ตอนที่ 6 ผู้พิทักษ์ไม้ไผ่
ขั้นพลังบ่มเพาะของชายชุดม่วงผู้นั้นคือเปิดชีพจรระดับสอง ซึ่งอยู่ในระดับปานกลางของผู้เข้าร่วมทั้งหมด เขาใช้ดาบทรงกว้าง ซึ่งตัวดาบจะกว้างกว่าดาบยาวธรรมดาและหนักกว่าถึงสามเท่า มันจัดอยู่ในหมวดหมู่ดาบเฉือนปลายแหลม
“ดาบภูผา!” ชายหนุ่มชุดม่วงถือดาบไว้ด้วยสองมือ จากนั้นเขาเอนตัวไปด้านหน้าก่อนจะฟันไปยังผู้พิทักษ์ไม้ไผ่
ตู้ม! ดาบอันทรงพลังถูกหลบอย่างง่ายดาย ตัวดาบกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจังจนเกิดหลุม
พลังทำลายล้างของมันแข็งแกร่ง แต่กลับไร้ซึ่งความเร็ว เมื่อชายหนุ่มกำลังจะดึงดาบกลับ หุ่นไม้ไผ่ได้แทงดาบสีเขียวอ่อนออกไปราวกับสายฟ้า มันโดนไหล่ขวาของชายหนุ่มชุดม่วงอย่างจังจนเขากระเด็น
เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดม่วงที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับสองพ่ายแพ้เช่นนั้น ใบหน้าของผู้เข้าร่วมที่อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหนึ่งถึงกับจมลง หลายคนถึงกับคิดจะยอมถอนตัว
หลินเซวียนยังไม่คิดรีบร้อน เขาต้องการศึกษาท่าทางของผู้พิทักษ์ไม้ไผ่ก่อน ทันใดนั้นได้มีเสียงดังขึ้นจากฝูงคน “ไป!”
บุรุษและสตรีคู่หนึ่งได้พุ่งออกไปกลางลาน ผู้ชายมีรูปลักษณ์หล่อเหลาและดึงดูด สตรีด้านข้างเองก็งดงาม คิ้วของพวกเขามีลักษณะคล้ายกัน เช่นนั้นน่าจะเป็นพี่น้องจากบางตระกูล
“พี่ใหญ่ สนับสนุนข้าด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
ทั้งสองร่วมมือกันเผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์ไม้ไผ่ ดาบเหล็กชั้นดีทั้งสองประสานกัน จากนั้นไม่นานมันได้ทะลวงการป้องกันของผู้พิทักษ์ไม้ไผ่
ปั้ง!
คมดาบของชายหนุ่มฟาดผ่านร่างผู้ทักษ์ แต่กลับมีรอยดาบปรากฏขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
‘พลังป้องกันของผู้พิทักษ์ไม้ไผ่นั้นผิดปกติเกินไปแล้ว’
ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ มันดูเหมือนเขาไม่คาดคิดว่าพลังป้องกันของผู้พิทักษ์ไม้ไผ่จะแข็งแกร่งเพียงนี้ ขณะเดียวกัน ดาบสีเขียวในมือของผู้พิทักษ์ไม้ไพ่ได้พุ่งใส่หน้าของชายหนุ่ม
ตึง! สตรีด้านข้างได้พุ่งมาขัดขวางไว้ได้ทัน หลังจากนั้นดูเหมือนผู้พิทักษ์ไม้ไผ่จะดูไม่สบอารมณ์ เนื่องจากถูกขัดขวางการโจมตี
ท้ายที่สุดหลังจากผ่านไปสามสิบกระบวนท่า พวกเขาได้ตัดศีรษะของผู้พิทักษ์ไม้ไผ่และผ่านการทดสอบได้
ต่อมายังคงมีผู้คนผ่านการทดสอบในแบบกลุ่มอีก และก็มีบางส่วนที่พ่ายแพ้กลับไป
หลังจากสังเกตดูการทดสอบ หลินเซวียนสังเกตเห็นว่า ยิ่งผู้คนรวมกลุ่มกันสู้มากเท่าไหร่ ผู้พิทักษ์ไม้ไผ่ก็จะออกมามากขึ้นกว่าหนึ่งตัว
หากกลุ่มนั้นมีสามคน เช่นนั้นก็จะมีผู้พิทักษ์ไม้ไผ่อยู่สองตัว หากมีห้าคน ก็จะมีผู้พิทักษ์ไม้ไผ่สามตัว ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้พิทักษ์ไม้ไผ่ในสีเขียวมรกต สำหรับตัวที่มีจุดสีเหลืองและแดงยังไม่ได้แสดงตัวในการทดสอบ
‘ทั้งสองสีนั้นดูเหมือนจะเป็นหุ่นที่มีระดับสูงกว่า’ หลินเซวียนพลางนึกคิด
ผู้คนส่วนใหญ่ในสนามเริ่มจะทำการทดสอบเสร็จกันแล้ว หลินเซวียนเองก็ไม่คิดจะรอให้นานกว่านี้ เมื่อเสร็จสิ้นคนล่า เขาจึงเดินเข้าไปในลานพร้อมดาบในมือ
ทันทีที่ศิษย์ของสำนักซวนเทียนเห็นว่าเป็นหลินเซวียน ชายผู้หนึ่งได้กระซิบคำสองสามคำกับชายหนุ่มผู้คุมสอบ จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าเขา
หลินเซวียนรู้สึกได้ทันทีว่ารอยยิ้มนั้นไม่ใช่รอยยิ้มที่มีเจตนาดี แน่นอนว่าเขาคิดถูก ผู้พิทักษ์ไม้ไผ่สีแดงได้ออกมาเผชิญหน้ากับหลินเซวียนทันที
แรงกดดันจากผู้พิทักษ์ไม้ไผ่สีแดงตัวนี้สูงกว่าเดิมถึงสองเท่า ทั้งความเร็วและพลังก็เหนือกว่าเดิม มันเริ่มเข้าโจมตีหลินเซวียนอย่างดุดัน
“ข้าเป็นเป้าหมายพวกเจ้าแต่แรกแล้วสินะ” หลินเซวียนตวัดดาบของผู้พิทักษ์ไม้ไผ่ออกพร้อมเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
ในที่ห่างไปไม่ไกลนัก มีเงาของมนุษย์แอบดูอยู่การทดสอบอยู่
“นี่คือคนที่มีพรสวรรค์เรื่องดาบที่เจ้าบอกงั้นหรือ?” ชายหนุ่มรูปงามกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“เขามีความเข้าใจเฉพาะในเรื่องดาบและเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก” สตรีที่ตอบคำถามคือถังอวี้
“อัจฉริยะนั้นต้องใช้เวลาในการเติบโต บุรุษผู้นี้ได้ไปแหย่รังแตนเข้าตั้งแต่เริ่ม ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์ไผ่แดง ค่อยมาคุยกันหลังจากเขาผ่านการทดสอบนี้ดีกว่า” ชายหนุ่มรูปงามกล่าว
เวลานี้ ดาบของผู้พิทักษ์ไผ่แดงได้ยกขึ้นพร้อมแสงสีแดงที่ห่อหุ้มคมดาบ ขณะเดียวกันหลินเซวียนเริ่มควงดาบรอบตัว เป็นผลให้ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีพลังอย่างงดงาม
“นั่นวิชาดาบ…!” ใครบางคนตะโกนขึ้น
มันมีวิชาดาบที่ทรงพลังอย่างมากในบรรดาวิชาดาบมากมาย ยกตัวอย่างเช่นวิชาดาบของหลินเซวียน มันรวดเร็วและรุนแรงราวกับดาวตก
“ข้าไม่ทราบว่าเขาไปทำให้ใครไม่พอใจ แต่คนผู้นั้นได้ส่งผู้พิทักษ์ไผ่แดงอันทรงพลังมา แม้แต่ขั้นเปิดชีพจรระดับสี่ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีของมันได้ ข้าว่าเขาคงไม่รอดแน่”
บรรดานายน้อยที่เป็นศัตรูกับหลินเซวียนเห็นฉากนี้ถึงกับดีใจ พวกเขาต้องการให้หลินเซวียนถูกสังหารที่สุด
“จุดอ่อนของผู้ทักษ์ไม้ไผ่คือหัว และมันไม่มีข้อยกเว้นต่อให้จะร้ายกาจเพียงใด” หลินเซวียนไม่คิดจะถอย เขาจับดาบเหล็กดำในมือไว้แน่นขณะกระโดดขึ้นสูง
แสงของดาบสว่างวาบราวกับอุกกาบาตที่ตกลงมาจากฟากฟ้า มันทำให้รูปดาบดูงดงามอย่างยิ่ง
ฟิ้ว!
