ตอนที่ 116 ลิงเผือก
หลินเซวียนยังไม่รีบร้อนเข้าไปในป่าโลหิต แต่กลับนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ข้างนอก
ในยามราตรี หลินเซวียนได้ก่อกองไฟอยู่ริมแม่น้ํา และล่าสัตว์ป่ามาเป็นอาหาร
เขาหยิบขวดน้ําเต้าสีม่วงออกมายกเพื่อกลั่นพลัง สิ่งที่หลินเซวียนดื่มคือสุราวิญญาณที่เซียนสุราทําขึ้น มันกลั่นจากผลึกอสูรสิบก้อน และสมุนไพรระดับสามอีกหลายชนิด
หากหลินเซวียนไม่เคยฝึกฝนร่างกายกับสุราก่อนหน้านี้มาก่อน เช่นนั้นเขาก็จะไม่ดื่ม
ร่างของเขาเปล่งแสงขึ้นเรื่อยๆ พลังวิญญาณของเขาเริ่มโคจรไปทั่วร่าง
จากนั้นไม่นานเขาได้เปิดตาขึ้น เห็นได้ชัดว่าพลังวิญญาณของเขาเติบโตขึ้นอย่างมาก ขณะเดียวกัน เขาค่อยๆฉีกเนื้อกินอยู่หน้ากองไฟ
ในช่วงเวลานี้เขากําลังดื่มต่ํากับสุราและเนื้อสัตว์ มันเป็นการกลั่นพลังที่ดีไม่น้อย
ท้ายที่สุดพลังวิญญาณภายในตัวเขาได้ส่งเสียงขึ้น จากนั้นจุดชีพจรที่เก้าก็ได้ถูกคลายออกจากพลังอันมหาศาล เวลานี้ จุดชีพจรสุดท้ายของเขาได้ระเบิดออกแล้ว
เมื่อบรรลุขั้นเปิดชีพจรระดับเก้า คลื่นพลังได้พวยพุ่งออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
หลินเซวียนรู้สึกร่างกายเต็มไปด้วยพลัง ตอนนี้เขามั่นใจพอจะสู้กับยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณระดับต้น!
หลินเซวียนยกขวดน้ําเต้าก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา แต่ครั้งนี้แม้จะดื่ม มันก็ไม่ได้เสริมสร้างอะไรอีกเหมือนก่อนหน้านี้
“หากเจ้าต้องการจะบรรลุไปยังขั้นสมุทรวิญญาณ เช่นนั้นก็ต้องหาวัตถุดิบใหม่” เซียนสุรากล่าวอย่างเกียจคร้าน “ข้าจะบอกชื่อพวกมันให้ เมื่อไหร่ก็ตามที่หาได้ครบ ข้าจะกลั่นเหล้าให้เจ้าเอง”
กระแสจิตของเซียนสุราได้พุ่งเข้าหัวของหลินเซวียน มันมีวัตถุมากมายที่เขาต้องหา ยิ่งระดับสูงขึ้น มันยิ่งทําให้ฤทธิ์ของสุราดีขึ้นตาม
หลังจากจดวัตถุดิบหมดแล้ว หลินเซวียนก็เริ่มผ่อนคลาย
โฮก!
ทันใดนั้น เสียงสัตว์ป่าได้ดังขึ้น
หลินเซวียนแอบคิดขึ้นในใจ เขาเพิ่งบรรลุขั้นพลัง และไม่คาดคิดว่าจะได้ทดสอบพลังรวดเร็วเช่นนี้
ร่างที่กระโดดเข้ามาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดนัก
มันเข้ามาใกล้หลินเซวียนและจ้องมองเขาอย่างสงสัย
หลินเซวียนชะงักก่อนจะหยุดมือกลางอากาศ เขามองไปตรงหน้าก่อนจะแสดงสีหน้าประหลาดใจ
กลายเป็นว่าเงาเมื่อครู่คือลิงเผือกที่มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของมนุษย์ พวกมันดูน่ารักอย่างมาก
เมื่อเห็นหลินเซวียนแสดงสีหน้าไม่พอใจ ลิงเผือกทั้งห้าก็แสดงท่าที่ตกใจ แต่เมื่อพวกมันพบว่าไม่มีอันตรายใด พวกมันจึงเริ่มหยอกเล่นกับใบหน้าหลินเซวียน
หลินเซวียนหัวเราะกับสัตว์ตัวจ้อยตรงหน้า เขาพบว่า นอกจากลิงพวกนี้จะไม่เพียงแต่มาหาเขา พวกมันยังมองไปที่เนื้อย่างในกองไฟด้วย
“ลิงกินเนื้อด้วยหรือ?” หลินเซวียนสงสัย แต่เขาก็ฉีกให้พวกมัน
ลิงน้อยสองสามตัวรีบแย่งกันกินทันที จากนั้นมันได้หันไปมองหลินเซวียนด้วยสายตาอ้อนวอนอีก
หลินเซวียนรู้สึกสนุก ดังนั้นจึงโยนทั้งหมดให้
เพียงไม่นานมันก็เหลือแค่กระดูกของเนื้อสัตว์เหล่านั้น แต่พวกลิงยังคงมองหลินเซวียนอย่างอ้อนวอนอีก
“ไม่มีแล้ว” หลินเซวียนยื่นมือออกไปชี้ที่กองไฟ และแสดงท่าทีว่าไม่มีอะไรให้
จากนั้นลิงทั้งห้าก็เริ่มคุยกันสักพักก่อนจะเริ่มวิ่งวนไปมา
ขณะเดียวกัน หลินเซวียนได้ใช้นัยน์ตาสีส้มส่องดูและเห็นทุกอย่างชัดเจน เขาพอจะทราบว่าลิงเหล่านี้กําลังอยู่ในอันตราย
“โฮก!”
“หมาป่าอสูรปีกฟ้ามันคงจะมารังควานสัตว์เล็กเหล่านี้
ทันใดนหลินเซวียนได้ขมวดคิ้วและคิดจะลงมือช่วย
แต่ไม่นานเขาก็ต้องชะงักอีกครั้ง
ลิงที่น่ารักตรงหน้าได้กระโดดขึ้นสูง จากนั้นกล้ามเนื้อของพวกมันได้ขยายใหญ่ขึ้นทันตา พวกมันรุมอัดหมาป่าอสูรกฟ้าทันที เพียงไม่นาน หมาป่าก็สิ้นลม จากนั้นพวกมันได้นําศพของหมาป่ามาให้หลินเซวียน
ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อของพวกมันได้หดกลับมาน่ารักเช่นเดิม
มุมปากหลินเซวียนกระตุกก่อนจะกลืนน้ําลายอย่างเงียบๆ พื้นที่ทดสอบโลหิตนี้ช่างเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างแท้จริง แม้แต่ลิงตัวจ้อยยังกลายเป็นอสูรได้”
“เอ่อ… หรือนี่จะเป็นสิ่งพันธุ์นั้น?” เซียนสุราเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพึมพํากับตัวเอง “ไม่ มันยังแตกต่างอยู่”
หลินเซวียนได้ยิน แต่ก็ไม่เข้าใจ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงหันไปทําเนื้อหมาป่าย่างแทน
เนื้อหมาป่าชิ้นต่อชิ้นถูกวางบนกองไฟพร้อมส่งเสียงดังซู
ลิงเผือกเหล่านั้นนั่งอยู่ตรงหน้าหลินเซวียนอย่างใจจดใจจ่อ
ผ่านไปชั่วครู่ เนื้อหมาป่าได้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองพร้อมไขมันที่ไหลย้อยลงกองไฟ จากนั้นไม่นาน มันก็ได้กลายเป็นเนื้อหมาป่าสีทอง
หลินเซวียนแบ่งเนื้อเหล่านั้นให้พวกลิง พวกมันได้กินทั้งตัวของหมาป่าอย่างรวดเร็ว
กี้ กี้
ลิงเผือกเต้นดีใจหลังจากอิ่มท้อง จากนั้นพวกมันได้ดึงขากางเกงของหลินเซวียนราวกับชักชวน
“เจ้าอยากให้ข้าไปด้วยงั้นหรือ?” หลินเซวียนเอ่ยถาม
กี้ ลิงเผือกพยักหน้าก่อนจะนําทาง
ถึงแม้พวกมันจะตัวเล็กน่ารัก แต่การเคลื่อนไหวก็รวดเร็วอย่างมาก พวกมันกระโจนผ่านต้นไม้อย่างเชี่ยวชาญ หลินเซวียนเองก็ใช้วิชาตัวเบาตามไปติดๆ
เขาไม่ทราบว่าวิ่งมานานแค่ไหน แต่เวลานี้พวกลิงได้หยุดลง จากนั้นหลินเซวียนก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังพวกมัน
ตรงหน้าพวกมันคือถ้ําขนาดเล็กที่ล้อมรอบไปด้วยเถาวัลย์ หากไม่มองให้ดี เช่นนั้นจะไม่สามารถเห็นได้
ลิงตัวจ้อยชี้ไปยังถ้ําพร้อมร้องออกมาราวกับบอกให้หลินเซวียนเข้าไป
หลินเซวียนที่มีเจตนารมณ์แห่งดาบและสัมผัสของเซียนสุรา เขาจึงไม่กลัวอะไรอีก เมื่อไม่ลังเล เขาจึงตรงเข้าไปทันที
ภายในนั้นแห้งอย่างมาก เมื่อเข้าไปได้สักพักก็มีแสงส่องออกมา หลินเซวียนพยายามเดิมอย่างเงียบที่สุด
หลังจากเดินไปได้สักพัก เขาก็ได้พบกับพื้นที่ที่มีโต๊ะ ม้านั่ง และเตียงอยู่ตรงมุม
มันเห็นได้ชัดว่ามีคนเคยอยู่ที่นี่ หลินเซวียนหยุดอยู่กับที่พร้อมใช้นัยน์ตาสีม่วงและกระแสจิตตรวจสอบรอบๆ
ผลที่ได้คือเขาไม่พบสิ่งใดแปลกประหลาด ตรงหัวมุมมีกองกระดูกสีขาวแขวนอยู่ หากไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่เห็น
กี้ กี้!
ใครจะทราบว่าสิ่งเหล่านั้นได้วิ่งไปยังกองกระดูกและร้องตะโกน หนึ่งในพวกมันได้หยิบปลอกแขนที่ขึ้นสนิมออกมา
จากนั้นได้มอบให้หลินเซวียน
หลินเซวียนยิ้มและรับมันไว้
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อรับมัน
“หนัก มันหนักอย่างมาก!”
ปลอกแขนนี้ไม่เพียงจะป้องกันแขนแล้ว มันยังครอบคลุมถึงมือด้วย บนปลอกแขนยังมีรอยอักขระประหลาดอยู่
“อ๊ะ! นี่มัน…” เสียงของเซียนสุราได้ดังขึ้นมา