ตอนที่ 84 กังวล
ดาบที่พุ่งเข้ามานี้รวดเร็วอย่างมาก อีกทั้งยังอยู่ในมุมที่ยากจะตอบโต้ ที่สำคัญกว่านั้นคือลมหายใจของคนผู้นี้คือขั้นเปิดชีพจรระดับแปด
“น้องหลิน ระวัง!” หลัวซิงชานไม่สามารถหยุดได้ทัน เขาทำได้แค่ตะโกนขึ้นดัง
หลินเซวียนหันไปมองอย่างเย็นเยือก สายตาของเขาแหลมคมราวกับดาบที่แทงทะลุหัวใจ
ศิษย์ที่โจมตีมาถึงกับมือสั่น ความกลัวเล็กน้อยได้ปรากฏขึ้นในใจของเขา แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กัดฟันและโจมตีต่อ
“ฮึ่ม!” หลินเซวียนยกมือขึ้นเล็กน้อย ดาบเพลิงโลหิตค่อย ๆ กวาดออกไปโดยไม่ได้เสริมพลังวิญญาณ
“ฮ่าฮ่า กล้าพูดเสียใหญ่โตแต่กลับไร้พลัง!” กลุ่มของผู้ที่มาหาเรื่องหัวเราะขึ้นดัง
อีกด้านหนึ่ง หลัวซิงชานทำได้เพียงแค่กังวล ถึงแม้เขาจะทราบว่าวิชาดาบของหลินเซวียนยอดเยี่ยม เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขั้นเปิดชีพจระระดับแปด
หลินเซวียนยังแสดงท่าทีสงบนิ่งและกวาดดาบออกไป
อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้ได้ตกอยู่ในสายตาของศิษย์ที่โจมตี แต่มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่เขาเห็นคือ มีดาบที่อยู่ข้างหลังหลินเซวียนและสามารถมองเห็นได้เลือนลาง ลมหายใจของเขาราวกับภูเขาแสนลูก เพียงแค่ลมหายใจเดียวก็สามารถบดขยี้ผู้คนจนตายได้
“นั่นมันอะไร? ผีหรือ!” ศิษย์ที่โจมตีมารู้สึกตกใจและคิดจะต่อต้าน
เมื่อดาบของหลินเซวียนกดลงมา แรงกดดันอันมหาศาลก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
พุฟ!
กลางอากาศ ชายคนนั้นได้กระอักเลือดออกมาด้วยความอับอาย
กลุ่มคนด้านหลังที่เห็นฉากนี้ถึงกับอ้าปากค้างจากความตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น? มันเกิดอะไรขึ้น? เจ้าบาดเจ็บได้ยังไง?” ศิษย์ที่ตามมารีบเข้าไปถามทันที เพราะพวกเขาไม่เห็นความลึกลับจากดาบของหลินเซวียน
หลัวซิงชานยิ้มอย่างขมขื่นด้านข้าง ‘เรายังคงประเมินศิษย์น้องคนนี้ต่ำเกินไป’
ศิษย์ที่กระอักเลือดใบหน้าขาวซีดและไม่กล่าวสิ่งใด แน่นอนว่าเขาไม่กล้าบอกเห็นดาบที่ยิ่งใหญ่กว่าขุนเขาด้านหลังหลินเซวียน หากบอกไป เกรงว่าคนอื่นจะมองเขากลับมาเหมือนคนโง่
หลินเซวียนยืนจับดาบอยู่ที่เดิม เขานึกคิดอย่างสงสัยเช่นกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ฝึกฝนดาบ เขาใช้เวลาไปไม่น้อยในการทำความเข้าใจเมล็ดพันธุ์แห่งดาบ และเขารู้สึกว่าเจตนารมณ์แห่งดาบของตนได้พัฒนาไปอีกระดับแล้ว
“มันต้องใช้วิชามารแน่ รีบจับเขาไปสอบปากคำที่สำนัก!” กลุ่มคนที่มาหาเรื่องตะโกนขึ้น
ฟูม! ฟูม!
ร่างของชายห้าถึงหกคนพุ่งไปล้อมหลินเซวียนไว้ การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและฝ่ามือที่เตรียมพร้อมโจมตีปรากฏอยู่ทุกทิศทาง
“วายุสะบั้นเมฆา!”
หลินเซวียนชักดาบออกมา
ปลายดาบของเขามีพายุหมุนสีเขียวปรากฏอยู่ ทันทีที่มันกระทบกับพื้น มันได้ขยายใหญ่ขึ้นและพุ่งออกไปยังสามทิศทางตรงหน้า
ฟูม! ฟูม! ฟูม!
