ตอนที่ 59 แพ้ชนะในสามกระบวนท่า!
เมื่อหลินเซวียนยืนขึ้น บรรยากาศรอบลานประลองก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“หลิวหยุนพบกับหลินเซวียน!”
คนหนึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งสำนักชั้นนอก และอีกคนนั้นเป็นม้ามืดที่มีพรสวรรค์ ใครกันที่จะชนะเลิศในการประลองรอบนี้?
ชายหนุ่มทั้งสองยืนประจัญหน้ากันบนลานประลอง
หลิวหยุนกระดิกนิ้ว จากนั้นหอสีม่วงได้ปรากฏขึ้น ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่สงบนิ่งและเยือกเย็นมันได้เปลี่ยนเป็นความดุดันและขนลุก พลังวิญญาณของเขาได้ปะทุออกมาและพุ่งขึ้นฉีกท้องฟ้าออกทันที
หลินเซวียนเองก็ถือดาบเพลิงโลหิตอยู่ในมือ และยังไม่ปลดปล่อยพลังวิญญาณ ถึงแม้เขาจะยืนอย่างสงบ แต่มันก็ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของชายผู้นี้อีกต่อไป
พวกเขาทราบกันดีว่า ชายผู้นี้เป็นเหมือนดาบที่ยังไม่ถูกดึงออกจากฝัก หากถูกดึงออกมา ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป สายตามากมายต่างมองชายหนุ่มทั้งสองบนลานประลองอย่างตื่นเต้น
“หลินเซวียน เจ้าคู่ควรแล้วที่จะได้สู้กับข้า!” หลิวหยุนได้เอ่ยขึ้น “เอาแบบนี้ดีหรือไม่ ระหว่างข้ากับเจ้า พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันสามกระบวนท่า จากนั้นค่อยตัดสินกันว่าใครจะชนะ?”
“สามกระบวนท่าตัดสินแพ้ชนะงั้นหรือ?” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้คนด้านล่างต่างพากันเดือดพล่านอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าหลิวหยุนคิดจะจบการประลองอย่างรวดเร็ว
“สามกระบวนท่า? ข้าเองก็ต้องการเช่นนั้น!” หลินเซวียนเองก็ไม่ต้องการให้การประลองยืดยาด
หลังจากได้ยินคำของหลินเซวียน พลังงานสีม่วงในตัวของหลิวหยุนได้พวยพุ่งขึ้นฟ้าราวกับราชาปีศาจที่กำลังจะถือกำเนิด ราวกับหอกของจอมมารที่กำลังพุ่งขึ้นไปแทงสวรรค์…
“พลังอะไรกันนี้!” ต้วนเฟ่ยมองหลิวหยุนด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง
เปรี๊ยะ!
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของหลิวหยุน หลินเซวียนเองก็ไม่ได้สงบนิ่งอีกต่อไป สายฟ้าสีทองได้พุ่งออกมาไหลเวียนรอบตัวของเขาทันที
“สายฟ้า มันคือสายฟ้า! หลินเซวียนมีคุณสมบัติธาตุสายฟ้าจริง ๆ !” เวลานี้ศิษย์มากมายได้ยืนขึ้นมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการตกตะลึง
ขณะเดียวกัน หลินเซวียนกำลังยืนโคจรพลังอยู่บนลานประลอง ร่างของเขาเต็มไปด้วยสายฟ้าไหลวนไปมาพร้อมเส้นผมสีดำที่ปลิวไสว แม้แต่ดวงตาของเขายังกลายเป็นสีทอง มันไม่ต่างอะไรกับเทพอัสนีในตำนาน
“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงเอาชนะเจียงอู่หลงได้ นอกจากจะเป็นพลังของสายฟ้าแล้ว มันยังเป็นพลังสายฟ้าที่ร้ายกาจที่สุด” ศิษย์หลายคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงสุดท้ายของการประลองก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเห็นหลินเซวียนเผยพลังที่แท้จริง ทุกคนจึงเข้าใจทันที
บนลานประลอง ชายหนุ่มทั้งสองกำลังจะห้ำหั่นกัน แสงสีม่วงและสีทองตัดกันไปมาจนเกิดเสียงแตกของอากาศ
ตู้ม!
และในที่สุด มิติตรงหน้าพวกเขาก็แตกออก ส่งผลให้แรงกระแทกกระจายไปทั่วทิศทาง พื้นลานประลองถึงกับร้าวจนเศษหินกระเด็นออกไป
“กระบวนท่าหอกสามพิภพ! ท่าทีหนึ่ง วังวนหอก!”
หลิวหยุนตะโกนขึ้น จากนั้นเขาเริ่มหมุนควงหอกอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นวังวนตรงปลายหอก
ลมที่ถูกดูดกลืนเข้าไปนั้นรุนแรงอย่างมาก มันราวกับมังกรทะเลที่กำลังอ้าปากอยู่
เมื่อปะทะกับหอกอันทรงพลังนี้ หลินเซวียนถึงกับเผยใบหน้าเคร่งขรึม มันเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงอันตรายจนร่างกายสั่นเทา
ไม่ใช่เพราะเขากลัว แต่เป็นเพราะกำลังตื่นเต้น
ใช่แล้ว มันคือความตื่นเต้น! ดวงตาหลินเซวียนสว่างไสวราวกับดวงดาว พลังสายฟ้าสีทองรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง เวลานี้เขาเป็นเหมือนราชสีห์สีทองที่ยืนอยู่บนสมรภูมิรบ
ตู้ม!
แสงสีทองสว่างวาบขณะเข้าไปปะทะกับหอกสีม่วง มันทำให้เกิดเสียงดังเหมือนท้องฟ้าคำราม ศิษย์ที่ทนไม่ได้ถึงกับหูหนวกไปชั่วขณะจนไม่ได้ยินอะไรไปนาน
ขณะเดียวกัน ปลายหอกของหลิวหยุนยังคงดูดกลืนหลินเซวียนอยู่ มันคือท่าที่เขาเอาชนะต้วนเฟ่ย
“อัสนีกัมปนาท!”
หลินเซวียนตะโกนขึ้น ทันใดนั้นแสงสีแดงได้หลั่งไหลออกมาจากสายฟ้าเหนือตัวดาบ คลื่นพลังอันรุนแรงพุ่งเข้าใส่วังวนของหลิวหยุนในทันที
หลิวหยุนประหลาดใจไม่น้อย เขาไม่คาดคิดว่าดาบธรรมดาของหลินเซวียนจะมีพลังอันร้ายกาจขนาดนี้ สายฟ้าที่ถูกส่งมานั้นน่าสะพรึงราวกับสายฟ้าเหนือสวรรค์ทั้งเก้า
วังวนหอกของเขาสูญเสียพลังเป็นครั้งแรก
นอกจากนั้นยังมีปะจุไฟฟ้าสีทองไหลผ่านตัวหอกเข้าไปในร่างของหลิวหยุน มันทำให้ตัวเขาถึงกับชา
“ฮึ่ม!” หลิวหยุนโคจรพลังหยุดการสั่นของหอกก่อนจะถอยห่างออกมา ทั้งสองมองหน้ากันอย่างดุดัน
ภายใต้กระบวนท่าที่หนึ่ง ดูเหมือนทั้งสองจะยังมีพลังทัดเทียมกัน
ศิษย์บนอัฒจันทร์ต่างพากันตื่นเต้น พวกเขายังไม่ลืมว่าวังวนหอกนั้นสามารถเอาชนะยอดฝีมืออันดับสอง ต้วนเฟ่ย จากสำนักชั้นนอกได้ แต่หลินเซวียนกลับรับมือมันอย่างง่ายดาย
“ทั้งสองคนนี้ ข้าเกรงพวกเขาคงไปไกลเกินกว่าสำนักชั้นนอกแล้ว!” ศิษย์มีฝีมือหลายคนรู้สึกใจเต้นรัว
ถึงแม้บนลานประลองดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่ในใจหลิวหยุนทราบดีว่าตนเองพ่ายแพ้ในกระบวนท่าทีหนึ่ง หากเขาไม่สามารถหลุดออกจากดาบของหลินเซวียนได้ก่อนหน้านี้ เช่นนั้นคงจะโดนสายฟ้าสีทองทำลายลมปราณไปแล้ว
‘สายฟ้าสีทองนี้คืออะไรกันแน่? เหตุใดเขาถึงใช้มันได้อย่างทรงพลังขนาดนี้?’ หลิวหยุนอยากจะเข้าใจในสายฟ้าตรงหน้าอย่างมาก เพราะแม้แต่ศิษย์ชั้นในเองยังไม่สามารถใช้มันได้อย่างทรงพลังขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ หลิวหยุนนั้นค่อนข้างมั่นใจในวิชาหอกของตน โดยเฉพาะอีกสองกระบวนท่าที่เหลือ แม้จะเป็นยอดฝีมือขั้นเปิดชีพจรระดับเจ็ด เขาก็สามารถเอาชนะได้
“กระบวนท่าที่สอง หอกลู่ลม!”
แสงสีม่วงปกคลุมตัวหอกและกำลังเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด
วิชาหอกนี้จะไม่สนใจในเรื่องพลัง แต่จะเน้นไปที่ความเร็ว กล่าวได้ว่าความเร็วของมันนั้นเหนือธรรมชาติอย่างมาก
ความเร็วอันน่าสะพรึงนี้ แม้แต่ต้วนเฟ่ยที่ภูมิใจในความเร็วของตนยังถึงกับเหงื่อไหล
หลินเซวียนช่างน้ำหนักอยู่หลายครั้ง แต่ก็พบว่าไม่สามารถจะหลบมันได้สักทิศทาง
เขาเห็นแค่ประกายแสงสีม่วงอยู่ชั่ววูบเท่านั้นก่อนจะมาปรากฏตรงหน้า
“ความเร็ว?” หลินเซวียนโค้งมุมปากเล็กน้อย สิ่งนี้มันคล้ายกับวิชาของหลินเซวียนเช่นกัน กระบวนท่าแรกคือพลังที่แปลกประหลาด ส่วนท่าที่สองนั้นคือความเร็วที่เหนือธรรมชาติ
“อัสนีพิโรธ!”
ดาบในมือของหลินเซวียนเปลี่ยนเป็นสีทองและสีแดง มันถูกยกขึ้นปะทะกับแสงสีม่วงทันที
“ฮือ? ยังป้องกันได้อีก?” ท่าทีหลิวหยุนเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ในแง่ของพลังในกระบวนท่าแรกนั้น เขายอมรับว่าสู้ไม่ได้ แต่ในแง่ของความเร็วของกระบวนท่าทีสอง เขามั่นใจอย่างมาก เพราะแม้แต่ต้วนเฟ่ยยังไม่สามารถจับความเร็วระดับนี้ได้ แต่ตอนนี้มันกลับถูกป้องกันโดยหลินเซวียน
ปลายหอกสีม่วงปะทะเข้ากับปลายดาบสีแดงเข้ม พลังที่แตกต่างทั้งสองกลืนกินซึ่งกันและกันก่อนจะสลายไป
‘นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน หลินเซวียนสามารถจับความเร็วระดับนี้ทัน มันก็แสดงว่าหลินเซวียนมีความเร็วทัดเทียมกับเรา’ เมื่อนึกได้เช่นนี้ หลิวหยุนถึงกับเผยใบหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง