ตอนที่ 117 ปลอกแขนทองแดง
เซียนสุรามองไปยังปลอกแขนตรงหน้าพร้อมกล่าวเสียงเบา
“เสี่ยวเซวียน นี่เป็นของดี” เซียนสุรากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“นี่นะหรือ?” หลินเซวียนมองอีกครั้ง “ข้าเห็นอักขระบางอย่าง มันคล้ายๆกับที่ผู้อาวุโสต้วนมู่มอบให้วันนั้น!”
หลินเซวียนมองไปยังเกราะและยันต์สีเหลืองเพื่อเอามาเปรียบเทียบ
“นี่คือสิ่งที่เรียกว่าคําจารึกที่ข้าได้บอกเจ้า ถึงแม้มันจะหายไปบ้างตามกาลเวลา แต่พลังก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะต้านได้” เซียนสุรากล่าว “ดูเหมือนจะยังใช้ได้อีกนาน”
หลินเซวียนเปิดตากว้าง เขาอยากจะเห็นพลังของคําจารึกมานานแล้ว เมื่อนึกได้เช่นนั้น เขาจึงจะสวมปลอกแขน
“อย่าเพิ่งใช้มันที่นี่ ค่อยไปลองเมื่อออกไปด้านนอก” เซียนสุราหยุดหลินเซวียนที่กําลังจะทดสอบพลัง
หลินเซวียนชะงักและเดินไปมองยังกองกระดูกตรงหัวมุม มันยังมีเศษซากอักขระสีทองบางอย่างอยู่ แต่ก็ไม่มีอันไหนดูจะใช้การได้
“ไปเถอะ ทั้งหมดนี้ใช้ไม่ได้แล้ว” เซียนสุราถอนหายใจ
หลินเซวียนหันไปมองกลุ่มลิงเผือก “ขอบคุณมาก ข้าต้องไปแล้ว”
กี้ กี้
พวกลิงกระโดดขึ้นลงราวกับจะพูดอะไร
“มีอย่างอื่นอีกหรือ?” หลินเซวียนสงสัยและหยุดเดิน
ครั้งนี้ลิงเผือกได้นําไข่ลึกลับมาให้
ไข่มีสีขาวปนฟ้าและไม่มีอะไรผิดปกติกับผิวด้านนอก
“ให้ข้าหรือ?” หลินเซวียน
ลิงทั้งหลายพยักหน้าอย่างรวดเร็วราวกับกลัวหลินเซวียนจะไม่รับ
เมื่อเห็นเช่นนั้นหลินเซวียนจึงเก็บมันไว้ในแหวนมิติ
ลิงเหล่านั้นตบหน้าอกทันทีที่เห็นแต่ใบหน้ายังแสดงความกลัวบางอย่าง
เมื่อไม่มีสิ่งอื่นแล้ว หลินเซวียนก็ออกจากถ้ํา กลุ่มลิงทั้งห้ายังคงส่งเสียงร้องพร้อมดวงตามที่เผยความตื่นเต้นอย่างแปลกประหลาด
เมื่อออกจากถ้ําลิง หลินเซวียนได้ไปยังพื้นที่ที่ไม่มีคน จากนั้นได้นําปลอกแขนทองแดงออกมา
“คําจารึกนี้ทํางานร่วมกับพลังฝ่ามือ” เซียนสุราให้คําแนะนํา
หลินเซวียนพยักหน้าก่อนจะยื่นมือขวาออกไป จากนั้นได้เล็งไปทางภูเขาตรงหน้าพร้อมโคจรพลังวิญญาณ
พลังวิญญาณสีฟ้าได้ไหลเข้าไปยังร่องรอยอักขระที่ถูกจารึกบนปลอกแขน มันเกิดพลังงานผันผวนขึ้นรอบแขนซ้านเขาทันที
ตุ้ม!!
ลําแสงพลังงานสีน้ําเงินถูกยิงออกมา มันก่อตัวเป็นแสงระยิบระยับแผดเสียงคํารามปกคลุมทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
ลมพายุพัดตามมาจนเศษหินดินทรายกระไปทั่วอากาศ หลินเซวียนตกตะลึงขณะถอยหลังไปสองสามก้าว แขนของเขาสันเล็กน้อยพร้อมอาการเจ็บปวดที่ตามมา
เมื่อทุกอย่างสงบลง หลินเซวียนได้มองตรงไป
ภูเขาตรงหน้ามีหลุมดําขนาดใหญ่อยู่พร้อมควันสีขาวที่ลอยออกมา
หลินเซวียนสูดหายใจลึก เพราะผลที่ได้มันเหนือกว่าจินตนาการมาก พลังนี้อาจรุนแรงกว่าวิชาขั้นวิญญาณอีก
แต่ผลข้างเคียงก็เห็นได้ชัด แขนของเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
“ครั้งหน้าต้องปกป้องแขนของด้วยพลังวิญญาณก่อน มันน่าจะช่วยไม่ให้เจ็บแขนได้” หลินเซวียนลูบแขนพร้อมนึกคิด
“ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งกว่าขั้นเปิดชีพจรไปแล้ว มันอาจทัดเทียมได้กับขั้นสมุทรวิญญาณ” เซียนสุรากล่าว “หากคนธรรมดาใช้ปลอกแขนนั้น แขนของผู้นั้นอาจจะขาดได้”
“มันคืออาวุธสังหารที่ยอดเยี่ยม” หลินเซวียนรู้สึกว่าไม่จําเป็นต้องกลัวพวกขั้นสมุทรวิญญาณ
อึก
เขาไม่คิดที่จะอยู่รอบนอกต่อแล้ว เพราะทรัพยากรที่นี่มีจํากัด
” พรุ่งนี้เช้าเราจะเข้าไปยังป่าโลหิต!”
ป่าโลหิตนั้นไม่เหมือนกับป่ารอบนอก มันสูงตระหง่าน เขียวขจี และปกคลุมด้วยท้องฟ้า แน่นอนว่ารอบด้านต่างก็มีนักสู้คนอื่น และมีคนตายที่นี่
ในสถานที่แห่งหนึ่ง มีอสรพิษทองคําอยู่ มันกําลังเฝ้าดอกไม้รูปหัวใจ ขณะเดียวกัน มีชายหนุ่มถือหอกยาวกําลังต่อสู้กับอสรพิษทองคํา
ชายหนุ่มผู้นั้นคือช่างกวนหลิวหยุน เขากําลังเผชิญหน้ากับอสรพิษทองคําอย่างไม่เกรงกลัว
“หอกมังกร!” ใบหน้าของชายหนุ่มเย็นเยือก ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะแทงหอกออกไปตรงหน้า
หอกยาวสามจิ้งพุ่งทะลุอากาศออกไปอย่างรุนแรง
อสรพิษทองคํามีร่างกายใหญ่โต แต่มันก็ฉลาดและสามารถเลื้อยหลบการโจมตีตรงหน้า ขณะเดียวกันมันได้อ้าปากเผยลิ้นสีแดงพร้อมพ่นพิษออกมา
ปิ้ว! ปิ้ว!
ช่างกวนหลิวหยุนกระโดดขึ้นสูง ใต้เท้าเขาเกิดหลุมขึ้น
พิษสีเขียวของอสรพิษกระทบกับพื้น จากนั้นมันเริ่มกัดกร่อนจนขยายวงกว้าง
” พิษน่าสะพรึงนัก!” ม่านตาช่างกวนหลิวหยุนตีบลง “ต้องใช้วิชานั่นเท่านั้น!”
” หอกภูผา!”
ทันที่ที่แทงหอกออกไป ท้องฟ้ารอบด้านราวกับภูเขาที่กําลังกดทับลงมา แม้แต่มิติยังสันสะเทือน
อสรพิษทองคํารีบสะบัดหางโต้กลับอย่างรวดเร็ว
เสียงดังสนั่นฟ้า พื้นปฐพีสั่นสะเทือน หัวของอสรพิษทองคําแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ฟู! ช่างกวนหลิวหยุนสูดหายใจลึก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
แปะ แปะ!
ทันใดนั้นมีเสียงปรบมือดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะ “มหัศจรรย์มาก! ข้าไม่คาดคิดเลยว่าผู้อยู่ขั้นเปิดชีพจรจะโจมตีได้ขนาดนั้น”
หัวใจช่างกวนหลิวหยุนสั่นขึ้นมาทันที เขาไม่ทราบเลยว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ สิ่งนี้ทําให้เขารู้สึกไม่พอใจตนเองอย่างมาก
ลังเดินมาจากหลังต้นไม้ เขาสวมชุดคลุมยาว
รูปลักษณ์ไม่โดดเด่น และดวงตาแหลมคม
“เอาล่ะ เจ้าไปได้!” ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวเย้ยเยาะขณะมองซ่างกวนหลิวหยุน จากนั้นได้เหลือบมองดอกไม้รูปหัวใจ
ช่างกวนหลิวหยุนขมวดคิ้ว เขาฆ่าอสรพิษทองคําตัวนี้อย่างยากลําบากเพื่อดอกไม้รูปหัวใจ เช่นนั้นจะให้เขายอมง่ายๆได้ยังไง?
เมื่อนึกได้เช่นนี้ พลังวิญญาณของเขาได้พวยพุ่งไปยังหอกในมือและพร้อมจะโจมตี
“ดี! อย่าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งนักล่ะ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมเผยลมหายใจที่ราวกับมหาสมุทรออกมา
“ขั้นสมุทรวิญญาณ!” ใบหน้าช่างกวนหลิวหยุนกระตุก
” ออกไปซะ!” ชายหนุ่มขยับมือส่งสายลมที่คมประดุจใบมีดไปทางซ่างกวนหลิวหยุน
ตู้ม! ตู้ม!
คมมีดนั้นรวดเร็วเกินไปจนหลบไม่ทัน เขาทําได้เพียงยกหอกขึ้นป้องกัน
ตุ้ม!
พลังของขั้นสมุทรวิญญาณนั้นรุนแรงอย่างแท้จริง ซ่างกวนหลิวหยุนถอยไปหลายก้าวพร้อมเลือดที่ซึมตรงมุมปาก
เขามองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าและคิดจะโจมตีกลับ
ชายหนุ่มกล่าวเย้ยหยันต่อ ” เมื่ออยากจะตายนัก ข้าจะทําให้เจ้าสมหวังเอง!”
หลังจากฝ่ามือส่องแสงขึ้น พลังงานอันน่าสะพรึงก็กวาดออกไปรอบด้าน
เมื่อเห็นช่างกวนหลิวหยุนกําลังอยู่ในอันตราย เงาดําร่างหนึ่งได้พุ่งออกมาจากป่าทึบ
ดาบอันคมกริบได้ฟันไปยังชายหนุ่มผู้นั้นจนเกินเสียงตัดอากาศ
” ตายซะ!” เสียงของผู้ที่มาเยือนอีกคนแฝงไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรง