ตอนที่ 13 ข่าวลือ
“ศิษย์พี่เฉิน ข้าตรวจดูอย่างดีแล้ว ข้าอยากจะขอแลกกับวิชาดาบอัสนี” หลินเซวียนส่งหนังสือกลับ
“อะไรนะ! เจ้าอยากจะแลกกับวิชาดาบอัสนีนี้จริงหรือ?” เฉินต้าเจิ้งประหลาดใจ
ศิษย์บางคนแถวนั้นหันไปมองทันทีที่ได้ยิน
“ศิษย์น้อง เจ้ายังอยู่ที่นี่ไม่นาน เจ้าจึงไม่ค่อยทราบเกี่ยวกับวิชาดาบอัสนีนี้ วิชาดาบอัสนี นอกจากมันจะยังไม่สมบูรณ์ มันยังยากที่จะฝึกฝนด้วย มีผู้ที่อยากจะลองหลายคน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครทำสำเร็จ “
“ดังนั้น ข้าว่าศิษย์น้องควรจะเปลี่ยนนะ เพราะแต้มร้อยยี่สิบนั้นไม่ใช่จำนวนที่น้อย” เฉินต้าเจิ้งพยายามเกลี้ยกล่อม
“ไม่มีใครเคยฝึกสำเร็จงั้นหรือ? แสดงว่ามันคงร้ายกาจไม่เบา!” หลินเซวียนจับคางขณะเผยรอยยิ้มตรงมุมปาก “ถึงแม้เซียนสุราจะบอกว่านี้เป็นฉบับธรรมดา มันก็น่าจะทรงพลังไม่น้อย“
“เอาล่ะ ศิษย์พี่ ข้าจะขอแลกวิชาดาบอัสนีนี้แหละ“
“เฮ้อ” เฉินต้าเจิ้งเห็นหลินเซวียนดื้อรั้น เขาจึงถอนหายใจพร้อมส่ายหัว จากนั้นเขานำหนังสือปกบางเล่มหนึ่งออกมายื่นให้หลินเซวียน
“เจ้าทราบกฎใช่หรือไม่?” เฉินต้าเจิ้งเอ่ยถาม
หลินเซวียนพยักหน้า “นอกจากข้า วิชาที่แลกมาห้ามส่งต่อมือที่สองเด็ดขาด“
นี่คือกฎของสำนักซวนเทียน หากศิษย์ได้แลกวิชาไปแล้ว คนผู้นั้นจะห้ามไม่ให้ส่งมอบให้คนอื่น มิเช่นนั้นจะได้รับการลงโทษ
หลินเซวียนเก็บวิชาดาบอัสนีและเตรียมตัวจากไป ขณะเดียวกันได้มีศิษย์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก พวกเขากำลังสนทนากันบางอย่าง
“เจ้าได้ยินหรือเปล่า มีคนของพรรคปราณเทวะตายในภูเขาไท่หังด้วย!”
“เจ้าแน่ใจนะ!?” ใครบางคนเอ่ยขึ้น
“เจ้าไม่ทราบจริงหรือ?” ศิษย์อีกคนกล่าว “เมื่อวานนี้ ศิษย์กลุ่มหนึ่งของพรรคปราณเทวะไม่กลับมา วันนี้มีคนพบร่างพวกเขาในภูเขาไท่หัง มันถูกกัดแทะจนผิดรูป หากไม่มีป้ายชื่อติด เช่นนั้นคงจำไม่ได้แน่นอน“
“สัตว์อสูรฆ่าพวกเขาแน่!” ศิษย์คนที่เดินผ่านกล่าว “หากไปเจอกับสัตว์อสูร เช่นนั้นก็นับว่าโชคร้ายจริง ๆ “
สำหรับพวกเขามันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่านี้อีก เพราะพวกเขาเป็นเพียงศิษย์ชั้นนอกธรรมดา พวกเขามักจะถูกพรรคปราณเทวะข่มเหงอยู่เสมอ แน่นอนว่าพวกเขามักจะปรารถนาให้พรรคปราณเทวะเจอตอเข้าสักวัน และดูเหมือนครั้งนี้จะน่าตื่นเต้นไม่น้อย
“เจ้าทราบหรือไม่ว่าใครตายบ้าง?” ศิษย์อีกคนแอบถามแบบกระซิบ แต่มันก็ดังพอจะทำให้ทุกคนส่งสายตาสงสัย
หลินเซวียนที่ยืนห่างออกไปหยุดชะงัก เขาทราบว่าใครที่ตาย แต่ก็ยังต้องการทราบท่าทีของคนพรรคปราณเทวะ
ศิษย์คนนั้นกล่าวต่อ “หนึ่งในคนที่ตายคือจางปิ่น เจ้าอาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อนี้ แต่เจ้าต้องเคยได้ยินชื่อพี่ชายของเขา“
“พี่ชายของเขาคือจางเฉียน!”
“อะไรนะ จางเฉียน! เจ้าบอกว่าน้องชายของจางเฉียนตายงั้นหรือ?” ฝูงคนเริ่มอุทานดังขึ้น
“ใครคือจางเฉียน?” หลินเซวียนชำเลืองเห็นใบหน้าของเฉินต้าเจิ้งบิดเบี้ยวพร้อมกัดริมฝีปาก
“เจ้าเข้าสำนักช้า มันจึงเป็นปกติที่ไม่รู้จักเขา” เฉินต้าเจิ้งถอนหายใจ “จางเฉียนคือศิษย์ชั้นใน เขายังเป็นคนสำคัญของพรรคปราณเทวะ เขาบรรลุขั้นหลอมชีพจร และยังอยู่ในสามสิบอันดับแรกของเทียบอันดับศิษย์ชั้นใน ศิษย์เกือบทุกคนของซวนเทียนเคยได้ยินชื่อนี้“
“ตอนนี้เขาน่าจะออกไปทำภารกิจบางอย่าง แต่น้องชายของเขากลับตายในภูเขาไท่หัง ข้าว่าเขาต้องคลุ้มคลั่งแน่นอนเมื่อกลับมา“
หลินเซวียนไม่เผยท่าทีใด เขาตอบกลับแค่พยักหน้า แต่ในใจนั้นได้จมลงไปแล้ว เขาไม่คาดคิดว่าพี่ชายของจางปิ่นจะร้ายกาจเพียงนี้ แต่หลินเซวียนก็ไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เพราะถึงแม้เขาจะทราบสถานะจางปิ่น เขาก็จะสังหารจางปิ่นอยู่ดี
เวลานี้ศิษย์ที่สนทนาได้เอ่ยขึ้นอีก “ศิษย์ชั้นในหลายคนของพรรคปราณเทวะได้ไปยังเขาไท่หัง พวกเขาพบว่าจางปิ่นมีแผลรอยดาบมากมาย ในบรรดาแผลนั้น มีแผลถูกแทงที่คอชัดเจนที่สุด“
“เจ้าหมายความว่าเขาถูกสังหารก่อน จากนั้นค่อยถูกสัตว์แทะกินงั้นหรือ?” พวกเขารู้สึกขนลุก เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนกล้าสังหารน้องชายของจางเฉียน นี่มันเห็นได้ชัดว่าเป็นการรนหาที่ตาย!
“เวลานี้พรรคปราณเทวะกำลังเดือดดาล พวกเขาได้รวมกันหารือเรื่องนี้และเริ่มออกค้นหาฆาตกร“
หลินเซวียนแอบถอนหายใจ เพราะเขาคิดว่าคงไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ เขาบอกลาเฉินต้าเจิ้งก่อนจะออกไป เวลานี้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมาก สิ่งเดียวสามารถทำได้ตอนนี้คือฝึกฝนให้เก่งขึ้นเร็วที่สุด
ตลอดทางกลับ หลินเซวียนได้ยินบรรดาศิษย์พูดคุยกันแต่เรื่องนี้ เขาพยายามกำหมัดแน่นขณะก้าวผ่านไปตลอดทาง
เมื่อกลับมาถึงห้อง หลินเซวียนค่อย ๆ ทำใจให้สงบลงจากการหายใจช้า ๆ
หลังจากใจเย็นลงแล้ว เขาได้หยิบคัมภีร์วิชาดาบอัสนีออกมาดู เมื่ออ่านอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาคิดว่าสามารถฝึกฝนมันใจและสามารถใช้เสริมความแข็งแกร่ง
ดาบอัสนี ความหมายหลักของมันตรงตัว นั่นคือความเร็ว!
อะไรเกิดขึ้นเร็วที่สุดระหว่างสวรรค์และโลก? นั่นคือฟ้าแลบ! แล้วอะไรที่รุนแรงที่สุด? แน่นอนว่าคือฟ้าผ่า!
วิชาดาบอัสนีนั้นทั้งรวดเร็วและรุนแรง กระบวนท่าทั้งหมดนี้เคลื่อนไหวด้วยดาบเล่มเดียว!
เมื่ออ่านถึงจุดนี้ หลินเซวียนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ‘ถูกต้อง พลังของสายฟ้านั้นร้ายกาจที่สุดระหว่างสวรรค์และโลก หากพลังนี้มารวมอยู่ในวิชาดาบ มันจะต้องทรงพลังแน่นอน’
สำหรับการใช้ดาบแบบรวดเร็วนั้น หลินเซวียนพอจะเข้าใจเบื้องต้น เพราะเขามีกระบวนท่าดาบดาวตกที่รวดเร็วอย่างมาก แต่มันก็เปลืองพลังวิญญาณเกินไป
‘เราไม่ทราบว่าวิชาดาบอัสนีจะรวดเร็วมากน้อยเพียงใด?’ หลินเซวียนเกิดความคาดหวังขึ้นในใจ
เขามองดูเคล็ดวิชาต่อ จากนั้นได้ลองเคลื่อนไหวตามสามกระบวนท่าแรก และมันยังมีเคล็ดลับบางอย่างของวิชาอยู่ด้วย เคล็ดลับนี้คือแก่นแท้ของวิชา มีเพียงต้องใช้เคล็ดลับนี้ควบคู่ไปด้วย พลังของวิชาดาบจึงจะทรงพลัง
หลินเซวียนรู้สึกหลงใหลในวิชาดาบอัสนีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนดวงเปิดกว้าง เขาพอจะทราบแล้วว่าเหตุใดผู้คนส่วนมากฝึกไม่สำเร็จ คำอธิบายสั้น ๆ เพียงอย่างเดียวไม่สามารถฝึกฝนได้ด้วยระยะเวลาสั้น ๆ
มันเหมือนกับวิชาดาวตกของเขาที่ต้องฝึกฝนมาถึงสี่ปีกว่าจะเห็นผล
ยิ่งกว่านั้นเคล็ดวิชาของวิชาดาบอัสนีนั้นไม่เพียงแต่ต้องใช้ความเร็ว มันยังต้องควบคุมพลังทำลายล้างด้วย
“เจ้าอ่านจบแล้วหรือยัง?” เสียงของเซียนสุราดังขึ้น อยากจะให้ข้าช่วยชี้แนะไหม?”
หลินเซวียนรู้สึกอึดอัดกับลุงขี้เมาคนนี้ แต่เมื่อได้ยินประโยชคหลัง มันทำให้เขาเผยรอยยิ้มทันที
“เนื่องจากชายลึกลับผู้นี้อ้างตัวว่าเป็นเซียนดาบ เช่นนั้นเขาจะต้องประสบความเร็จในวิถีดาบ หากเขาให้คำชี้แนะ เราจะต้องฝึกฝนมันได้อย่างรวดเร็วแน่นอน” หลินเซวียนพลันนึกคิดในใจ
“คุณลุงขี้เมา ดูเหมือนข้าต้องการคำชี้แนะจากท่านแล้ว!” หลินเซวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ตามลักษณะนิสัยของเจ้า มันน่าจะเป็นทำสงสัยก่อนแล้วค่อยปฏิเสธไม่ใช่หรือ” เซียนสุรากล่าวอย่างแปลกประหลาด
“นี่ หากยังอยากอยู่ในร่างข้าต่อก็ช่วยกันหน่อย!”
เซียนสุราหัวเราะหลังจากได้ยิน “เจ้าหนูนี้ ทำให้ข้ามีอารมณ์ขันได้จริง ๆ !”
แต่ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง “แล้วเจ้าพูดอะไรออกมาเมื่อครู่ ใครเป็นลุงขี้เมา?”
หลินเซวียนชะงัก จากนั้นเขาได้เปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมพร้อมยกย่อง “ท่านฟังผิดไปแล้วกระมั้ง ข้าบอกว่าท่านเชี่ยวชาญทั้งสุราและดาบ ข้าบอกว่าท่านคือเซียนดาบสุราต่างหาก!”
“ดีมาก! ข้าชอบฟังแบบนี้” เซียนสุราหาวก่อนจะตอบ “เสี่ยวเซวียน เหล้าข้าใกล้จะหมดแล้ว ไปหาเหล้าชั้นดีมาเติมให้หน่อย“
หลินเซวียน “…”
“ข้าต้องการเหล้าที่หมักจากผลไม้วิญญาณพันปีและเถาวัลย์พันปี” เซียนสุราเริ่มเอ่ยขอ
“ท่านล้อเล่นหรือไง” หลินเซวียนปวดหัวขึ้นมาทันที “ข้าจนถึงเพียงนี้ แล้วจะไปเอาเหล้าแบบนั้นมาให้ท่านได้ยังไง?”
เซียนสุราเอ่ยตอบอย่างเกียจคร้าน “งั้นข้าก็สอนเจ้าไม่ได้ เจ้าก็ศึกษาเอาเองแล้วกัน หวังว่าจะประสบความสำเร็จนะ!”
หลินเซวียน “…”
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หลินเซวียนได้ตะโกนขึ้น “เจ้าเซียนบัดซบ ต่อให้ท่านจะเก่งเรื่องเหล้าเรื่องดาบมากแค่ไหน เชื่อหรือไม่ ข้าจะไล่ท่านออกไปเดียวนี้!”
เซียนสุราเงียบหายไปและไม่ตอบกลับสิ่งใด
“ฮึ่ม! ก็ได้ เจ้าคนโหดเหี้ยม ข้าจะไปหาผลไม้ก่อนหน้านี้มาให้!” หลินเซวียนกัดฟันแน่น