ตอนที่ 30 หลุมพิสดาร
“มันยากที่จะบอก ข้าเข้าสู่ห้วงนิทรามานานเกินไป แต่มันต้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่าแน่นอน” เซียนสุรากล่าวหลบประเด็น
“เห็นทีต้องไปดูด้วยตัวเองแล้ว” หลังจากตัดสินใจ หลินเซวียนและถังอวี้ได้มุ่งไปยังหลุมพิสดารด้วยกัน
หลุมพิสดารตั้งอยู่ภายในภูเขาไท่หัง มันคือหลุดสีดำขนาดกว้างหลายกิโลเมตร และลึกจนไม่เห็นก้นหลุม ของวิเศษหลายอย่างเติบโตหรือปรากฏออกมาจากหลุมนั้น มีหลายคนที่อยากจะเข้าไปเก็บ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็จะพลาดตกลงไปและไม่กลับมาอีก
เมื่อก่อนมีคนค้นพบว่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ หากเข้าใกล้หลุมพิสดาร พวกเขาก็จะถูกดูดเข้าไปทันที ส่วนจะเป็นหรือตายนั้นไม่มีใครทราบ แต่ในส่วนของบรรดาพืชพรรณ พวกมันกลับเติบโตอุดมสมบูรณ์แทน
แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปสำรวจ และท้ายที่สุดมันได้กลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม แต่ตอนนี้ ใครบางคนได้พบหินสีน้ำตาลใกล้หลุมพิสดารนั่น อีกทั้งยังมีสมุนไพรที่คุณภาพดีปรากฏขึ้น
ข่าวนี้ได้กระจายออกไปอย่างรวดเร็วถึงหูพวกชาวยุทธ์ เวลานี้พวกเขาต่างพากันไปยังหลุมพิสดารกันอย่างตื่นเต้น แม้แต่ศิษย์สำนักเมฆาม่วงก็ด้วย พวกเขาทราบถึงมูลค่าของหินลึกลับก้อนนั้น
ด้านนอกเมืองเล่อหยาง หลินเซวียนและถังอวี้ได้มุ่งตรงผ่านทิศใต้ไปยังภูเขาไท่หัง ณ จุดที่ตั้งอยู่ของหลุมพิสดาร
หลังจากเข้าไปในป่าลึก ร่างของหลินเซวียนและถังอวี้ก็เริ่มเคลื่อมไหวช้าลง เพราะหลุมพิสดารนั้นอยู่ไม่ห่างจากพวกเขาแล้ว สัตว์อสูรทรงพลังมากมายปรากฏตัวขึ้นรอบ ๆ นี้
ในตอนนี้พวกเขาต้องระมัดระวังตัวกว่าเดิม
มีกิ่งก้านและใบไม้เน่าตกอยู่ตามพื้นจำนวนมาก การเหยียบมันอาจทำให้เท้าของผู้คนจมลงได้ โชคดีที่ทั้งสองมีวิชาตัวเบา ดังนั้นการเหยียบพื้นจึงไม่ได้ใช่แรงมากนัก
ยิ่งลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ต้นไม้ก็ยิ่งอุดมสมบูรณ์ ถึงขนาดที่ต้นไม้บางต้นมีขนาดใหญ่จนต้องใช้คนหลายคนในการโอบล้อม อีกทั้งยังมีอายุหลายพันปี ใบไม้ที่เขียวชอุ่มนี้ได้บดบังท้องฟ้าจนแทบไม่เห็นแสงตะวัน และยังมีเถาวัลย์เกี่ยวไปมาโดยรอบจนกลายเป็นภูมิประเทศที่สลับซับซ้อน
ในระยะทางได้มีเสียงพยัคฆ์คำรามดังขึ้น ส่งผลให้ลิง นก และสัตว์เล็กต่างพากันหนี กล่าวได้ว่านี่คือสวรรค์ของพวกสัตว์ป่า
“โฮก!”
ทันใดนั้น เสือดาวลายเขียวได้กระโจนลงมาจากต้นไม้ กรงเล็บของมันแหลมคมราวกับมีด ฟันสีขาวราวกับหิมะของมันส่องแสงอันเย็นเยือก หลินเซวียนขยับตัวหลบ จากนั้นได้ใช้ดาบฟันออกไป มันเป็นการฟันธรรมดาที่ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ สิ่งนี้ทำให้ร่างของเสือดาวถูกผ่าเป็นสองส่วน
นี่คือผลจากการบ่มเพาะพลังกายหยกทองคำ มันถูกแบ่งออกเป็นห้าระดับ ระดับแรกสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายได้ถึงสามเท่าจากปกติ
เขาไม่ได้คิดจะใช้พลังวิญญาณ เพราะหลังจากคิดให้ดีแล้ว หากใช้พลังวิญญาณที่นี่ มันจะกลายเป็นจุดเด่นขึ้น เมื่อใช้มัน อาจเป็นการประกาศบอกผู้คนได้
นี่คือป่า ไม่ใช่ภายในสำนัก ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับกฎ มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนไม่พอใจผู้อื่นอยู่ หลินเซวียนจึงไม่ต้องการเผยตัวเองให้เร็วนัก
ตู้ม! ตู้ม!
พื้นแผ่นดินได้สั่นไหวเล็กน้อย หลินเซวียนและถังอวี้มองหน้ากันอย่างประหลาดใจ พวกเขารีบกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้และกลั้นหายใจอยู่ชั่วครู่
พื้นดินยังคงสั่นและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เพียงไม่นาน ช้างหยกขาวตัวขนาดมหึมาได้ปรากฏตัวขึ้น ขาของมันกว้างกว่าเสาหิน แต่ละก้าวที่มันลงน้ำหนักจะทิ้งหลุมไว้ลึก
“อึมม…”
ช้างหยกขาวขนาดมหึมาได้คำรามขึ้นฟ้า ส่งผลให้ใบไม้ร่วงหล่นมาจำนวนมาก หลินเซวียนและถังอวี้ต้องใช้พลังวิญญาณเพื่อปิดหูตนเอง
“โฮก!”
เสือโคร่งดำด่างขาวตัวใหญ่เท่าวัวได้กระโจนออกมาจากพงหญ้า มันคำรามใส่ช้างหยกขาวราวกับจะเตือนว่าไม่ให้เข้าไปใกล้
ตู้ม!
งวงช้างฟาดลงไปยังพยัคฆ์ตัวนั้นราวกับค้อนขนาดใหญ่ตอกตะปู ร่างของพยัคฆ์กลายเป็นชิ้นเนื้อในทันที จากนั้นมันใช้งวงดูดอวัยวะภายในและเศษซากของพยัคฆ์เข้าปากตนเอง
ตู้ม! ตู้ม!
ช้างหยกขาวคำรามอีกครั้งก่อนจะเดินหายไปอย่างช้า ๆ
หลินเซวียนถอนหายใจโล่งอก สัตว์อสูรระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสู้ได้ ผ่านไปชั่วครู่ ทั้งสองจึงเริ่มเดินทางต่อ เวลานี้พวกเขายิ่งระวังตัวมากกว่าเดิม เพราะดูเหมือนหนทางจะเริ่มย่ำแย่ขึ้นเรื่อย ๆ
สัตว์ดุร้ายบางตัวที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในวันธรรมดาดูเหมือนจะออกมาทั้งหมด อีกทั้งยังสัตว์อสูรมากมายอยู่รอบ ๆ ทำให้หลุมพิสดารที่ดูน่ากลัวอยู่แล้วในตอนแรกนั้นอันตรายมากขึ้น
“ไม่ เหตุใดถึงมีสัตว์ร้ายมากมายที่นี่ พวกมันน่าจะอยู่ในส่วนลึกของภูเขาไท่หังสิ!” หลินเซวียนขมวดคิ้ว
“มันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลกับหินนั้นแน่นอน” ถังอวี้กล่าวอย่างสงสัย “ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่พวกเรายังไม่ทราบ”
หลินเซวียนพยักหน้า “มันอันตรายเกินไป เจ้ายังอยากจะไปต่ออีกหรือ?”
