ตอนที่ 8 ซ่อมดาบ
งานที่หลินเซวียนเลือกไม่ใช่งานวิเศษวิโสนัก ภารกิจนี้คืองานซ่อมแซมดาบที่เขาคุ้นเคย มันเป็นภารกิจระดับสี่ ‘การซ่อมแซมดาบ’ แต้มสะสมที่ได้รับจากงานนี้สูงสุดคือสามสิบแต้มพร้อมเศษหินวิญญาณอีกยี่สิบก้อน
ภารกิจระดับสี่นั้นค่อนข้างยาก อีกทั้งงานนี้ต้องซ่อมแซมดาบยาวถึงสามเล่มก่อนจะได้แต้มสะสม ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครหยิบภารกิจนี้มานาน เพราะมันดูไม่ค่อยคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้
ขณะที่หลินเซวียนกำลังลงทะเบียน ผู้ดูแลการลงทะเบียนก็มองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจพร้อมเอ่ยเตือนว่า “เจ้าก็น่าจะเห็นได้ชัด มันต้องซ่อมดาบผุพังถึงสามเล่มก่อนถึงจะได้แต้มสะสม มิเช่นนั้นมันก็ไร้ความหมาย“
“อีกทั้งหากซ่อมพัง เจ้ายังต้องเสียค่าชดเชยให้อีก” ศิษย์ผู้ดูแลไม่เชื่อว่าหลินเซวียนจะซ่อมแซมดาบได้ ภารกิจนี้แขวนอยู่มานานและไม่มีใครคิดจะหยิบมัน เพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายถึงความยากของมันแล้ว
หลินเซวียนพยักหน้าพร้อมแสดงท่าทีว่าเข้าใจดี
จากนั้นศิษย์ผู้ดูแลได้หยิบดาบสามเล่มที่ผุพังออกมาส่งให้หลินเซวียน
“เจ้าจะรับมันกลับ หรือทำที่นี่ก็ได้” ศิษย์ผู้ดูแลกล่าว
หลินเซวียนมองมันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะ เอ่ยถาม “ศิษย์พี่ ข้าสงสัยว่ามีงานที่คล้ายกับการซ่อมแซมอาวุธแบบนี้อีกหรือไม่“
“เจ้าไปซ่อมพวกมันก่อน!” ผู้ดูแลตอบอย่างไม่สนใจ
หลินเซวียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาแบกดาบทั้งสามเล่มกลับออกมา การซ่อมแซมอาวุธนั้นเป็นทักษะที่ต้องใช้วิชาลับบางอย่าง ในฐานะคนของคฤหาสน์จอมดาบ เขาได้ร่ำเรียนวิธีซ่อมแซมอาวุธมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ แต่มันก็สามารถจัดการปัญหาพื้นฐานได้
คฤหาสน์จอมดาบนั้นโด่งดังในจักรวรรดิต้าเซี่ย ไม่ใช่แค่เรื่องความแข็งแกร่ง แต่ยังรวมถึงเรื่องการซ่อมแซมอาวุธ
ในทวีปผู้บ่มเพาะพลังวิญญาณ นอกจากผู้บ่มเพาะพลังแล้ว ยังมีอีกอาชีพพิเศษ เรียกว่าช่างตีเหล็ก พวกเขาสามารถซ่อมแซมอาวุธได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังเพิ่มพลังของอาวุธได้อีกด้วย
คฤหาสน์จอมดาบนั้นมีความสามารด้านการใช้ดาบอย่างยอดเยี่ยม ดังนั้นในจักรวรรดิต้าเซี่ยจึงตั้งให้ที่นั่นเป็นสถานที่สำหรับใช้ดูแลดาบ เพราะภายในคฤหาสน์จอมดาบนั้น มันจะมีบ่อขนาดใหญ่ที่มีดาบจำนวนเกือบแสนเล่มเข้าออกภายในนั้น และหลินเซวียนเองก็เติบโตขึ้นภายในบ่อเก็บดาบเช่นกัน
หลินเซวียนได้กลับไปยังที่พักแหล่งใหม่ นี่คือสถานที่อยู่อาศัยสำหรับศิษย์ชั้นนอก กระท่อมของที่นี่ถูกตกแต่งอย่างดี มันดูดีกว่าที่อยู่ก่อนหน้านี้หลายเท่า
เขาวางดาบทั้งสามเล่มไว้บนโต๊ะพร้อมกลืนน้ำลาย เมื่อตรวจดูคร่าว ๆ แล้ว เขาเริ่มหยิบดาบเล่มสีแดงเข้มขึ้นมา
หลินเซวียนปาดปลายนิ้วตนเอง เขาได้เขียนอักขระบางอย่างลงบนตัวดาบด้วยเลือ จากนั้นเส้นไหมเปล่งแสงได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันเข้าห่อหุ้มตัวดาบราวกับแสงหิ่งห้อยนับพัน
ถึงแม้มันจะเป็นอักขระไม่ใหญ่โตมากนัก แต่มันก็มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ทุก ๆ หนึ่งนิ้วในตัวดาบ หลินเซวียนจะเขียนอักขระลงไปสามครั้ง มันทำให้รอยแตกร้าวระหว่างดาบเล่มแดงหายไป
หลินเซวียนรีบซ่อมดาบยาวทั้งสองต่ออย่างรวดเร็ว และไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย
ขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็เริ่มซีดเซียว เพราะการซ่อมแซมดาบเหล่านี้มันใช้ต้องใช้พลังวิญญาณพื้นฐานค่อนข้างมาก
เมื่อเสร็จสิ้น เขานั่งคุกเข่าลงก่อนจะเริ่มโคจรวิชาลับคงกระพัน ร่องรอยของพลังวิญญาณไหลเวียนอย่างต่อเนื่องในร่างกาย ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลินเซวียนได้ลืมตาขึ้นและกลับมายังสภาพปกติ
“แต้มสะสมสามสิบแต้มอยู่ในมือเราแล้ว” หลินเซวียนเผยรอยยิ้มก่อนจะแบกดาบทั้งสามเล่มกลับไปยังหอภารกิจ
“อะไรกัน? เจ้าทำเสร็จแล้ว? อีกทั้งยังเร็วมากด้วย!” ผู้ดูแลภารกิจได้มองเขาอย่างตกตะลึง
หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ผู้ดูแลไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ
“บ้าน่า ชายคนนี้ซ่อมมันได้ยังไง?” ศิษย์คนอื่นต่างพากันตกตะลึงเมื่อเห็น
“ศิษย์พี่ ท่านมีภารกิจแบบนี้อีกหรือไม่?”
“แน่นอน!” ผู้ดูแลภารกิจครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ภารกิจนี้อยู่สูงกว่าระดับสี่ มันเป็นสิ่งที่ศิษย์ชั้นนอกไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ แต่มันก็อยู่มาอย่างยาวนาน ซึ่งลองดูก็คงไม่เป็นอะไร”
“ได้แต้มเท่าไหร่งั้นหรือ?” หลินเซวียนนึกถึงแค่เรื่องแต้มสะสมเท่านั้น
“หนึ่งร้อยพร้อมหินวิญญาณระดับต่ำอีกห้าสิบก้อน” ศิษย์ผู้ดูแลการลงทะเบียนกล่าว
“หนึ่งร้อย!” หลินเซวียนตะโกนออกมา มันทำให้ศิษย์คนอื่นหันมามองด้วยความสงสัย เขารีบเอ่ยเสียงต่ำ “พี่ชาย ท่านมั่นใจนะ?”
ผู้ดูแลภารกิจดูขบขันเมื่อเห็นหลินเซวียนตกใจ
“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าคิดว่าคงไม่มีใครจะรับงานนี้ได้นอกจากเจ้าแล้วล่ะ แต่ข้าอยากจะเตือนไว้อย่างว่าดาบเล่มนี้มีราคาแพงมาก หากไม่มั่นใจ ข้าก็จะยังไม่ให้เจ้า”
เพื่อแต้มสะสมหนึ่งร้อยแต้ม หลินเซวียนกล่าวโดยไม่ลังเล “ข้าจะรับงานนี้!”
