ตอนที่ 43 หยินฉิงอี้
เมื่อหลินเซวียนเปิดประตูออกไป เขาพบว่าเป็นสตรีแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่
“เจ้าเป็นใคร?” หลินเซวียนคิดอยู่ชั่วครู่ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักนาง
“ขออภัยที่รบกวน ได้โปรดท่านช่วยซ่อมดาบให้ข้าได้หรือไม่?” สตรีผู้นั้นหน้าแดงขณะกล่าว “มีศิษย์พี่ที่หอภารกิจบอกให้ข้ามาที่นี่ เขาบอกว่าท่านสามารถซ่อมมันได้”
“เฉินต้าเจิ้งหรือ?” หลินเซวียนตระหนักได้ในใจ ‘คงส่งแต้มสะสมมาให้เราอีกแล้ว!’
“เข้ามาสิ!” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
สตรีหน้าแดงเดินเข้าไปในกระท่อมของหลินเซวียน จากนั้นนางได้ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น มือของนางสั่นอย่างมาก เพราะไม่ทราบว่าควรจะทำอะไรก่อน นางทำเพียงแค่จับมุมเสื้อของตนไว้แน่น
“ส่งดาบมาให้ดูหน่อย” หลินเซวียนนั่งลงดูเหมือนคนจริงจังกับงาน
สตรีผู้นั้นยื่นดาบที่อยู่ตรงสะโพกให้เขา จากนั้นได้เงยหน้ามองอย่างประหม่า ดวงตาของนางกลมโตเหมือนอัญมณีสีดำ นางมองมันราวกับกลัวว่าจะพลาดบางอย่างไป
หลินเซวียนตรวจสอบดาบเล่มนั้น เขาทราบทันทีว่ามันไม่ใช่ดาบธรรมดา มันมีจารึกบางอย่างข้างใน แต่ดูเหมือนจะถูกปิดกั้นไว้
“มันคือของวิเศษงั้นหรือ?”
‘ดูเหมือนสตรีผู้นี้คงไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน’
จากนั้นชั่วครู่เขาได้ครุ่นคิดบางอย่างก่อนส่งเสียงเรียกในจิตใต้สำนึก “ลุงขี้เมา ถึงเวลาตื่นแล้ว!”
“เสี่ยวเซวียน เจ้าต้องการอะไรจากข้า?” เซียนสุรากล่าวอย่างหงุดหงิด
“นี่ นี่ ท่านมีวิธีซ่อมดาบไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงไม่สอนข้าหน่อย?” หลินเซวียนกล่าว
เซียนสุรากลอกตามองเขา “แล้วไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนของคฤหาสน์จอมดาบหรอกหรือ? เจ้าเองก็มีทักษะที่ดี เหตุใดถึงมาสนใจวิชาข้า?”
หลินเซวียนคิดไว้ว่าสตรีผู้ที่มีดาบวิเศษเล่มนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา เขาจึงไม่ต้องการเผยตัวตน เพราะมันอาจจะทำให้คนอื่นรู้จักตัวตนของเขาเหมือนผู้อาวุโสฟ่าง แต่เขาก็ไม่ได้บอกเซียนสุราเรื่องนี้
“ไม่ใช่ว่าท่านเรียกตัวเองว่าเซียนดาบหรือไง? ท่านหลอกข้าหรือเปล่า?” หลินเซวียนโค้งมุมปาก
“ไร้สาระน่าเจ้าหนู กล้าสงสัยข้างั้นหรือ!?” เซียนสุราทราบว่าหลินเซวียนคิดจะทำอะไร แต่ก็ยังกล่าวด้วยความโกรธ “ข้าจะให้เจ้ารู้จักว่าอะไรคือการซ่อมดาบที่แท้จริง!”
แม้น้ำเสียงเซียนสุราฟังดูกริ้วเล็กน้อย แต่เขาก็แอบดีใจ “ฮ่า ฮ่า เสี่ยวเซวียน เจ้าจงสืบทอดทักษะของเซียนผู้นี้และใช้มันให้ดีในอนาคตต่อไปก็แล้วกัน“
“ฟังข้านะ ทักษะการจารึกอาวุธของข้านั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก อย่าว่าแต่การซ่อมดาบ มันสามารถทำได้ถึงการเพิ่มพลังและยกระดับของอาวุธ!” หลังจากนั้นเซียนสุราได้เริ่มสอนทักษะพิเศษของตนให้หลินเซวียน
อีกด้านหนึ่ง สตรีตรงหน้าเขากำลังแอบมอง เนื่องจากหลินเซวียนเงียบไปนาน มันจึงทำให้หัวใจของนางจมลงก่อนจะกระซิบ “ศิษย์พี่ ท่านสามารถซ่อมได้หรือเปล่าคะ?”
แต่ราวกับหลินเซวียนไม่ได้ยินอะไร และยังก้มหน้าต่อไป
เมื่อไม่มีสิ่งใดตอบกลับ ใบหน้าของนางจึงก้มลงพร้อมจิกเล็บแน่น ขณะที่กำลังจะรวบรวมความกล้าเอาดาบกลับ นางก็พบว่าหลินเซวียนได้ขยับตัวแล้ว
นิ้วเรียวของบุรุษได้ตวัดลงบนตัวดาบเป็นรูปอักขระแปลกประหลาด เป็นผลให้เกิดเสียงตัดเหล็กขึ้นอย่างคมชัด
การเคลื่อนไหวของหลินเซวียนนั้นงดงามอย่างมาก มันดึงดูดคนดูจนนางแทบไม่กล้าจะกะพริบตา
หลังจากผ่านไปนาน หลินเซวียนได้ตวัดดาบยาวอีกครั้งเพื่อแสดงว่าซ่อมเสร็จแล้ว มันทำให้สตรีผู้นั้นได้สติกลับมาขณะมองหลินเซวียนด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เรียบร้อยแล้ว” หลินเซวียนส่งดาบให้พร้อมกล่าว “เอาล่ะ สามสิบแต้ม”
“อ๊ะ?” สตรีผู้นั้นผงะไปชั่วครู่ก่อนจะเข้าใจ แต่ใบหน้าของนางกลับแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิมราวกับลูกท้อ
“ข้า ข้า…” สตรีผู้นั้นลูบมืออย่างประหม่าก่อนจะกล่าว “ข้าไม่มีแต้มที่ท่านว่า”
“หรือข้าจะกลับมาจ่ายให้ท่านเมื่อมีแต้มเพียงพอ” เสียงของนางเบาค่อยอย่างมาก
หลินเซวียนขมวดคิ้วก่อนจะนึกในใจ ‘เราเดาผิดงั้นหรือ? นางไม่ใช่คุณหนูจากตระกูลใหญ่สินะ?’
เขาเงยหน้ามองสตรีผู้นั้นก่อนจะเผยรอยยิ้ม “ข้าแค่ล้อเล่น ไม่ต้องจ่ายอะไรหรอก!”
“จริงหรือ?” สตรีหน้าแดงแสดงความยินดีพร้อมกล่าวอย่างมีความสุข “ขอบคุณศิษย์พี่มาก”
“อย่าเรียกข้าว่าศิษย์พี่เลย ข้ามีนามว่าหลินเซวียน เจ้าล่ะ?”
“หยินฉิงอี้” เสียงของนางเบาค่อยอย่างมาก
“หยินฉิงอี้…” หลินเซวียนตกตะลึงเล็กน้อย “ฉิงอี้… เจ้ามาจากพรรคอาภรณ์หยกงั้นหรือ?” (ฉิงอี้ในเรื่องแปลว่าอาภรณ์หยกนะครับ)
“ไม่นะ ไม่ใช่ เป็นแค่ชื่อที่ซ้ำกันเท่านั้น” สตรีผู้นั้นสะดุ้งเมื่อได้ยิน
“มาหาข้าได้ทุกเมื่อหากดาบของเจ้ามีปัญหาในอนาคต ข้าจะไม่คิดเงินเจ้า” หลินเซวียนหัวเราะขบขัน
หยินฉิงอี้แอบมองหลินเซวียน ใบหน้าเล็กจ้อยของนางแอบเผยรอยยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวขอบคุณก่อนจะจากไป
หลินเซวียนเดินอยู่ด้านนอกขณะมองด้านหลังของหยินฉิงอี้ที่เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม ขณะกำลังจะกลับเข้ากระท่อม ศิษย์ที่อยู่แถวนั้นได้เอ่ยขึ้น “น้องเซวียน เจ้าไม่ต้องการตามนางไปหรือ!”
“ตามพี่เจ้านะสิ! นางมาที่นี่เพื่อขอให้ข้าซ่อมอาวุธให้!” หลินเซวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“บัดซบ! น้องเซวียน ทำไมข้าไม่ทราบว่าเจ้าสามารถซ่อมอาวุธได้?” ศิษย์ข้างบ้านต่างพากันหันมามอง คนหนุ่มเหล่านี้ยังเป็นแค่ศิษย์ที่ฝึกฝนกันด้วยตนเอง และยังไม่มีพรรคสังกัดใด แต่พวกเขาชื่นชมหลินเซวียนอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มสนิทสนมกับเขามากขึ้นเมื่อผ่านไปในแต่ละวัน
“น้องเซวียน ช่วยข้าดูหน่อย!” ใครบางคนนำอาวุธตนเองออกมา
หลินเซวียนคิดจะพัฒนาทักษะของเซียนสุราจึงไม่ปฏิเสธ เพราะเขาพบว่าทักษะนี้ยอดเยี่ยมอย่างมาก มันไม่ใช่ทักษะธรรมดาทั่วไป เพราะผลที่ได้ออกมานั้นเกินคาดอย่างแท้จริง
“ลุงขี้เมา ไม่คาดคิดเลยว่าท่านจะมีทักษะแบบนี้!” หลินเซวียนตะโกนขึ้นในใจ
“เสี่ยวเซวียน เรียกข้าอาจารย์สิ! แล้วข้าคนนี้จะสอนวิชาสุดยอดหลาย ๆ อย่างให้!” เซียนสุรากล่าวอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย
หลินเซวียน “…”
ไม่กี่วันต่อมา ผู้คนได้ทราบว่ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งสามารถยกระดับอาวุธได้ที่กระท่อมหมายเลขยี่สิบห้าเขตทิศใต้ ศิษย์มากมายต่างพากันมาที่นี่เพื่อแสดงความนับถือ
สามวันก่อนการทดสอบเข้าสำนักชั้นใน กลุ่มของศิษย์หนุ่มสาวได้มายังกระท่อมที่ยี่สิบห้าของหลินเซวียน
“บัดซบ! นั่นศิษย์ฝั่งตะวันออก!” ศิษย์ใกล้ ๆ กระท่อมได้เอ่ยขึ้น
พื้นที่ฝั่งตะวันออกนั้นแตกต่างจากฝั่งใต้ พื้นที่ฝั่งใต้นั้นจะเป็นที่อยู่ของคนปกติ พวกเขามีกระท่อมที่ใกล้ชิดติดกับของผู้อื่น และไม่มีอะไรมากมาย ส่วนของฝั่งทิศตะวันออกนั้นแตกต่างออกไป มันเป็นเขตของศิษย์ผู้ที่มั่งคั่งและมีอำนาจ
ในสวนของพวกเขาจะมีลานฝึกวรยุทธ์พิเศษ บางแห่งจะมีผู้พิทักษ์ไม้ไผ่อยู่ด้วย กล่าวได้ว่าแตกต่างจากฝั่งใต้อย่างมาก
กลุ่มคนพวกนั้นได้มายังหน้ากระท่อมของหลินเซวียน พวกเขาเป็นบรรดานายน้อยและคุณหนูคนหนึ่งที่มีนิสัยหยิ่งผยอง
“เจ้าหลิน ออกมาเร็ว!” เสียงชายหนุ่มดังขึ้น
หลังจากตะโกนอยู่สองสามครั้ง พวกเขาพบว่าไม่มีความเคลื่อนไหวภายในกระท่อม ชายหนุ่มจึงอุทานเสียงไม่พอใจก่อนจะผลักประตูเข้าไป
ภายในห้องนั้นว่างเปล่า
“เจ้ากำลังตามหาน้องเซวียนงั้นหรือ?” ศิษย์เพื่อนบ้านหลินเซวียน ติงเซียวป้างได้เอ่ยขึ้น “รอสักครู่ น้องเซวียนน่าจะกลับมาในยามบ่านเร็ว ๆ นี้”
“อะไรนะ? ให้รอเขางั้นเรอะ?” กลุ่มคนหนุ่มกล่าวอย่างหยิ่งผยอง “ไอ้หนู เจ้ากับหลินเซวียนคนนี้สนิทกันใช่หรือไม่? รีบไปพาตัวเขามา เวลาของพวกเรามีค่า!”
“น้องเซวียนออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว ข้าไม่ทราบว่าเขาไปที่ไหน” ติงเซียวป้างกล่าวเสียงต่ำ
“ไปหาป้าเอ็งมั้ง! รีบไปตามหามันมาเดียวนี้ จะมัวพล่ามไร้สาระทำไม!” ชายหนุ่มตบหน้าติงเซียวป้างเข้าอย่างจัง
ร่างของติงเซียวป้างถึงกับกระเด็น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาและความเจ็บปวด
“ทำไมต้องตีคนด้วย?” ศิษย์หนุ่มรอบด้านไม่อาจทนดูได้อีก
“โอ้ อยากจะมีเรื่องงั้นหรือ?” กลุ่มของคนหนุ่มฝั่งตะวันออกกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ข้าอุตส่าถ่อมายังฝั่งใต้นี้เพื่อพบไอ้หลินเซวียนนั้น แต่มันกลับให้พวกเรารอ พวกเจ้าช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียแล้ว!”
“แล้วทำไมต้องตีเขาด้วย ทำไมไม่ไปบอกน้องเซวียนเอง!” คนหนุ่มเหล่านี้ไม่อาจยอมรับได้ พวกเขายังอายุน้อย เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ก็มีความไม่พอใจทันที
“ทำไมจะไม่ได้?” ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวพร้อมแสยะยิ้ม “ทุกคนออกมา! แสดงให้พวกมันดูหน่อยว่าใครใหญ่!”
ทันใดนั้นกลุ่มคนหนุ่มฝั่งทิศตะวันออกได้วิ่งมาเข้ามา…
หลินเซวียนไปซ่อมอาวุธให้ผู้อาวุโสฟ่างตั้งแต่เช้า และได้รับแต้มสะสมมามากมาย เขาฮัมเพลงกลับมายังฝั่งใต้ทันทีที่เสร็จ แต่เมื่อมาถึง เขากลับพบว่าบรรยากาศรอบด้านได้เปลี่ยนไป…
‘ปกติเวลานี้ ศิษย์ในระแวกจะออกมาแลกเปลี่ยนวรยุทธ์กันไม่ใช่หรือ? พวกเขาไปไหนกันหมด?’
ขณะกำลังยืนครุ่นคิด เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น “น้องเซวียนกลับมาแล้ว!”