ตอนที่ 57 ความแข็งแกร่งที่ตื่นตา
การกระทำของหลินเซวียนทำให้ทุกคนประหลาดใจ ในสายตาของพวกเขา การกระทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตาย
“ตายซะ!” เจียงอู่หลงตะโกนขึ้น
เวลานี้มังกรเพลิงกำลังจะปะทะกับหลินเซวียน ดาบในมือของเขาได้กลายเป็นประกายสายฟ้าสีทอง
ทันใดนั้นฉากไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น มังกรเพลิงที่เกรี้ยวกราดได้ถูกผ่าออกเป็นสองซีก
หลังจากร้องโหยหวนอยู่ชั่วครู่ มันได้ละลายลงกับพื้นเหลือเพียงแค่สะเก็ดไฟรอบด้าน
“นี่…” ศิษย์บนอัฒจันทร์ชะงัก “หลินเซวียนทำอะไร เขาผ่ามังกรเพลิงที่สร้างจากคุณสมบัติธาตุของพลังวิญญาณได้ยังไง?”
“สวรรค์ ข้ากำลังชมอะไรอยู่นี้?!”
ไม่เพียงแค่ศิษย์ธรรมดาที่ไม่เชื่อสายตา แต่ยังรวมถึงศิษย์ระดับสูงด้วย
ใบหน้าอันงดงามของเฉินเซี่ยเอ๋อเผยถึงความประหลาดใจเป็นครั้งแรก แม้แต่หลิวหยุนเองก็ไม่ได้สงบนิ่งอีก ดวงตาสีม่วงคู่นั้นจดจ้องไปทางหลินเซวียน
“เจ้า… เจ้าทำได้ยังไง? มันเป็นไปไม่ได้!” แน่นอนว่าคนที่ตกตะลึงที่สุดก็คือเจียงอู่หลง ไม่มีใครทราบว่าพลังของกระบวนท่าเมื่อครู่จะเหนือกว่าเขา แต่เดิมเขาคิดจะใช้ท่านี้เผด็จศึกหลินเซวียน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะพังลงอย่างง่ายดาย
“พลังไฟของเรายังไม่สมบูรณ์งั้นหรือ?” เจียงอู่หลงสงสัยตัวเอง
ไม่มีใครคิดเกี่ยวกับคุณสมบัติทางพลังวิญญาณของหลินเซวียน เพราะมันยากเกินไปที่จะบรรลุ เว้นแต่มันจะเป็นวิชาระดับสูงที่เขาเชี่ยวชาญจริง ๆ เช่นนั้นเขาไม่มีทางที่จะทำลายพลังของเจียงอู่หลงได้ อีกอย่าง หลินเซวียนเองก็ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณอย่างเต็มที่เมื่อครู่ แม้จะมีประกายสายฟ้าสีทองที่ปะทุออกมา แต่มันก็ยังไม่เหมือนคุณสมบัติธาตุสายฟ้า มันจึงไม่มีใครคิดว่าหลินเซวียนสามารถใช้คุณสมบัติทางพลังวิญญาณ
ใบหน้าเจียงอู่หลงมืดดำจนน่ากลัว เขาไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้ มีเพียงการตีหลินเซวียนได้เท่านั้นถึงจะระบายความโกรธในใจออกไป
“เผาผลาญสวรรค์!” เจียงอู่หลงกระตุ้นพลังวิญญาณในร่างอย่างสุดขีด มันทำให้รอบด้านของเขากลายเป็นทะเลเพลิงที่ร้อนแรง จากนั้นดาบที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงได้กวัดแกว่งไปทางหลินเซวียนอย่างรวดเร็ว
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!
หลินเซวียนยังคงใช้ดาบใหญ่ของตนปัดป้อง ตัวดาบนั้นปกคลุมไปด้วยสายฟ้าสีทอง แต่ละครั้งที่เขาตวัด มันจะปัดปลายดาบของเจียงอู่หลงออก
เพียงชั่วพริบตา พวกเขาเปลี่ยนกระบวนท่าดาบในมืออย่างรวดเร็ว ทุกการโจมตีนั้นไม่ต่างจากปลายเข็มกระทบกับข้าวสาลี พวกมันหักล้างกันไปมาภายใต้สายตาอันตกตะลึงของศิษย์รอบด้าน
ช่างเป็นดาบที่รวดเร็วและแม่นยำกันอย่างแท้จริง!
วิชาดาบของพวกเขาบรรลุไปยังขั้นสมบูรณ์กันหมดแล้ว
“เพลิงแยกพิภพ!”
ดาบของเจียงอู่หลงได้เปลี่ยนไป เงาดาบหลายเล่มพุ่งออกมาจากตัวเขาและแทงไปรอบด้านของหลินเซวียน แต่ละทิศทางนั้นซับซ้อนจนไม่สามารถป้องกันได้
“วิชาดาบอัสนี!”
ดาบของหลินเซวียนร่ายรำอย่างงดงามและรวดเร็วปานสายฟ้า เขาใช้มันป้องกันการโจมตีตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ ขณะเดียวกัน เงาดาบไฟที่ถูกปัดลงพื้นจะกลายเป็นอสรพิษสีแดงเพลิงพุ่งเข้าสกัดทางถอยของหลินเซวียน
“อสรพิษกัมปนาท!”
งูไฟนับสิบตัวได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงทันที เป็นผลให้ลานประลองกลายเป็นหลุมหลายแห่ง เวลานี้ หลินเซวียนตกอยู่ในมรสุมจากเปลวไฟรอบด้าน
“ก้าวเท้าเงา!”
ทันใดนั้นร่างสีดำได้พุ่งออกมาจากกองไฟ เกราะสีทองได้รับผลกระทบอยู่หลายแห่ง อีกทั้งกลางหลังของเขายังมีร่องรอยจากการโดนระเบิดจนเป็นสีดำ
แต่โชดคดีที่เขาหนีมาได้ทัน
“ก้าวเท้าเงา!” หลินเซวียนยังไม่หยุด เขาถือดาบพุ่งไปทางเจียงอู่หลงอย่างต่อเนื่อง เจียงอู่หลงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา หากไม่รีบจบการประลอง บางทีอาจมีผลลัพธ์ที่คาดคิดเกิดขึ้นได้
วิชาดาบอัสนีขั้นที่สองของเขาบรรลุไปยังระดับสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นจึงสามารถใช้มันได้ตามใจปรารถนา เขาแทงและฟันกวาดไปยังเจียงอู่หลงทันที มันเป็นการเคลื่อนไหวพื้นฐานนั้นที่ดูน่าสะพรึง
เจียงอู่หลงรู้สึกผวาในใจ เขาเกือบจะถูกฟันโดยหลินเซวียนแล้ว ทุกการโจมตีของดาบเพลิงโลหิตนั้นราวกับภูเขาที่หนักอึ้งแต่มันกลับรวดเร็วดั่งสายฟ้า มันทำให้เขาต้องสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
ยิ่งกว่านั้นดาบที่เขาโจมตีหลินเซวียนยังไม่โดนแม้แต่ครั้งเดียว การหลบหลีกของหลินเซวียนนั้นคล่องแคล่วอย่างมาก เขาทราบทันทีว่ามันคือการก้าวเท้าระดับสูง รวมถึงวิชาตัวเบาที่อยู่ในระดับสมบูรณ์ มันจึงทำให้หลินเซวียนเป็นดั่งเงาที่จับต้องไม่ได้
แม้แต่ต้วนเฟ่ยยังมองการก้าวเท้าของหลินเซวียนอย่างประหลาดใจ ถึงจะยังไม่เท่ากับความเร็วของตน แต่หลินเซวียนก็แทบจะไม่ต่างจากเขาในการควบคุมร่างกายที่แม่นยำ
