออกไป ตามเส้นทาง
“เด็กนั่นออกจากเมืองแล้ว แจ้งไปยังตระกูลหลิงว่าพร้อมจะกําจัดเขาระหว่างทาง” ในมุมมืด เงาดําสองคนได้มองหลินเซวียนอยู่
ผืนปากว้างใหญ่และเต็มไปด้วยเสียงร้องของฝูงสัตว์
หลินเซวียนกลับไปในเส้นทางเดิม เขาไม่รีบร้อนในการกลับสํานัก ระหว่างทางเขาได้หาสมุนไพรไปด้วย
“เมื่อกลั่นสุราวิญญาณครั้งนี้ได้ขั้นพลังวิญญาณของเราน่าจะเกือบบรรลุระดับเก้า” หลินเซวียนกล่าวในใจ “เซียนสุรา ทําไมถึงไม่สอนวิชาทําเหล้าให้ข้าล่ะ?”
“ข้าก็เคยคิดอยู่ แต่กลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธ!” เซียนสุรากล่าวตอบ
“คิดว่าข้าเป็นเด็กงั้นหรือ?” น้ําเสียงของหลินเซวียนดูไม่พอใจ “เห็นได้ชัดว่าท่านไม่อยากสอน!”
“เจ้าหนู ข้าจะบอกอะไรให้!” เซียนสุราเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “เหล่านี้ถูกยกระดับด้วยสิ่งที่เรียกว่าการจารึกพลัง”
“จารึกพลัง?” หลินเซวียนสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย เขาเองก็เคยได้ยินคํานี้มาจากตระกูลเช่นกัน แต่ก็จํารายละเอียดไม่ค่อยได้
“ใช่ การจารึก มันไม่ใช่แค่งานอดิเรก แต่ยังมีเป็นอาชีพด้วย” เซียนสุรากล่าวอย่างช้า ๆ “ด้วยทักษะขั้นพิเศษและการเขียนอักขระวิญญาณ สิ่งนี้ทําให้คนผู้นั้นถูกเรียกว่าเซียนจารึก”
“ข้าคิดว่าคงไม่มีใครหาเซียนจารึกเจอในเขตอวินโจวแน่ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าไม่เคยได้ยิน” เซียนสุรากล่าวเบาๆ “เมื่อเจ้าสร้างลายวิญญาณได้ ข้าจะสอนทักษะจารึกให้”
“ลายวิญญาณ?”
” พลังวิญญาณในจิตของเจ้าเกิดจากเจตนารมณ์แห่งดาบ เมื่อเจ้าสร้างลายดาบได้ เช่นข้าถึงจะสอนเจ้า”
หลินเซวียนพยักหน้าอย่างไร้เดียงสา ดูเหมือนเขายังต้องศึกษาเกี่ยวกับพลังวิญญาณอีกมาก
“ตอนนี้ดูเหมือนร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งจนไม่ลําบากอะไรแล้ว” เซียนสุรา กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “นําดาบเพลิงโลหิตออกมา”
“โอ้” หลินเซวียนขยับนิ้ว จากนั้นดาบเพลิงโลหิตได้ปรากฏขึ้นในมือ
” ดาบนี้ไม่ได้ใช้เพื่อฟันผู้คนโดยตรง” เซียนสุรากล่าวอย่างลึกลับ
” ท่านหมายถึงอะไร?” หลินเซวียนเกาหัว “เอาไว้เพื่อฝึกร่างกายหรือ?”
“เจ้าทราบอยู่แล้วนี้?” เซียนสุราประหลาดใจ
หลินเซวียนผงะ “ก็ท่านให้ข้าแบกมันไว้ด้านหลังตลอดไม่ใช่หรือ? แต่ตอนนี้น้ําหนักมันไม่มีผลอะไรกับข้าอีกแล้ว”
“ไม่มีผลงั้นหรือ?” เซียนสุรากล่าว “เจ้าเห็นอักขระสีแดงด้านล่างดาบหรือเปล่า?”
หลินเซวียนพบว่ามีอักขระอยู่ใต้ด้ามจับดาบ แต่มันถูกฝังไปด้วยสนิม
“ลองใช้พลังวิญญาณเปาสนิมพวกนั้นออกสิ”
หลินเซวียนทําตามทันที จากนั้นใต้ด้ามดาบได้เผยแสงสีแดงขึ้น
เมื่อเขาแตะมัน เสียงตูมได้ดังขึ้นทันที มันทําให้เขาตัวสั่นจนแทบจะล้มลง
“โห หนักชะมัด!” เขารีบโคจรพลังวิญญาณจนตัวเปล่งแสงเพื่อเสริมแรงยก
ในระยะรอบตัวเขา พื้นดินถึงกับทรุดลง
” พลังนี้” หลินเซวียนชะงักก่อนจะอุทานขึ้น “แรงโน้มถ่วงสิบเท่า!”
เหตุผลที่เขาทราบว่ามันเป็นแรงโน้มถ่วงสิบเท่า เพราะเคยมีประสบการณ์ตอนสอบเข้าสํานักชั้นใน
“ใช่ แรงโน้มถ่วงสิบเท่า เจ้าน่าจะแบกมันไว้ที่หลังและฝึกฝนต่อ” เซียนสุราหัวเราะ “เอาล่ะ ข้าจะไปทําเหล้าต่อแล้ว”
มุมหลินเซวียนบิดเบี้ยว “แบกมัน…”
“ ท่านล้อเล่นหรือเปล่า!”
เพียงเวลาไม่นาน เขาพบว่าพลังวิญญาณตนเองลดลงรวดเร็วอย่างมาก
“เป็นไงเป็นกัน!” หลินเซวียนกัดฟันแน่น ” หลินเฟิงอยู่ในห้าอันดับแรกของเทียบอัน ดับมังกรแฝงได้ หากเราไม่ฝึกให้หนัก เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสชนะแน่นอน!”
เมื่อนึกถึงคู่ต่อสู้อย่างหลินเฟิง หลินเซวียนก็กัดฟันสู้ทันที เขาค่อยๆ ดึงดาบเพลิงโลหิตมา
อ๊าก!!
มือทั้งสองข้างและตัวของเขาสั่นอย่างไม่หยุดยั้ง
แกร๊ก!
ดาบเพลิงโลหิตค่อยๆ ขยับก่อนจะเลื่อนขึ้นกลางอากาศ ในกระบวนการยกดาบนี้ มันทําให้แขนของเขาสั่นจนจะปล่อยให้ดาบหลุดมือตลอดเวลา
ฟูม! ฟูม!
ในที่สุดเขาก็ยกดาบเพลิงโลหิตและแกว่งไปมาได้ มันหนักราวกับยกภูเขาไว้ตลอดเวลา
เวลานี้เขาแทบจะยืนไม่ไหว อีกทั้งเหงื่อยังไหลจนถึงเท้า
ตุ้ม! ตุ้ม!
ทุกก้าวที่เขา มันจะทําให้เกิดรอยแตกบนพื้นดินราวกับใยแมงมุม หลินเซวียนเข่างอทุกครั้งที่ก้าวเท้า ถึงแม้มันจะยาก เขาก็ยังไม่ยอมแพ้และยังคงเดินต่อไปอย่างยากลําบาก
ด้านในจี้ดาบ เซียนสุราพยักหน้าเมื่อเห็นพร้อมกล่าวกับตนเอง “เจ้าจะดื่มเหล้าวิญญาณของข้าได้ยังไง หากไม่เตรียมตัวให้พร้อมก่อน?”
“ลุยไปเลยเจ้าหนู!”
หลินเซวียนก้าวไปได้ยี่สิบก้าวอย่างยากลําบาก พลังวิญญาณในตัวของเขาแทบจะหมดตัว นอกจากน้ําหนักที่เพิ่มมาถึงสิบเท่า มันยังมีแรงกดดันวิญญาณจากดาบเพลิงโลหิตที่ทําให้เขาหายใจแทบไม่ออกอยู่ด้วย
ตู้ม! ดาบถูกเสียบลงบนพื้น ตัวดาบทั้งเล่มแทบจะจมลงไปใต้ดิน หลินเซวียนนั่งคุกเข่าลง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม พลังวิญญาณของเขาได้ฟื้นฟูอีกครั้ง
“เอาใหม่!” หลินเซวียนกล่าวเสียงต่ําขณะยกดาบขึ้น
ขณะที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีที่อันตรายขึ้นมาในใจ ด้วยสัญชาตญาณที่รวดเร็ว เขาสามารถสัมผัสได้ถึงลูกธนูสีดําด้านหลัง
“ก้าวอัสนี!”
หลินเซวียนตะโกนขึ้นก่อนจะทิ้งร่างเงาไว้ แต่มันกลับมีลูกธนูลอยมาจากด้านซ้ายอีก
“บัดซบ!” หลินเซวียนตะคอกขึ้นดังก่อนจะขยับตัวอย่างยากลําบาก
แคว่ก! เสื้อของเขาถูกฉีกจนขาดเผยให้เห็นกล้ามเนื้อ
“อิ่ม ข้านึกว่าจะเป็นยอดฝีมือ ที่ไหนได้กลับเป็นแค่เศษขยะ!”
“ข้าไม่คาดคิดว่าพวกเราจะต้องมาลงมือกับมดปลวกเช่นนี้!
เสียงเย้ยหยันดังขึ้นจากด้านหลังหลินเซวียน เขาค่อยๆหันไปมองและพบว่ามีชายชุดดําอยู่ห้าคนกําลังยืนอยู่ตรงหน้า สามคนในนั้นอยู่ขั้นเป็ดชีพจรระดับแปด อีกสองคนอยู่ระดับเก้า
“เสี่ยวเซวียน อย่าปล่อยดาบหลุดมือล่ะ” เสียงของเซียนสุราดังขึ้นในใจของเขาอย่างเยาะเย้ย
ใบหน้าของหลินเซวียนถึงกับบิดเบี้ยวจนแทบจะดูไม่ได้ ” ท่านอยากให้ข้าตายหรือไง!”
แต่จากนั้นก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีก หลินเซวียนหงุดหงิดอย่างมากจนไม่สนใจคนชุดดํา การกระทําของเขาทําให้พวกเขาเข้าใจผิดไปอีก
” เห็นไหม เขาดูถูกข้าด้วย!”
“ขยะแบบนี้ต้องรีบกําจัด มันไม่ควรค่าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ!”
” ข้าไม่ได้ออกแรงมานานแล้ว ขอสนุกหน่อยเถอะ!” ชายชุดดําขั้นเปิดชีพจรระดับ แปดเผยรอยยิ้ม จากนั้นเขาได้ชักมีดสั้นออกและพุ่งเข้าหาหลินเซวียนอย่างรวดเร็ว