“ข้าอยากจะพบพี่ชายก่อน ตอนนี้ข้ารู้สึกกังวลเล็กน้อย” ถังอวี้กล่าวอย่างลังเล
“ศิษย์ชั้นในกี่คนที่มาที่นี่?” หลินเซวียนเอ่ยถาม
“ข้อมูลนั้นไม่ชัดเจน ข้าเดาว่าน่าจะมีพรรคหลักทั้งสามที่มา แต่ก็คงไม่มากนัก” ถังอวี้ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “ศิษย์ชั้นในหลายคนทำภารกิจอยู่นอกประตู บางคนก็กำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรอยู่ มันจึงเหลือคนไม่มากเท่าไหร่”
หลินเซวียนรู้สึกหนักใจเล็กน้อย ตอนแรกเขานึกว่ามีเพียงศิษย์ชั้นนอกเท่านั้นที่มา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีศิษย์ชั้นในมาด้วย
“ข้าจะอยู่กับเจ้าจนกว่าจะพบพี่ของเจ้า” หลินเซวียนแตะไหล่ถังอวี้ขณะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
จากนั้นพวกเขาเริ่มเดินทางต่อ เวลานี้มันไกลจากสำนักซวนเทียนมาก และท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดลง หากพวกเขายังหาที่พักไม่ได้ก่อนค่ำ เช่นนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายทันที
ท้ายที่สุดในตอนเย็น หลินเซวียนได้พบถ้ำแห่งหนึ่ง และใกล้กับถ้ำแห่งนั้นยังมีแม่น้ำสายเล็กอยู่ มันเหมาะสมที่จะใช้พักผ่อน
หลินเซวียนและถังอวี้ตัดสินใจพักผ่อนที่นี่จนถึงพรุ่งนี้เช้า เพราะไม่ว่ายังไง นี่ก็คือป่าดึกดำบรรพ์ ในตอนกลางคืนมันจะเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด
ในตอนเย็น พวกเขาเริ่มก่อกองไฟ หลินเซวียนได้ล่าหมูป่าและทำความสะอาดที่แม่น้ำ ก่อนจะเสียบหัวย่างไฟ ขณะเดียวกันถังอวี้ถึงกับน้ำลายไหลราวกับลูกแมวหิวโหย
หลินเซวียนมองนางพร้อมเผยรอยยิ้มจาง ๆ ทันใดนั้นเขาขมวดคิ้วแน่นและมองออกไป
จากนั้นเสียงอุทานดังขึ้น “ท่านพี่ ดูเหมือนจะมีกองไฟที่นี่!”
“ฮ่า ฮ่า ดีมาก อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่ต้องรีบร้อนแล้ว!” เสียงเกรี้ยวกราดตอบขึ้นดัง
หลินเซวียนลุกขึ้นนั่งย่อพร้อมดาบในมือ ถังอวี้เองก็สอดสายตามองไปรอบด้าน
“พวกเราคือทหารรับจ้างโลหิต ขออภัยที่รบกวน!” เสียงหัวเราะพลันดังขึ้น จากนั้นร่างของคนห้าคนได้ปรากฏตรงหน้าหลินเซวียน
กลุ่มนี้ดูจะเป็นกลุ่มของคนหนุ่มอายุราวยี่สิบถึงสามสิบปี พวกเขาแต่ละคนมีหีบและดาบอยู่ด้านหลัง อีกทั้งใบหน้ายังดูเหนื่อยล้า
“ข้าตู่ปิง นี่คือพี่น้องข้าจากกลุ่มทหารรับจ้างโลหิต พวกเขาหลงทางในภูเขานี้ หลังจากเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย พวกเราต้องการจะพักที่นี่สักคืน ข้าหวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ”
หลินเซวียนมองคนพวกนั้น พวกเขามีใบหน้าที่เย็นเยือกและดวงตาที่ดุดัน กล่าวได้ว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ด้านการสังหารมาไม่น้อย สิ่งที่ทำให้หลินเซวียนประหลาดใจคือ ชายนามตู่ปิงคนนี้อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหก และคนอื่น ๆ อยู่ระดับห้า
“’คนพวกนี้ดูเหมือนจะไม่ต้องการอะไรมาก พวกเขาคงอยากจะพักผ่อนสักคืนเท่านั้น’ หลินเซวียนคิดในใจ
“พวกเราเป็นบุตรของแม่น้ำและพงไพร เมื่ออยู่ข้างนอก เช่นนั้นก็ควรดูแลซึ่งกันและกัน” หลินเซวียนเผยรอยยิ้มและแสดงท่าทีตอบรับ
“ฮ่า ฮ่า เช่นนั้นก็ขอขอบคุณ!” ตู่ปิงหัวเราะก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมพี่น้องด้านหลัง