“ถึงแม้จะเป็นวรยุทธ์ขั้นสีเหลืองระดับกลาง แต่ผลของมันกลับดีกว่าขั้นสีเหลืองระดับสูง ดูเหมือนพวกเราจะประเมินเขาต่ำไปเสียแล้ว” ด้านข้าง หลิวหยุนได้กล่าวเสียงลุ่มลึก
ต้วนเฟ่ยหันไปมองหลิวหยุน “ข้าเกรงว่ามันจะยังมีอะไรที่น่าประหลาดใจอีก ข้าเคยเห็นเขาเมื่อสามเดือนก่อน เขาได้ใช้วิชาดาบอย่างหนึ่งในการพิชิตผู้ทักษ์ไม้ไผ่ หากเขาใช้มันตอนนี้ ข้าเกรงว่าเจียงอู่หลงจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน“
“วิชาดาบนั้นทรงพลังมากงั้นหรือ?” เฉินเซี่ยเอ๋อถามอย่างสงสัย แม้แต่หลิวหยุนเองก็สงสัยเช่นกัน
“ข้าก็ไม่ทราบ บางทีเขาอาจจะไม่ใช้ก็ได้ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานการประลองคงจะจบแล้ว” เสียงของต้วนเฟ่ยต่ำลงเล็กน้อย เขานึกคิดถึงกระบวนท่าในวันนั้น ในตอนนั้นหลินเซวียนยังเป็นเพียงขี้ข้าดาบที่เข้ามาสอบเข้าสำนักชั้นนอก ใครจะคิดว่าเพียงแค่สามเดือน เขาจะสามารถสู้กับอัจฉริยะอย่างหนึ่งในสี่ยอดคนได้
“วิชาดาบดาวตก… เราไม่ทราบว่าจะหลบมันได้หรือเปล่า?” ต้วนเฟ่ยรู้สึกสงสัยตัวเอง ถึงแม้เขาจะรวดเร็วแต่ก็ไม่ได้มั่นใจนัก
บนลานประลอง เจียงอู่หลงรู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อการโจมตีของหลินเซวียนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เขาตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล ลมหายใจนั้นรุนแรงกว่าเดิมถึงสองเท่า
“เพลิงพิโรธ!”
หลังจากคำราม เปลวเพลิงสีแดงของเจียงอู่หลงได้กระจายไปรอบด้านทันที แต่พลังวิญญาณสีทองของหลินเซวียนได้ฟันผ่าทะเลเพลิงนั้นเป็นสองซีกเช่นกัน
หลังจากผ่านไปนับร้อยกระบวนท่า พวกเขาก็ได้แยกออกไปคนละฝั่ง
ฟูม! หลินเซวียนค่อย ๆ หายใจออก การต่อสู้เมื่อครู่เขายังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ แต่คู่ต่อสู้เองก็คงเช่นกัน
แน่นอนว่าหลังจากผ่านไปสองถึงสามลมหายใจ เจียงอู่หลงก็ได้ตัดสินใจ ดวงตาอันเย็นเยือกของเขาทำให้หลินเซวียนตัวสั่นเล็กน้อย
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้!” หัวใจของเจียงอู่หลงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาควรจะสังหารหลินเซวียนตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างหลุมพิสดาร แต่ในโลกนี้ก็ไม่มียาบรรเทาความเสียใจ ดังนั้นจึงทำได้เพียงยอมรับอย่างช่วยไม่ได้
“หากคิดว่าจะเอาชนะข้าได้ด้วยวิธีนี้ เช่นนั้นเจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป!” เสียงของเจียงอู่หลงดังขึ้น “นี่คือวิชาที่ข้าเตรียมไว้สู้กับหลิวหยุน ไม่คาดคิดเลยว่าจะต้องเอามาใช้กับเจ้า“
“จงภูมิใจที่จะได้ตายด้วยกระบวนท่านี้เสีย!”