ตอนที่ 79 ไล่ล่า
หลินเซวียนและเย่ฉิงเช่าอินทรีวิญญาณมาเพื่อจะบินกลับไปยังสำนัก ด้วยความเร็วของอินทรีตัวนี้ พวกเขาสามารถถึงสำนักได้ภายในครึ่งวัน
เมื่อกลับไปถึง หลินเซวียนวางแผนไว้ว่าจะบรรลุขั้นพลังก่อนด้วยโอสถทิพย์ จากนั้นค่อยทำความเข้าใจในเจตนารมณ์แห่งดาบ
ระหว่างทาง เขานั่งอยู่บนหลังอินทรีพร้อมด้วยโคจรพลังไปยังเมล็ดพันธุ์ภายในตัว
เมล็ดพันธุ์นี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มพลังของวิชาดาบ มันยังเพิ่มพูนพลังสายฟ้าให้เขาด้วย หากใช้มันพร้อมกับสายฟ้า เช่นนั้นพลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกสามส่วน
ขณะที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับพลังภายในตัวเอง จุดสีดำด้านหลังก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ อีกทั้งยังแผ่จิตสังหารอันแรงกล้า
เมล็ดพันธุ์แห่งดาบสัมผัสได้ถึงจิตสังหารนั่นจนมันสั่นไหวอย่างแรง มันทำให้ หลินเซวียนลืมตาขึ้นก่อนจะหันไปข้างหลังทันที
“มีอะไรงั้นหรือ?” เย่ฉิงเอ่ยถาม
“ศิษย์พี่เย่กลับไปก่อน ข้ายังมีธุระที่ต้องทำในเมืองอวิ๋นหลาน” หลินเซวียนคิดไว้ว่าไม่ต้องการให้เย่ฉิงต้องมาพัวพันกับอันตราย
ทันใดนั้นเขาควบคุมอินทรีโดยตราวิญญาณในมือ มันพุ่งกลับไปทางเมืองอวิ๋นหลานทันที และส่งเย่ฉิงในพื้นที่ที่ห่างออกไป
เย่ฉิงตะโกนอยู่หลายคำ แต่เมื่อเห็นหลินเซวียนไม่ตอบกลับนางก็ถอดใจ
หลังจากหันกลับมา หลินเซวียนไม่ได้กลับไปยังเมืองโดยตรง กลับกันเขาได้ร่อนไปทางป่าใกล้เคียง เขามั่นใจว่าขั้นพลังของผู้ที่ตามมาจะต้องสูงกว่าแน่นอน มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องวางหนี
“หลิงเจ๋อแห่งตระกูลหลิง!” หลินเซวียนกัดฟันแน่นก่อนจะพูด “วันใดที่ข้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอ ข้าจะกลับมาทวงความเป็นธรรมในวันนี้แน่นอน!”
ชายชุดดำพบว่าหลินเซวียนได้เปลี่ยนเส้นทางอย่างกะทันหัน เขารีบบินตามไปทันทีโดยไม่กลัวว่าจะมีกับดักหรือไม่
ที่นี่ไม่ใช่มิติวิญญาณ ในโลกความเป็นจริง พลังที่แท้จริงนั้นย่อมสามารถทำลายแผนการทุกอย่างได้
“ไป!” เขาควบคุมนกของตนบินโฉบลงไปทางหลินเซวียน ขนทั้งตัวของนกตัวนี้เป็นสีดำ แต่กรงเล็บของมันเป็นสีขาว ถึงแม้ตัวมันจะไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ความเร็วนับว่ายอดเยี่ยม มันเร็วกว่าอินทรีของหลินเซวียนถึงสามเท่าตัว
“ฮึ! ต่อหน้าวิหคทมิฬตัวนี้ เจ้าไม่มีทางหนีรอดหรอก!” ชายชุดดำกล่าวเย้ยหยัน
เพียงไม่นานเขาก็ไล่ตามหลินเซวียนได้ทัน
หลินเซวียนอยู่ห่างจากชายชุดดำประมาณสิบจั้ง เขาทราบดีว่าจะแสดงท่าทีวิตกไม่ได้ และต้องสงบให้มากที่สุด มีเพียงความสงบเท่านั้นที่จะทำให้มีโอกาสหนีรอด
“สู้กลางเวหาเราย่อมเสียเปรียบ ต้องรีบลงพื้นก่อน” หลินเซวียนควบคุมอินทรีให้ร่อนลงไปในป่าด้านล่าง
ฟูม!
เมื่อลงมาถึง หลินเซวียนได้กระโดดลงสู่พื้นดินทันที
ด้านหลัง ชายชุดดำได้กระโดดตามลงมาเช่นกัน เขากุมมือไว้ที่หน้าอกพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ขั้นเปิดชีพจรระดับแปด!” เมื่อหลินเซวียนเห็นขั้นพลังของชายชุดดำ ม่านตาของเขาถึงกับจมลง เขาทราบว่าชายคนนี้คือคนที่โจมตีด้วยฝ่ามือเพลิงตอนนั้น
“ตระกูลหลิงช่างไร้ยางอายจริง ๆ หากพวกเขาแพ้พนัน พวกเขาก็จะมาไล่เก็บทีหลังสินะ!” หลินเซวียนเย้ยเยาะ
“ไอ้หนู ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก หากอยากจะโทษ ก็โทษที่เจ้าไปยั่วยุผิดคน!” ชายชุดดำแสยะยิ้มขณะที่เปลวไฟได้ลุกไหม้ขึ้นตรงฝ่ามือ
“จะทำอะไร?” ดวงตาหลินเซวียนจ้องไปยังชายชุดดำขณะนึกคิดในใจ
‘ด้วยการที่เราอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับหก เขาไม่น่าจะใช้พลังทั้งหมดที่มีในครั้งแรก หากเราใช้ความประมาทนี้ให้เป็นประโยชน์ บางทีเราอาจจะมีโอกาสพลิกกลับมาชนะ!’ หลินเซวียนคาดหวังในใจ ‘ไพ่ตายของเราตอนนี้คือโอสถทิพย์และเมล็ดพันธุ์แห่งดาบ’
‘โอสถทิพย์สามารถใช้เพื่อบรรลุขั้นพลังทันทีขณะที่เมล็ดพันธุ์แห่งดาบสามารถเสริมการโจมตี’
‘แต่โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หากเราพลาดจะไม่มีหนที่สองอีก’ หลินเซวียนสูดหายใจลึกขณะคิดเกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบ
เวลานี้ชายชุดดำได้พุ่งเข้ามาแล้ว
เขาเหวี่ยงฝ่ามือขวาขึ้นกลางอากาศ และตบลงไปยังหลินเซวียน ฝ่ามือนั้นเต็มไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรง
“เร็วมาก!” หลินเซวียนตื่นกลัวโดยพลัน ขณะเดียวกันเขาได้โคจรพลังวิญญาณเพื่อหลบไปอีกด้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เพราะต้องการให้ชายชุดดำคิดว่าอ่อนแอ
ตู้ม!
เขาหลบฝ่ามืออย่างยากลำบาก ต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังถูกทำลายทั้งหมด กิ่งก้านของมันไหม้เกรียมและกลายเป็นขี้เถ้า
“ฝ่ามือน่าสะพรึงนัก!” หลินเซวียนรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างแท้จริง หากชายชุดดำลงมืออย่างจริงจัง เกรงว่าเขาคงไม่มีโอกาสแน่นอน!
“ถึงแม้เจ้าจะชนะในสังเวียน เจ้าก็ต้องตายด้วยมือของข้า!” ชายชุดดำเผยท่าทีเยาะเย้ยขณะยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง “กระจอกอย่างเจ้า ข้าใช้แค่มือเดียวก็พอ!”
ฝ่ามือของชายชุดดำแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ทุกที่ที่มันผ่านจะเกิดเสียงตัดอากาศแตกออกจากกัน
“จังหวะนี้แหละ!” ครั้งนี้หลินเซวียนเห็นชายชุดดำไม่ใช้พลังวิญญาณ และโจมตีเข้ามาด้วยมือข้างเดียว เขาทราบทันทีว่าโอกาสมาถึงแล้ว
เขาขยับแหวนเก็บของด้วยความเร็วสุดชีวิต โอสถทิพย์ได้ถูกกลืนเข้าไปในปากของเขาทันที จากนั้นดาบเพลิงโลหิตได้ปรากฏขึ้นในมือ
พลังวิญญาณทั่วทั้งร่างของเขาวิ่งพล่านอย่างรุนแรง เขาพยายามกระตุ้นเมล็ดพันธุ์แห่งดาบในตัวและเปิดการโจมตีด้วยอัสนีพิโรธ
ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ขณะที่ชายชุดดำกำลังภาคภูมิใจในการโจมตีด้วยมือข้างเดียวอยู่ ชะตากรรมของเขาก็กลายเป็นหายนะ
เมื่อเห็นหลินเซวียนลุกพรวดขึ้น ดาบสายฟ้าสีทองได้กระจายแสงวาบราวกับฟ้าผ่า มันตัดเข้าที่แขนของชายชุดดำอย่างรวดเร็ว
ยิ่งกว่านั้นภายในสายฟ้ายังแฝงไปด้วยแรงกดดันบางอย่างที่อันตราย แม้มันจะเบาบางแต่ก็สามารถทำให้สัตว์ร้ายหนีกระเจิงได้
“อ๊าก!!!”
ชายชุดดำร้องอย่างเจ็บปวดขณะยกแขนที่ขาดขึ้น ขณะโจมตีหลินเซวียนรู้สึกว่าพลังวิญญาณและร่างกายผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ตอนนี้เขาโจมตีสำเร็จและกำลังจะหนีออกมา
“ไอ้เด็กบ้า! ข้า! จะ! ฆ่า! แก!” ใบหน้าชายชุดดำบิดเบี้ยว เขาไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มที่ตนเองเห็นเป็นเพียงมดปลวกจะตัดแขนเขาได้
“ข้าจะ… ฉีกแกเป็นชิ้น ๆ ! ข้าจะทำให้แกเสียใจที่ได้เกิดมาในโลกนี้!” ทั้งร่างของชายชุดดำเต็มไปด้วยแสงสีแดงเพลิง มันราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุออกมา
“ฝ่ามือเพลิงมาร!” ชายชุดดำขยับมือข้างซ้ายและวิ่งไปทางหลินเซวียน ในขณะเดียวกัน ร่างของชายชุดดำก็กระโดดขึ้นสูงพร้อมทิ้งเปลวไฟสีแดงไว้ด้านหลัง
ก้าวอัสนี!
หลินเซวียนหลบอย่างรวดเร็วและไม่กล้าประมาท
เพราะตอนนี้ เขาเพิ่งระเบิดพลังสู่ขั้นเปิดชีพจรระดับเจ็ด ดังนั้นจึงต้องการเวลาเพื่อโคจรพลังให้เสถียรก่อน และอีกอย่าง การโจมตีของผู้อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับแปดที่บ้าคลั่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถสู้ได้…
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ฝ่ามือแดงเพลิงโจมตีโดนพื้นจนเป็นหลุมลึก ต้นไม้ใบหญ้ารอบด้านถึงกับลุกไหม้ หลินเซวียนรู้สึกราวกับว่าโดนสะเก็ดภูเขาไฟระเบิดใส่ เลือดลมของเขาร้อนรุ่มจนเหงื่อแตก
“ตาย!”
หลินเซวียนยังหนีไม่พ้นอันตราย ชายชุดดำได้กระโจนตามมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือซ้ายของเขาน่ากลัวอย่างมาก มันดูไม่ต่างจากเหล็กกล้าที่อยู่ในเตาหลอม!