ตอนที่ 133 ปะทะหลิงเฟิง
สมบัติทั้งสามเปลี่ยนบรรยากาศของผู้คนในห้องโถงทันทีที่ปรากฏ จากนั้นผู้คนมากมายได้พุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
ร่างของหลินเซวียนเองก็กะพริบไปมาท่ามกลางฝูงคน
เขากระจายพลังวิญญาณออกไปรอบด้านเพื่อตรวจดูสถานการณ์ไปด้วย
สมบัติทั้งสามชิ้นนั้นลอยอยู่กลางอากาศ แต่ละชิ้นจะมีจํานวนคนเข้าไปแย่งเท่า ๆ กัน แต่หากมองให้ดี จะพบว่ามีนักสู้หลายคนพุ่งไปทางมีดยาว
ดวงตาหลินเซวียนเปล่งประกาย เขาเห็นศิษย์ตระกูลหลิงทั้งหมดอยู่รอบด้านมีดเล่มนั้น และหลิงเฟิงเองก็กําลังปล่อยลมหายใจอันแข็งแกร่งออกมา
ฟูม!
ในความโกลาหล มีเสียงตัดอากาศตรงไปยังหลินเซวียน
“ฮึ!”
หลินเซวียนอุทานขึ้น ภายใต้การรับรู้จากกระแสจิต เขาตระหนักได้ถึงสิ่งนี้มานานแล้ว
ปราณดาบได้พุ่งออกมาจากตัวเขา และตัดทุกสิ่งที่พุ่งเข้ามา
ในกลุ่มคน พวกเขาต่างแยกย้ายกันออกด้านข้างก่อนจะหันไปมองหลินเซวียน
ในความคิดของพวกเขา แม้สมบัติกลางอากาศจะดูล่อตาล่อใจ มันก็มีคนแย่งชิงมาเกินไป
” คนเยอะเกินไป!”
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในหัวของบรรดายอดฝีมือ มิเช่นนั้นมันจะวุ่นวายเกินไป และยิ่งมีคนตายมากขึ้น
ฮึม! ฮึม! ฮึม!
ทันใดนั้นลมหายใจอันแข็งกล้าได้กวาดออกมาอย่างรวดเร็ว
“มีแค่ขั้นสมุทรวิญญาณเท่านั้นที่อยู่ได้!”
บรรดายอดฝีมือตะโกนขึ้นดัง พวกเขาปล่อยแรงกดดันขับไล่นักสู้ที่ฝีมือไม่ถึงออกห่างไป
ที่เหลืออยู่มีแค่ขั้นสมุทรวิญญาณเท่านั้น แต่ก็ยังมียอดฝีมือเหลืออยู่มากกว่าสิบคนต่อหน้าของสมบัติแต่ละชิ้น
ในกลุ่มพวกเขา มีทั้งผู้ที่เพิ่งบรรลุขั้นสมุทรวิญญาณ และผู้ที่อยู่ขั้นสมุทรวิญญาณจนเชี่ยวชาญแล้ว
ด้านข้างของหลินเซวียน ศิษย์ตระกูลหลิงสี่คนได้รวมตัวกัน
เมื่อหลิงเฟิงและคนอื่น ๆ เห็นหลินเซวียน พวกเขาจึงเผยรอยยิ้มเย้นหยัน
“สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ข้าคิดว่าพวกเราควรกําจัดปลาซิวปลาสร้อยอีกสักหน่อย” เสียงของหลิงเฟิงเย็นเยือกขณะมองหลินเซวียน
เขายังไม่รู้ว่าหลินเซวียนสังหารคนตระกูลหลิงไปมาก อีกทั้งยังไม่รู้ว่าหลินเซวียนได้ทําอะไรไปแล้วบ้างในพื้นที่ทดสอบโลหิต
พวกเขาจึงเผยท่าที่เย้ยหยันอยู่
แต่ก็มีคนบางส่วนเห็นฝีมือของหลินเซวียน
อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นได้ถอยออกไปแล้ว และไม่มีใครคิดจะอธิบายอะไรอีก
“เจ้าจะออกไปเอง หรือให้ข้าโยนเจ้าออกไป?” หนึ่งในคนตระกูลหลิงกล่าว
” หลีกทาง!”
หลินเซวียตอบกลับ พลังวิญญาณอันทรงพลังของเขาได้พวยพุ่งออกมา
เงาดาบได้ส่องประกายขึ้นทุกที่
ใบหน้าของศิษย์ตระกูลหลิงมองหลินเซวียนอย่างประหลาดใจ
‘ไม่พบมันเพียงไม่กี่วัน ไม่คาดคิดเลยว่ามันจะทรงพลังขึ้นถึงขนาดนี้’
ดวงตาหลิงเฟิงหรี่ลง ถึงแม้เขาจะประหลาดใจ เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก
“ พวกเจ้าไปหยุดมัน ข้าจะไปชิงสมบัติ!” หลิงเฟิงกล่าว
หลังจากนั้นเขาได้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ศิษย์ทั้งสามของตระกูลหลิงพุ่งเข้าล้อมหลินเซวียนทันที ในหมู่พวกเขา หลิงเซียวแข็งแกร่งที่สุด และอีกสองคนอยู่ขั้นสมุทรวิญญาณระดับกลาง
เมื่อทั้งสามคนร่วมมือกัน เช่นนั้นก็หาผู้ต้านทานได้ยาก
พลังวิญญาณของพวกเขาระเบิดออกรอบด้าน
ฉากนี้ดูวุ่นวายอย่างมาก หลินเซวียนไม่อยากชักช้าจึงกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ
“ฮืม?”
หลิงเฟิงที่กําลังมุ่งหน้าไปยังสมบัติเห็นว่าหลินเซวียนเร็วกว่า
” เจ้าขยะเอ้ย!” ด้วยความโกรธ เขาได้จับดาบด้วยหนึ่งมือก่อนจะตวัดลง
เงาภูเขาได้ปรากฏขึ้น มันเสมือนจริงอย่างมากขณะเข้าปกคลุมหลินเซวียน
” ดาบพายุหมุน!”
หลินเซวียนเข้าใจวิชามากมายจากดาบจักรพรรดิสายลมที่เข้ามาในหัวเขา ตอนนี้เขา จึงลองใช้มันที่ละครั้ง
ดาบได้แตกออกและกลายเป็นลมพายุร่ายรําอยู่บนอากาศ จากนั้นพายุหมุนสีเขียวได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
ตู้ม!
การโจมตีทั้งสองปะทะกัน พลังงานที่รุนแรงอาละวาดทุกหนทุกแห่งในอากาศ จากนั้นมันได้กวาดไปทุกทิศทุกทาง
นักสู้ที่อยู่บบนพื้นต่างพากันหลบหนี ปราณดาบที่กระจายออกมาได้แยกแผ่นดินออกอย่างน่าสะพรึง
หลินเซวียนพุ่งไปข้างหน้าพร้อมดาบอีกครั้ง
ใบหน้าของหลิงเฟิงมีดดํา เพราะความแข็งแกร่งของหลินเซวียนนั้นเหนือกว่าที่คิดไว้
แต่เขาก็ไม่ตื่นตระหนกมากนัก
“ไอ้หนู เจ้าอยากตายมากหรือ!” หลิงเฟิงโกรธเกรี้ยวขณะชักดาบฟันไปทางหลินเซวียน
ปราณดาบตัดผ่าออกไปเป็นวงแหวนราวกับทางช้างเผือก มันพุ่งตัดไปยังหลินเซวียนอย่างรุนแรง
” ตัดพายุ!”
หลินเซวียนใช้วิชาดาบสายลมอีกครั้ง คมดาบสีเขียวพุ่งออกมาปะทะกับปราณดาบวงแหวนของหลิงเฟิงทันที
” ผสานสายฟ้ากับลม”
หลินเซวียนโจมตีต่อ ปราณดาบสีเขียวผสมสีทองได้ปรากฏขึ้น จากนั้นมันฟันผ่าไปยังหลิงเฟิง
” ดาบสามภูผา!”
หลิงเฟิงฟาดดาบออกไปต้านอย่างรวดเร็ว ภูเขาสามลูกได้ปรากฏขึ้น มันกดลงไปยังหลินเซวียนทันที
ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังก้อง จากนั้นคลื่นกระแทกได้กวาดออกไปราวกับคลื่นทะเล
หลินเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะหลิงเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าที่คิด
“ก้าวอัสนี!” ร่างของเขาสั่นก่อนจะเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าใจดาบจักรพรรดิสายลม หลินเซวียนก็รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก มันเร็วจนถึงขั้นที่ตามองไม่ทัน
หลังจากออกมาจากระยะของแรงกดดันแล้ว หลินเซวียนได้ชักดาบเพลิงโลหิตออกมา
“ดาบวายุหลอมละลาย!”
ปราณดาบสว่างขึ้นขณะที่ถูกหลอมรวมด้วยสายลม
หลิงเฟิงแข็งแกร่งก็จริง แต่ไม่ค่อยได้ออกสนามรบบ่อยนัก ประสบการณ์ของเขาจึงไม่ค่อยแข็ง หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงที่มาแตะหน้าอก
“ไม่!”
หลิงเฟิงรีบหนีอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสมบัติ เขาไปปรากฏตัวอีกที่ห่างออกไปหลายจัง
พุjบ!
แต่ทันใดนั้น แม้เขาจะยืนอยู่ห่างออกไปแล้ว ปราณดาบสีรุ้งก็ยังฟันผ่านหน้าอกของเขาเป็นสี่ทิศทาง
ถึงแม้หลิงเฟิงจะถอยออกมา แต่ปราณดาบของหลินเซวียนยาวและหนาแน่นอย่างมากจากเจตนารมณ์แห่งดาบ ท้ายที่สุดเขาก็ต้องบาดเจ็บหนัก
เสื้อผ้าบนหน้าอกของหลิงเฟิงฉีกขาด เขาถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะหยุดลง
ดวงตาของเขาแดงก่ํา หากไม่มีเกราะช่วยชีวิต เช่นนั้นคงตายไปแล้ว
” หลินเซวียน!” เขากัดฟันแน่นขณะมองร่างตรงหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว