ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 129

ตอนที่ 129 หนึ่งต่อสี่?

 

ปราณดาบที่ผ่าลงมานั้นยาวและแข็งแกร่งมาก มันราวกับจะตัดได้ทั้งมิติและผู้คน

 

นักสู้รอบด้านรวมถึงอ้วนเฟยและหว่าเจี้ยนซิงถึงกับตกตะลึง

 

แม้แต่คนที่อยู่ห่างออกไปยังใจเต้น

 

อ้วนเฟยและหว่านเจี้ยนซิงชะงักเล็กน้อยก่อนจะระเบิดพลังออกมา

 

พวกเขาอยู่ในกองกําลังต่อสู้ชั้นนําของที่นี่ และโดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขา ถึงมีก็ต้องเป็นศัตรู

 

ทันใดนั้น ดาบได้ฟันลงไปกลางกลุ่มคน

 

ผู้คนมากมายทรุดลงพื้นพร้อมเผยใบหน้ามืดดํา

 

ยาเม็ดห้าสีกําลังลอยอยู่กลางอากาศ

 

แต่เวลานี้พวกเขากําลังมองไปยังคนคนหนึ่ง

 

มันคือหลินเซวียนที่เป็นคนสร้างปราณดาบเล่มนั้น เขาฟันมันลงไปยังยาเม็ดห้าสี ดังนั้นคนที่อยู่ในรัศมีจึงโดนโจมตีกันหมด

 

“เจ้าหมายความว่าอะไร?” อ้วนเฟยและคนอื่น ๆ มองไปยังหลินเซวียนอย่างตื่นตระหนก

 

“ก็ง่าย ๆ ยาเม็ดนี้ต้องเป็นของข้า” หลินเซวียนกล่าวเสียงสบาย ๆ ราวกับไม่คิดมากอะไร

 

แต่คําของเขาได้ดังเข้าหูผู้คนรอบด้านจนพวกเขาตัวแข็งที่อ

 

อ้วนเฟยหรี่ตามองหลินเซวียน สายตาของเขาแหลมคมประดุจสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด

 

“เห็นแก่ที่อยู่สํานักเดียวกัน ข้าจะไว้ชีวิตและออกไปจากที่นี่ซะ!” หว่านเจี้ยนซิงกล่าว

 

นักสู้คนอื่นหัวเราะทันที หากเป็นนักสู้ขั้นสมุทรวิญญาณกล่าวเช่นนี้ มันอาจจะหมายถึงพวกเขากลัว แต่หลินเซวียนเพิ่งอยู่ขั้นสมุทรวิญญาณระดับหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดจริงจัง

 

” พี่หว่าน ข้าจะสั่งสอนเจ้าเด็กนี้เอง บางที่สํานักชวนเทียนคงไม่ว่าอะไรนะ!” ชายหนุ่มในชุดสีฟ้ากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

หว่านเจี้ยนซิงไม่กล่าวสิ่งใด เขาเองก็อยากจะเห็นพลังที่แท้จริงของเจตนารมณ์แห่งดาบในตํานาน

 

ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าพร้อมเสียงพลังวิญญาณแตกออกรอบตัว จากนั้นพลังวิญญาณสีแดงราวกับเปลวไฟได้ปะทุออกมา

 

“ไอ้หนู ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง กล้าดียังไงถึงมาอวดเก่งที่นี่!”

 

“เจ้าชื่ออะไร?” ใบหน้าหลินเซวียนยังคงสงบ ” ข้าไม่เล่นกับใครก็ไม่รู้หรอกนะ”

 

ใบหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที จากความโกรธ

 

“ข้าชื่อเฉินอาน จําใส่กะโหลกไว้ให้ดี!”

 

เฉินอานหลอมพลังวิญญาณรอบตัวเป็นอสรพิษไฟ มันเลื่อยขดอยู่รอบแขนของเขาก่อนจะพุ่งออกไป

 

” ฝ่ามืออสรพิษเพลิง!”

 

แสงและเงาเริ่มบิดเบี้ยว อากาศรอบด้านร้อนขึ้นมาทันที เวลานี้ร่างของงูกําลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

 

เพียงไม่นานอุณภูมิรอบด้านก็สูงขึ้นมาทันที หากไม่ใช่เพราะเขตอาคมในพื้นที่ทดสอบโลหิตเช่นนั้นทุกอย่างคงแห้งเหือดไปแล้ว

 

“นี่คือหนึ่งในฝ่ามือวิญญาณอสรพิษของตระกูลเฉิน มันสามารถสร้างอสรพิษออกมาจากร่างด้วยพลังวิญญาณได้”

 

บางคนจําวิชาฝ่ามือได้เลยเอ่ยขึ้น

 

“มาดูสิว่าไอ้เด็กนั่นจะรับมือยังไง!” ศิษย์หลายคนเย้ยหยัน ถึงแม้เขาจะอยู่ขั้นสมุทรวิญญาณระดับกลาง แต่พลังของเขาก็นับว่าสูง

 

หลินเซวียนขยับมือ ดาบเพลิงโลหิตได้ปรากฏขึ้น จากนั้นเขาฟันมันออกไปที่หัวของอสรพิษอย่างแม่นยํา

 

แกร๊ก! แกร๊ก!

 

ร่างของอสรพิษเพลิงที่พุ่งมาเริ่มแตกออกต่อสายตาทุกคน

 

“แม่นยํามาก! เขาทราบจุดตายของฝ่ามือวิญญาณอสรพิษได้ยังไง?” คนที่ดูอยู่ถึงกับตกตะลึง

 

ใบหน้าเฉินอานเขียวขึ้นมาทันที เขาไม่คาดคิดว่าวิชาของตนจะพ่ายแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้

 

” ตายซะ!”

 

ฝ่ามือสองข้างได้ขยับ จากนั้นอสรพิษไฟที่อยู่ในแขนของเฉินอานได้พุ่งตรงไปยังหลินเซวียนด้วยทิศที่แปลกประหลาด

 

“ระบําดาบวายุจันทรา!”

 

ดาบตวัดออกเป็นแนวนอน หลินเซวียนเริ่มหมุนตัวทําให้ม่านพลังสีฟ้าปรากฏขึ้นใต้เท้าเขา

 

ฟูม! ฟูม! ฟูม!

 

มันราวกับเครื่องบดเนื้อที่ฟันอสรพิษไฟขาดสะบั้น

 

“หากมีวิชาอะไรอีกก็รีบใช้มา” หลินเซวียนกล่าวเสียงต่ำ ” หากไม่มีแล้ว เช่นนั้นก็ถึงที่ข้าบ้างล่ะ”

 

“เฮอะ! อย่าเพิ่งได้ใจนัก ครั้งนี้เจ้าไม่กล้าปากดีแน่!”

 

เฉินอานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยิ่งเขาทําอะไรชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ มันยิ่งทําให้เขาแทบเป็นบ้า

 

“เพลิงล้างพิภพ!”

 

ร่างของเฉินอานเริ่มบิดเบือน

 

มันกลายเป็นเงาอสรพิษเพลิงแดงปรากฏขึ้นรอบตัวเขา

 

อสรพิษเพลิงตวัดหางลงกับพื้น เป็นผลให้พลังวิญญาณของขั้นสมุทรวิญญาณกระจายออกมาอย่างรุนแรงและร้อนระอุ

 

จากนั้นเฉินอานทุ่งออกไปพร้อมกับอสรพิษเพลิงรอบตัว

 

หัวของมันใหญ่เท่ากับบ้านคน ปากที่มหึมากําลังอ้ากว้างราวกับจะกลืนกินหลินเซวียน

 

” ผสานสายฟ้ากับลม”

 

หลินเซวียนถือดาบใหญ่ฟันลงไปอย่างหนักแน่น

 

ประกายแสงสีทองและเขียววูบวาบสลับกัน

 

จากนั้นมันได้ฟันผ่าเข้าไปอสรพิษเพลิงที่พุ่งเข้ามา

 

คมดาบอันเย็นเยือกได้ผ่าร่างที่ใหญ่โตของมันขาดเป็นสองซีก จากนั้นมันค่อย ๆ เลือนหายไปในอากาศ

 

เฉินอานไม่กล้าขยับอีก เขาอยู่ในท่าที่แปลกประหลาด คอของเขามีขนลุกตั้งจากความผวา

 

เขามั่นใจว่าหากขยับ ศีรษะคงหลุดออกจากร่างแน่นอน

 

“ข้าแพ้แล้ว” ใบหน้าเฉินอานซีดเผือดขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

หลินเซวียนเก็บดาบและเดินไป

 

ขณะมองยาเม็ดห้าสีกลางอากาศ พลังดาบของเขาก็ได้ปะทุออกมาอย่างรุนแรง

 

มันทรงพลังจนแทบจะฉีกอากาศรอบด้านได้

 

” อะไรกัน? นั่นมันพลังอะไร?”

 

“เมื่อกี้เขายังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงอีกหรือ?”

 

“สวรรค์? นี่มันอสุรกายประเภทไหนกันแน่?”

 

สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่ละคนเริ่มถอยหลังเมื่อเห็นเงาดาบ

 

เฉินอานเองก็ถอยอย่างขมขื่น เขาทราบดีว่าตัวเองสู้เต็มที่แล้ว ในกรณี คงมีเพียงหว่าเจี้ยนซิงและยอดฝีมือคนอื่น ๆ เท่านั้นที่สู้ได้

 

เวลานี้เหลือเพียงสี่คนที่อยู่ในพื้นที่แย่งชิงยา

 

“นี่คือเจตนารมณ์แห่งดาบสั้นหรือ?” หว่านเจี้ยนซิงรู้สึกเย็นวูบและตื่นเต้นไปด้วย

 

” แต่นั่นยังไม่พอที่จะชิงยาเม็ดนี้!” บรรยากาศรอบตัวเขาเปลี่ยนไปทันที อีกทั้งยังดูเหมือนเงาอุกกาบาตปรากฏขึ้นด้านหลังเขา

 

ดาบปะทะดาบ!

 

ถึงแม้พลังดาบแฝงเร้นของเขาจะไม่ดีเท่าเจตนารมณ์แห่งดาบ แต่ขั้นพลังของหว่านเจี้ยนซิงก็เหนือกว่าหลินเซวียน ดังนั้นพวกเขาจึงพอจะสู้กันได้

 

อีกด้านหนึ่ง ร่างของอ้วนเฟยเหมือนจะขยายออกราวกับสัตว์ป่าดุร้าย

 

ทั้งสองคนที่เหลือก็โคจรพลังป้องกันตนเอง

 

หลินเซวียนมองคนทั้งสี่อย่างไม่เกรงกลัว เขาไม่จําเป็นต้องเอาชนะสี่คนนี้ แต่แค่ชิงยามาให้ได้เท่านั้น

 

เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะทั้งสี่คน หรือกล่าวคือมันไม่มีทางเป็นไปได้

 

การชิงยาแล้ววิ่งหนียังดูจะมีหวังมากกว่า

 

เขาโคจรพลังทั้งหมดเพื่อแสดงว่าจะสู้อย่างสุดกําลัง แต่ขณะเดียวกัน เขาได้หาหนทางหนีไว้แล้ว

 

“เซียนสุรา เรื่องเขตอาคมข้าคงต้องพึ่งท่าน” หลินเซวียนกล่าวในใจ

 

“ไม่ต้องห่วงเจ้าจะไม่เป็นไร” เซียนสุราตอบกลับ

 

ผู้คนรอบด้านกําลังมองฉากตรงหน้าอย่างตื่นตา บางทีมันอาจจะเป็นการประลองที่หาดูได ยาก พวกเขาจึงจ้องมองตาไม่กะพริบ

 

จากนั้นหลินเซวียนได้เริ่มเคลื่อนไหว

 

คลื่นดาบของเขาได้ฟันออกไปตรงหน้า จากนั้นมันได้แยกออกเป็นดาบหลายเล่ม แต่ละเล่มเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่หนักแน่น มันราวกับมังกรถลาลงสู่มหาสมุทร

 

ทั่วทั้งท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งดาบขณะที่หลินเซวียนโจมตีไปยังคนทั้งสี่

 

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์
Score 7.9
Status: Ongoing Released: N/A
อ่านนิยายเรื่อง ดาบพิโรธสวรรค์หลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้ ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน! … หนึ่งดาบทะลวงดารา! หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน! หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset