ตอนที่ 61 เมล็ดพันธุ์แห่งดาบ
แสงแดดยามรุ่งอรุณ
สามวันผ่านไปหลังจากจบการทดสอบที่สอง ในสามวันนี้ หลินเซวียนได้รักษาบาดแผลและปรับความเสถียรของพลังขั้นเปิดชีพจรระดับหก
ในช่วงนี้ ผู้คนมากมายมาขอเข้าพบเขาเช่นกัน แต่ก็ต้องปฏิเสธไปเพราะเขาต้องการความสงบในการรักษาบาดแผล และยังทราบว่าคนมากมายเหล่านั้นคิดจะมาหาเพื่อผลประโยชน์
ขณะเดียวกัน ดอกบัวสีดำได้ปรากฏขึ้นในตัวของเขาอีก สิ่งนี้ทำให้หลินเซวียนและเซียนสุราตกใจอย่างมาก หลินเซวียนได้ถามถึงต้นกำเนิดของดอกบัวสีดำกับเซียนสุรา ถึงแม้เซียนสุราจะไม่ได้ปิดบัง เขาก็ยังตอบอย่างคลุมเคลือ
หลินเซวียนจึงถามย้ำไปหลายครั้งจนเซียนสุราเผยคำออกมาบ้าง เขาได้ยินอย่างไม่ค่อยชัดว่า การกลับชาติมาเกิด
อย่างไรก็ตาม เซียนสุราจึงคิดจะใช้พลังเข้าล้อมมัน เพื่อให้หลินเซวียนได้ตรวจสอบดูด้วยตนเอง
“ด้วยพลังปัจจุบันของข้า ข้าจะทำได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นเจ้าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้” เซียนสุรากล่าวขึ้น
“ตกลง” หลินเซวียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขาปิดตาลงและเริ่มทำสมาธิ หลินเซวียนมองเข้าไปในร่างกายของตนและตรวจดูทุกจุดในร่างกาย ไม่นาน จี้ดาบในตัวเขาได้สั่นขึ้นก่อนที่จะตามมาด้วยคลื่นดาบขนาดเล็ก
จากนั้นจุดชีพจรที่เจ็ดของหลินเซวียนที่มีวัตถุสีดำเกาะอยู่ มันได้ก่อตัวเป็นดอกบัวสีดำที่ดูงดงามทันที
หลินเซวียนมองมันใกล้ ๆ อย่างถี่ถ้วนขณะที่ดอกบัวสีดำพยายามดูดกลืนคลื่นพลังของจี้ดาบ
จากนั้นภายในพื้นที่ที่ว่างเปล่า ดอกบัวสีดำได้ขยายตัวขึ้นราวกับจะแทงทะลุออกมา
ใบหน้าเซียนสุราเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากขึ้นขณะส่งคลื่นพลังดาบเข้าไปในดอกบัวสีดำ แต่มันก็ไม่มีผลอะไรอีก เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้เขายังอ่อนแอเกินไป หากไม่มีพลังจากจี้ดาบช่วยพยุง เช่นนั้นคงจะล้มลงไปนานแล้ว
ยิ่งกว่าความลึกลับของดอกบัวสีดำยังดูน่าสะพรึงขึ้นทุกขณะ
ตอนนี้มันเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนจะทะลุพื้นที่มิติในตัวหลินเซวียน ทันใดนั้นต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาด้านหลังเซียนสุราได้เปล่งแสงขึ้นพร้อมกวาดไปทางดอกบัวสีดำ
ดอกบัวสีดำเหมือนจะพบบางอย่างที่น่าสะพรึงเข้า มันรีบห่อใบของตนเองเล็กลงทันทีก่อนจะคายจี้ดาบออกมา
หลินเซวียนเห็นว่าดอกบัวสีดำได้กลับไปเป็นวัตถุสีดำเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งมันยังเหมือนจะวิ่งหนีแสงเทวะของต้นไม้เหี่ยวเฉา มันวิ่งหนีไปมาก่อนจะถูกแสงเทวะห่อหุุ้มไว้
เซียนสุราขยับมือเป็นสัญลักษณ์บางอย่างไปมาขณะห่อหุ้มมันและค่อย ๆ ละลายวัตถุสีดำ จากนั้นเขาได้ดูดพลังวิญญาณสายฟ้าสีทองของหลินเซวียนออกมา และผสานมันเข้ากับแสงเทวะนั่น
ท้ายที่สุดแสงลึกลับทั้งหมดก็กลับคืนสู่ปกติ
เซียนสุรากล่าวขึ้น “ข้าได้ฝังเมล็ดพันธุ์ของเจตนารมณ์แห่งดาบไว้ในตัวเจ้า มันจะแข็งแกร่งขึ้นจากการเติบโตของเจ้า ตราบใดที่เจ้าไม่ตาย เช่นนั้นเจ้าจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งทัดเทียมสวรรค์ได้ในวันหนึ่ง“
“เจตนารมณ์แห่งดาบ… เมล็ดพันธุ์!” หลินเซวียนบ่นพึมพำก่อนจะเข้าใจบางอย่างในสิ่งที่เรียกว่าเจตนารมณ์แห่งดาบ มันคือพลังที่อยู่เหนือดาบทั้งปวง แน่นอนว่ามันหายากและแทบไม่มีใครจะบรรลุได้ และดูเหมือนว่าจะมีแค่ในตำนานเท่านั้น
แต่ตอนนี้เซียนสุราได้บอกเขาว่ามีเมล็ดพันธุ์ของเจตนารมณ์แห่งดาบถูกวางอยู่ในตัวเขา
มันเป็นครั้งแรกที่เคยได้ยินว่าเจตนารมณ์แห่งดาบสามารถปลูกฝังไว้ในตัวได้ เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับจี้ดาบลึกลับและเซียนสุรา
“เราเกรงว่าพลังของเราจะต้องเพิ่มขึ้นอีกมากจากการมีเจตนารมณ์แห่งดาบปลูกฝังอยู่ในตัว” ด้วยความตื่นเต้น หลินเซวียนได้ปิดตาลงเพื่อพยายามคุยกับจี้ดาบในร่างกาย
เวลานี้ จี้ดาบลึกลับนั้นเริ่มมีปฏิกิริยา หลินเซวียนรู้สึกว่ามีแสงสีทองอ่อน ๆ อยู่บนจี้ดาบลึกลับ ถึงแม้มันจะเบาบางแต่ก็ยังส่องสว่างอยู่
“นี่คือเมล็ดของเจตนารมณ์แห่งดาบงั้นหรือ?” หลินเซวียนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง เขาพบว่าแสงสีทองบนนั้นเหมือนกับพลังวิญญาณสายฟ้าของตน
“เจตนารมณ์แห่งดาบนี้ถูกหลอมรวมกับสายฟ้าในตัวของเจ้า เจ้าสามารถเรียกมันว่าเจตนารมณ์แห่งดาบสายฟ้าก็ได้” เสียงของเซียนสุราแผ่วเบาลง “ข้าช่วยเจ้าได้เท่านี้ ในอนาคต เจ้าต้องหาเมล็ดพันธุ์ของเจตนารมณ์แห่งดาบด้วยตัวเอง“
“ข้าสามารถปลูกมันได้ด้วยหรือ?” หลินเซวียนสงสัย
“ใช่ เจ้าจะทราบเองในภายหลัง” เซียนสุรายิ้มอย่างลึกลับ
“เอาล่ะ ข้าจะไปนอนแล้ว จากนี้ก็ระวังตัวให้ดี” เสียงของเซียนสุราอ่อนแรงอย่างมากหลังจากใช้พลังไปหมด
“จงจำไว้ จงช่วยข้าหารากไม้วิญญาณ มิเช่นนั้นข้าจะไม่ตื่นอีก” เซียนสุราเอ่ยเตือน
“ไม่ต้องห่วงท่านลุง ข้าจะช่วยท่านหาเอง!” หลินเซวียนให้คำมั่น
หลังจากเซียนสุราหลับไป หลินเซวียนได้เริ่มศึกษาเมล็ดพันธุ์ของเจตนารมณ์แห่งดาบ เขาพบว่าตั้งแต่ถูกปลูกฝังเมล็ดของเจตนารมณ์แห่งดาบ เขาก็เริ่มเข้าใจในเรื่องสายฟ้ามากขึ้น
เวลานี้เขาไม่ต้องออกแรงหรือบังคับพลังสายฟ้าให้ออกมาอีก เพียงแค่นึกคิดมันก็กลายเป็นพลังงานสายฟ้าตามที่ต้องการแล้ว
“เราไม่ทราบว่าวิชาดาบอัสนีจะเป็นยังไงตอนนี้?” หลินเซวียนอดใจไม่ไหวที่จะลอง เขาถึงกับประหลาดใจเมื่อพบว่าวิชาดาบอัสนีระดับที่สามนั้นถูกใช้ได้อย่างง่ายดาย
“เจตนารมณ์แห่งดาบช่างมหัศจรรย์นัก!” หลินเซวียนรู้สึกว่าวิชาดาบอัสนีของตนไม่ค่อยยากอีกต่อไป ถึงแม้จะใช้ระดับสาม เขาก็สามารถแสดงพลังของมันได้อย่างง่ายดาย
เวลานี้ เขาได้บรรลุวิชาดาบอัสนีอย่างแท้จริงแล้ว
ความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้หลินเซวียนมีความสุขอย่างมาก เขาตัดสินใจบ่มเพาะพลังเมล็ดพันธุ์ของเจตนารมณ์แห่งดาบด้วยกำลังทั้งหมดทันที เขานั่งขัดสมาธิพร้อมโคจรพลังวิญญาณในร่างกายไปยังเมล็ดพันธุ์ดังกล่าว เมล็ดพันธุ์สีทองเริ่มเปล่งแสงขึ้นมาราวกับมีชีวิตขณะดูดซับพลังวิญญาณสายฟ้า
ขณะเดียวกัน เขาก็ได้มีสัมผัสบางอย่างแวบขึ้นมา บนสวรรค์ทั้งเก้า มันมีทะเลสายฟ้าอยู่และไหลวนอยู่บนนั้นตลอดเวลา สายฟ้าทุกเส้นนั้นหนากว่าตัวมนุษย์และยังมีพลังอันน่าสะพรึง
หลินเซวียนรู้สึกราวกับตนเองอยู่ภายในสายฟ้าเหล่านั้น แต่สัมผัสนี้เขาก็รู้สึกมันเพียงไม่กี่ช่วงลมหายใจเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลินเซวียนเชื่อว่าหากเมล็ดพันธุ์ของตนเติบโตอีกในอนาคต เขาจะต้องสัมผัสถึงสายฟ้าเหล่านั้นได้อีกครั้ง
หากสู้กับหลิวหยุนตอนนี้ เขามั่นใจว่าจะสามารถล้มหลิวหยุนได้ในสามกระบวนท่า
“มันจะเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา!” หลินเซวียนแทบไม่อาจรอการทดสอบที่สามได้อีก