หลินเซวียนพุ่งออกมาด้านข้างเล็กน้อยพร้อมคุกเข่าลง เวลานี้เขามีเลือดไหลออกที่ไหล่ซ้าย ขณะเดียวกัน ศีรษะของผู้พิทักษ์ไผ่แดงได้กลิ้งคลุกอยู่บนพื้น มันเหลือเพียงแค่ลำตัวที่ยืนนิ่งไร้ชีพจร
ทุกคนตกอยู่ในภวังค์
ชายหนุ่มผู้รับผิดชอบการทดสอบไม่คาดคิดว่าจะจบลงแบบนี้ เขาขมวดคิ้วขณะมองหลินเซวียน
ขณะเดียวกันน้ำเสียงอันงดงามได้ดังขึ้น “หลินเซวียน ทำได้เยี่ยมมาก“
ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียง เขาเห็นถังอวี้กำลังเดินมาพร้อมรอยยิ้ม นอกจากนางแล้วยังมีชายหนุ่มรูปงามอีกคน ดวงตาของเขาจดจ้องอยู่ที่หลินเซวียนเขม็ง
เมื่อเห็นถังอวี้ปรากฏตัว ชายหนุ่มผู้รับผิดชอบการทดสอบจึงต้องยอมรับผลของหลินเซวียน
ทันใดนั้นชายหนุ่มรูปงามได้เดินออกไปถาม “เจ้าได้วิชาดาบนั้นมาจากที่ไหน?”
“…ข้าเก็บได้จากเขาไท่หัง” หลินเซวียนตอบความเท็จออกไป เพราะน้ำเสียงของชายหนุ่มผู้นี้ฟังดูราวกับสอบปากคำนักโทษ มันฟังดูอึดอัดไม่น้อย
“มันเรียกว่าวิชาอะไร?” ชายหนุ่มรูปงามถามต่อ
หลินเซวียนมองกลับพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง “เพลงดาบดาวตก“
“เพลงดาบดาวตก?” ทุกคนในพื้นที่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน พวกเขาจ้องมองหลินเซวียนอย่างสงสัยเพื่อหวังว่าจะมีคำอธิบายสักเล็กน้อย
แต่หลินเซวียนไม่คิดจะเอ่ยคำให้มากกว่านี้ เขากลับไปยืนด้านข้างเพื่อรอการทดสอบเสร็จสิ้น
“หลินเซวียน มาอยู่กับพวกเรา” ถังอวี้เอ่ยขึ้น
มีศิษย์นับไม่ถ้วนในสำนักนภาสวรรค์ที่จัดตั้งกลุ่มของตัวเอง พวกเขามักจะแก่งแย่งกันเพื่อชื่อเสียงและทรัพยากร
“กลุ่มปราณเทวะของพวกเรายินดีต้อนรับสหายน้อยผู้นี้เช่นกัน” ทันใดนั้นชายหนุ่มผู้คุมการทดสอบได้เอ่ยขึ้น
การออกตัวของเขาทำให้ศิษย์น้องหลายคนตกตะลึง แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แม้แต่ศิษย์ที่มากระซิบก่อนหน้ายังตกใจเช่นกัน
หลินเซวียนประกบมือกล่าว “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน ข้าจะขอพิจารณาดูก่อน“
เมื่อเห็นหลินเซวียนกล่าวเช่นนี้ มันจึงไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรอีก พวกเขาทำได้แค่รอจนจบการทดสอบ
ใบหน้าหลินเซวียนนั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ใด แต่เขาก็ยังแอบกังวล เห็นได้ชัดว่าทั้งชายหนุ่มที่คุมการทดสอบ และชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นสนใจวิชาดาบของเขา มิเช่นนั้นคงไม่แสดงท่าทีนอบน้อมแบบนั้น
“ดูเหมือนชีวิตในสำนักชั้นนอกจะไม่ค่อยสงบแล้วสิ” หลินเซวียนถอนหายใจ เขาไม่มีทางมอบวิชาดาบนี้ให้ใครเด็ดขาด
ท้ายที่สุดการทดสอบก็จบลง และมีผู้ผ่านการทดสอบเป็นจำนวนสิบสามคน
“ขอแสดงความยินดีที่ได้อยู่ในสำนักชั้นนอกด้วยกัน ข้าจะพาพวกเจ้าไปรับข้าวของพื้นฐานของศิษย์ชั้นนอก ต่อจากนี้พวกเจ้าจะอาศัยอยู่ในเขตสำนักได้ในอนาคต”
ชายหนุ่มผู้ดูแลการทดสอบพาบรรดาศิษย์ใหม่เดินเข้าไป ทันใดนั้นชายหนุ่มรูปงามได้เอ่ยขึ้น “รอเดี๋ยว!”