ตอนที่ 67 แผนการ
หมาป่าจ่าฝูงตัวเท่ากับกระทิงถูกฟันออกเป็นสองซีกและล้มลงบนพื้นจากดาบของหลินเซวียน
ด้านในซากปรักหักพัง หลินเซวียนค่อย ๆ ปิดตาลงพร้อมสูดหายใจลึก เขาพยายามนึกถึงการโจมตีเมื่อครู่
ด้านนอกถ้ำ หลังจากจ่าฝูงตาย หมาป่าขนเพลิงตัวอื่นต่างพากันตื่นตระหนกจนต้องถอยหนี
พื้นที่แห่งหนึ่งห่างออกไปจากสนามรบที่สาม มันมีเด็กผู้ชายผมแดงกำลังขี่หมาป่าขนเพลิงอยู่ หมาป่าตัวนี้มีขนาดเท่าหมาป่าตัวปกติ แต่ลมหายใจของมันแข็งแกร่งกว่าหมาป่าตัวอื่น อีกทั้งยังเต็มไปด้วยวิญญาณชั่วร้าย
นี่คืออสุรกาย!
แต่ที่น่าตกใจกว่าคือเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่บนหลังมัน
หากสังเกตให้ดี จะพบว่ามีความแตกต่างระหว่างเด็กผมแดงกับมนุษย์ธรรมดา อย่างแรก ดวงตาของเขาเป็นสีเขียวเช่นเดียวกับหมาป่าขนเพลิง
ด้านหลังของเขาจะมีหางสีแดงยาวราวกับเปลวไฟกวัดแกว่งไปมา
ด้านข้างเด็กชายผู้นั้นยังมีชายหนุ่มอยู่อีกคนหนึ่ง ทั้งตัวของเขาปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำ แม้จะไม่อาจเห็นตัวตนชัดเจน แต่เสียงของเขาก็ฟังดูหนุ่มแน่นอยู่
“สำนักซวนเทียนคือหนึ่งในสามสำนักของหยุนโจว หากสามารถจับศิษย์พวกมันได้ สำนักซวนเทียนจะต้องเสียหายหนักแน่นอน” ชายหนุ่มชุดดำกล่าว
“ไม่ต้องห่วง ในฝูงหมาป่าที่ข้าเรียกมาครั้งนี้ มีสัตว์อสูรระดับสามอยู่สี่ตัว และหมาป่าขนเพลิงธรรมดาอีกนับไม่ถ้วน มันเพียงพอที่จะจัดการศิษย์ของพวกมัน!” เด็กชายผมแดงกล่าว
“หากทำสำเร็จ ท่านพ่อจะต้องมีความสุขแน่นอน เหยาหมิง ขอบคุณมากครั้งนี้!” เสียงของเด็กผู้ชายผมแดงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ชายหนุ่มชุดดำที่ถูกเรียกว่าเหยาหมิงเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “เป็นเกียรติของเหยาหมิงที่ได้รับใช้องค์ชายชือเยว่!”
เด็กผู้ชายนามว่าชือเยว่จับขนของหมาป่าขนเพลิงที่นั่งอยู่ก่อนจะหันไปด้านข้างอย่างภาคภูมิใจ
ทันใดนั้นใบหน้าของเขาได้ซีดลงโดยฉับพลัน
“เกิดอะไรขึ้น?” เหยาหมิงด้านข้างเอ่ยถาม
“หมาป่าขนเพลิงระดับสามตายแล้ว” เสียงของเขาฟังดูไม่น่าเชื่อ “บัดซบ! พวกมันสามารถฆ่าหมาป่าระดับสามได้ เป็นไปได้ยังไง!”
“ไม่มีทาง มันยังมีหมาป่าขนเพลิงอีกหลายร้อยรอบหมาป่าระดับสาม พวกผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นเปิดชีพจรระดับหกไม่สามารถต้านกองกำลังนี้ได้แน่ ไม่ว่าพวกมันจะมีกี่คนก็ตาม“
“เว้นแต่จะมียอดฝีมือขั้นเปิดชีพจรระดับแปดอยู่ มันอาจก็เป็นไปได้“
“มีศิษย์ชั้นในของสำนักซวนเทียนที่นี่งั้นหรือ?” ชายหนุ่มผ้าคลุมสีดำสงสัย
“เฮอะ! กล้าดียังไงมาสังหารหมาป่าของข้า!” ชือเยว่กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เหยาหมิง ตามข้าไปดู!”
“ไม่ขอรับ!” เหยาหมิงขวางทางชือเยว่ไว้ “หากพวกเราส่งหมาป่าไปมากเกิน เช่นนั้นอาจจะดึงดูดความสนใจพวกสำนักซวนเทียนได้ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาจะส่งศิษย์ชั้นในมา“
ชือเยว่ฉุกคิดได้ว่าตนเองวู่วามเกินไป เขากัดฟันแน่นพร้อมกล่าว “จู่โจมอีกรอบหนึ่ง จากนั้นค่อยถอย“
ทันใดนั้นเขาได้ลูบหัวหมาป่าขนเพลิงที่ขี่อยู่
หมาป่าตัวนั้นกระโดดขึ้นบนฟ้าก่อนจะคำรามออกมา
ทันทีที่หมาป่าขนเพลิงในสนามรบได้ยินเสียงคำราม พวกมันได้แยกเขี้ยวพร้อมจู่โจมอย่างหนักอีกครั้ง ศิษย์หลายคนบาดเจ็บหนักจากหมาป่าขนเพลิง บางคนถึงขั้นเสียชีวิต
แต่ก็มีศิษย์บางคนที่ทำเหมือนหลินเซวียน พวกเขาเข้าไปหลบซ่อนในซากปรักหักพังเพื่อรอคนมาช่วย
ในฐานที่มั่นใกล้สนามรบชายหนุ่มหลายคนในชุดคลุมสีม่วงรีบวิ่งกันเข้ามา
“ผู้อาวุโสกู่ ไม่ค่อยดีแล้ว มีหมาป่าขนเพลิงเยอะเกินไปในสนามรบ อีกทั้งยังมีหมาป่าระดับสามอยู่ด้วย ข้าเกรงกว่าอาจจะเป็นการโจมตีที่ถูกวางแผนไว้ล่วงหน้า“
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ผู้อาวุโสกู่ได้ยืนขึ้นพร้อมกล่าว “การโจมตีของหมาป่าขนเพลิง! ส่งคนไปช่วยศิษย์ของเรา“
เขาทราบดีถึงความน่ากลัวของหมาป่าขนเพลิง อีกทั้งศิษย์เหล่านี้ยังไม่เคยสัมผัสกับประสบการณ์การรบมาก่อน ดังนั้นคงไม่สามารถต่อต้านพวกมันได้แน่
ผู้อาวุโสกู่เรียกคนจากเรือเหาะทั้งสองลำ จากนั้นชายหนุ่มชุดม่วงหลายคนได้พุ่งออกไปยังสนามรบทั้งสี่
ภายในซากปรักหักพังของสนามรบที่สาม
แสงของหยินฉิงอี้ค่อย ๆ ลดลง จากนั้นพลังวิญญาณอันแข็งกล้าของขั้นเปิดชีพจระดับที่หกก็ออกมา ขนตาของนางสั่นเล็กน้อยก่อนจะลืมขึ้น
ตรงหน้าของหน้ามีแผ่นหลังที่ยืนตระหง่านราวกับภูผาอยู่
“หลิน… ศิษย์พี่หลิน!” หยินฉิงอี้กล่าวอย่างแผ่วเบา
พุฟ! หลินเซวียนสังหารหมาป่าขนเพลิงด้วยดาบอีกตัวก่อนจะหันไปมอง “ตื่นแล้วหรือ? ขอแสดงความยินดีที่บรรลุขั้นพลังแล้ว!”
หยินฉิงอี้มองศพตรงหน้าทางเข้าที่เป็นกองพะเนิน นางกล่าวในใจ ‘ศิษย์พี่หลินช่วยเราบรรลุขั้นพลัง อีกทั้งยังต่อสู้กับหมาป่าขนเพลิงเพียงคนเดียว!’
นางค่อย ๆ เดินไปด้านหลังหลินเซวียนก่อนจะชักดาบออกมา
“ไปเถอะ รีบออกไปกัน!” หลินเซวียนกล่าว
หากศิษย์คนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ด้วยพวกเขาคงตกตะลึงไปแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่เลือกจะซ่อนตัวจากหมาป่าเหล่านี้ แต่หลินเซวียนกลับอยากจะสังหารพวกมัน นี่เป็นการกระทำที่ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย!
แต่หยินฉิงอี้กลับพยักหน้า มือเรียวเล็กของนางค่อย ๆ ยกขึ้นเพื่อสร้างเขตอาคมขณะออกมาจากซากปรักหักพัง
เขตอาคมดาบสีเงิน!
หลังจากบรรลุขั้นเปิดชีพจรระดับหก แสงสีเงินของหยินฉิงอี้ก็เปล่งประกายเข้มกว่าเดิม กล่าวได้ว่าพลังโจมตีของนางได้เพิ่มขึ้นอีกมาก
แสงสีเงินร่ายรำไปมา มันสังหารหมาป่าขนเพลิงทั้งหมดที่อยู่ในเขตอาคม
หลินเซวียนและหยินฉิงอี้รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฉิงอี้ ใช้อาคมป้องกันและอาคมโจมตี ข้าจะล่อพวกมันที่เหลือมาเอง!” หลินเซวียนกล่าว
“ตกลง!” หยินฉิงอี้ขยับมือเล็กน้อย จากนั้นค่ายกลดาบแสงจันทร์ได้ปรากฏขึ้นด้านหลัง
อาคมดาบแสงจันทร์!
หยินฉิงอี้ยืนอยู่นอกซากปรักหักพังพร้อมกระตุ้นอาคมดาบสีเงินไปด้วย
ก้าวอัสนี!
หลินเซวียนกลายเป็นสายฟ้าสีทองขณะพุ่งผ่านร่างของหมาป่าขนเพลิง
เขาไม่ได้ฆ่ามันตรง ๆ เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าฝูงใหญ่ วิชาดาบอัสนีของหลินเซวียนนั้นรวดเร็วก็จริง แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรเช่นกัน
เขาวิ่งวนไปมาเพื่อล่อหมาป่าขนเพลิงไปในเขตอาคม กล่าวได้ว่าการโจมตีของอาคมดาบสีเงินนั้นได้ผลอย่างดีสำหรับสถานการณ์แบบนี้
หมาป่าทั้งหมดที่เข้าไปในเขตอาคมจะถูกแทงด้วยแสงสีเงินทันที เวลานี้แสงสีเงินราวกับเครื่องแล่เนื้อ มันเฉือนแทงอย่างบ้าคลั่งไปที่ฝูงหมาป่า
เพียงไม่นาน ศพของหมาป่าขนเพลิงได้กองเป็นภูเขาภายในเขตอาคม
เมื่อเห็นเช่นนั้นหลินเซวียนได้พุ่งไปอยู่หน้ากองศพของฝูงหมาป่า เขาได้กระแทกหมัดออกไปจนร่างของพวกมันกระจายลงบนพื้น
จากนั้นได้เข้าฟาดฟันกับหมาป่าขนเพลิงที่เหลือ
ในสนามรบอีกสามแห่ง หลิวหยุนและสี่ยอดคนได้รวบรวมศิษย์รอบด้านในการสู้กับหมาป่าขนเพลิง แต่จำนวนที่พวกเขาสังหารนั้นน้อยกว่าหนึ่งในสิบของหลินเซวียน อีกทั้งยังได้เผชิญหน้ากับหมาป่าจ่าฝูง
แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้แย่ไปนานเท่าไร่ เพียงไม่นาน กำลังเสริมของสำนักซวนเทียนก็มาถึง
แต่ละสนามรบได้รับการช่วยเหลือทันที สำนักซวนเทียนได้ส่งศิษย์ชั้นในไปสามสิบคน ทันทีที่มาถึง พวกเขาก็เริ่มจู่โจมอย่างรวดเร็วดั่งคมมีดที่โบยบิน
ศิษย์หลายคนที่ได้รับการช่วยเหลือก็เข้าร่วมต่อสู้ด้วย เพียงไม่นาน นอกจากศิษย์ที่ตายไป ศิษย์เกือบทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือแล้ว
“หลินเซวียนเองก็อยู่ในสนามรบ แต่ยังหาเขาไม่เจอ!” ศิษย์คนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“หลินเซวียนผู้ที่ได้อันดับหนึ่งของการประลองยุทธ์ เขาคงไม่…”
“เขาไม่ตายหรอก ข้าคิดว่าเขาคงซ่อนตัวอยู่ ข้าจะไปหาทางนั้น!” ชายหนุ่มในชุดสีม่วงเริ่มออกค้นหาหลินเซวียนอีกครั้ง