ผู้ดูแลลงมือเขียนข้อมูลทันทีก่อนจะนำกล่องสี่เหลี่ยมออกมาอย่างระมัดระวัง
“นี่คือสมบัติขั้นมนุษย์ระดับต่ำ” ผู้ดูแลภารกิจเปิดกล่องพร้อมกล่าว
เมื่อเห็นดาบยาวในนั้น หลินเซวียนจึงทำการสูดหายใจ ครึ่งหนึ่งของดาบยาวเล่มนี้ถูกปกคลุมไปด้วยสนิมและของเหลวบางอย่าง
หลิวเซวียนนำดาบกลับไปศึกษาอย่างระมัดระวัง เขาพบว่าความเสียหายของดาบเล่มนี้หนักกว่าที่คิด
“ดูเหมือนมันจะต้องใช้วัสดุบางอย่างในการซ่อมแซม” หลินเซวียนลูบคาง
“มีหญ้าชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงซึ่งน่าจะขจัดคราบสีน้ำตาลนี้ออกไปได้” ทันทีที่หลินเซวียนนึกคิดขึ้นได้ เขาจึงตัดสินใจจะไปยังเขาไท่หังในวันพรุ่งนี้
ขณะที่มีเวลาว่าง หลินเซวียนได้เริ่มบ่มเพาะพลังต่ออีกครั้ง เขาไม่สามารถทะลวงจุดชีพจรได้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงทำให้ศึกษาตำราจากตระกูลได้เพียงน้อยนิด วิชาดาบที่เขามีก็แค่ดาบดาวตกกับทักษะการก้าวเท้าพื้นฐานเพียงเท่านั้น
หลินเซวียนเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลังอีกครั้ง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเซวียนได้ออกจากที่พักอาศัยไปยังเขาไท่หัง
ลมหนาวภายในป่านั้นเย็นยะเยือกถึงไขสันหลัง เงาของต้นไม้พริ้วไหวไปมาโต้ลมเอนเอียง หลินเซวียนได้ใช้ทักษะวิชาตัวเบาของตระกูลมุ่งไปตามทาง
หญ้าพลังหยินนั้นตั้งอยู่ในแนวร่มรื่นและอับชื่นของภูเขา หลินเซวียนทำการค้นหาอยู่นานแต่กลับไม่พบอะไร
หลังจากค้นหาจนเข้ายามบ่าย หลินเซวียนยังคงไม่พบสิ่งใด เขานั่งพักเหนื่อยก่อนจะหยิบเสบียงมากิน
จากนั้นไม่นาน ได้มีเสียงการต่อสู้กันดังขึ้น อีกทั้ยงยังมีเสียงสัตว์ร้ายคำรามเป็นระยะ หลินเซวียนรู้สึกสงสัยโดยพลัน เขาลุกขึ้นพร้อมวิ่งตรงไปยังทิศทางของเสียงทันที
ซู่!
หลินเซวียนซ่อนตัวอยู่ใต้พงหญ้าใกล้ ๆ
เขาเห็นกลุ่มคนบนหลังม้ายืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล อีกฝั่งหนึ่งเป็นหมาป่าดวงตาสีชาดอยู่ตรงกลาง ภายในนั้นมีชายหนุ่มที่กำลังต่อสู้กับหมาป่าอยู่
ชายหนุ่มผู้นี้หลินเซวียนรู้จัก เพราะเขาคือบุรุษที่ช่วยตอบคำถามเขาในตอนนั้น หลัวอี้
หลัวอี้ถือดาบสั้นไว้ในมือขณะแทงไปยังหมาป่าตาสีชาดอย่างต่อเนื่อง หมาป่าตัวนั้นแยกเขี้ยวใส่หลัวอี้ก่อนจะตวัดกรงเล็บอันคมกริบกลับไป
หลินเซวียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็น แต่ไม่นานจากนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจกว่าเดิม เพราะทักษะการก้าวเท้าของหลัวอี้นั้นดูเชี่ยวชาญอย่างมาก