พายุหมุนสีเขียวกวาดไปรอบด้าน อีกทั้งมันยังดูดลมหนาวบนหน้าผาเข้าไปด้วย
“อ๊าก!!!” เสียงร้องอันเจ็บปวดดังขึ้น
ศิษย์ทั้งห้าคนที่พุ่งเข้าไปถูกดีดกลับทันทีและสามคมถูกดาบแทง
ดาบเล่มเดียวจัดการคนทั้งห้าได้ หนึ่งในพวกเขายังอยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับแปด การกระทำของหลินเซวียนไม่สามารถอธิบายได้อีก นี่คือปีศาจของจริง
ศิษย์ทั้งหมดมองเขาอย่างเกรงกลัว ถึงแม้จะมีร่องรอยของความเกลียดชังอยู่ แต่มันก็เต็มไปด้วยความกลัว
เวลานี้ศิษย์ที่ยังไม่ได้โจมตีด้านหลังได้เอ่ยขึ้น “หลินเซวียน!“
หลินเซวียนมองไปยังชายคนนั้นที่มีรูปดาบไขว้อยู่บนหน้าอก
“ผู้คุมกฎ?” หลินเซวียนขมวดคิ้ว
“เจ้าและจางเฉียนมีนัดประลองกัน และเดิมพันด้วยชีวิต การประลองนี้ได้รับการอนุมัติจากสำนักแล้ว สามวันนับจากนี้จงมาที่ลานประลองเป็นตาย” ผู้คุมกฎอ่านจดหมายในมือ
ฟูม!
หลังจากอ่านจบ เขายิงจดหมายฉบับนั้นไปทางหลินเซวียนทันที
ฝ่ามือหลินเซวียนเปล่งแสงสีทองขึ้น จากนั้ันได้จับจดหมายที่ลอยเข้ามา
เปรี้ยง!
จดหมายและฝ่ามือของหลินเซวียนปะทะกัน
แต่จากนั้นไม่นาน ประกายแสงสีทองก็ได้ปกคลุมรอบจดหมายและมันก็สงบลงในมือหลินเซวียน
“ฮืม?” ผู้คุมกฎรู้สึกประหลาดใจ
ตอนที่โยนจดหมายให้หลินเซวียน เขาได้เสริมพลังงานแห่งความมืดเข้าไปด้วย แม้แต่นักสู้ขั้นเปิดชีพจรระดับแปดก็ไม่มีทางรับมันได้
“อยู่ขั้นเปิดชีพจรระดับเจ็ด แต่พลังทัดเทียมระดับแปด ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงกล้าท้าจางเฉียน” ผู้คุมกฎกล่าว
หลินเซวียนจับจดหมายไว้พร้อมเผยใบหน้าเคร่งขรึม ‘มันเร็วกว่าที่เราคิดไว้ตั้งหลายสิบวัน’
‘ดูเหมือนว่าเราควรรีบเข้าใจเจตนารมณ์แห่งดาบนี้ให้เร็วที่สุด’ หลินเซวียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยในใจ หากเขาเชี่ยวชาญเจตนารมณ์แห่งดาบ เช่นนั้นความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มอีกหลายเท่า
หลังจากเสร็จธุระที่นี่ หลินเซวียนก็กลับไปยังบ้านของตน
เมล็ดพันธุ์แห่งดาบสีทองในตัวเขาขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ตอนนี้วิชาดาบของเขาดีกว่าเดิมมาก
หากเขามีเวลามากพอและให้เมล็ดพันธุ์แห่งดาบเติบโตขึ้นได้อีก เช่นนั้นเขาจะสามารถเข้าใจทุกอย่างได้โดยธรรมชาติ
ตลอดทั้งวันเขานั่งทำความเข้าใจกับเมล็ดพันธุ์แห่งดาบอยู่ในบ้าน
วันต่อมาในยามเช้าตรู่ เย่ฉิงได้มาหาเขาและบอกว่าอาจารย์มู่หรงกำลังตามหา
“ข้าหรือ?” ใบหน้าหลินเซวียนเต็มไปด้วยความสับสนพร้อมออกไปหาอาจารย์มู่หรง
เมื่อเห็นมู่หรงเฉียนหลิง หลินเซวียนก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“วันมะรืนนี้เจ้าจะสู้กับจางเฉียน เจ้ามั่นใจระดับไหน?” เสียงของมู่หรงเฉียนหลิงเย็นเยือก
หลินเซวียนชะงัก เขาไม่คาดคิดว่ามู่หรงเฉียนหลิงจะถามคำถามนี้ เขาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “หากจางเฉียนยังอยู่ในขั้นเปิดชีพจรระดับแปด ข้ารับประกันได้หกในสิบส่วน“
“หกส่วน…” สายตาของมู่หรงเฉียนหลินเปล่งประกาย “ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าเชื่อมั่นกับสิ่งใด?”
เมื่อเห็นหลินเซวียนยังเงียบนางจึงถามต่อ “หากเจ้าทำให้ข้าเชื่อไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะไม่ให้เจ้าไปตายแน่! เพราะเจ้าเป็นศิษย์ของข้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว“
หลินเซวียนสูดหายใจลึกพร้อมความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขาไม่คิดว่าอาจารย์มู่หรงจะกังวลเรื่องนี้ด้วย
เมล็ดพันธุ์แห่งดาบสั่นเล็กน้อย จากนั้นร่างของหลินเซวียนก็เปล่งแสงออกมาราวกับดาบชั้นยอดที่ไม่มีใครเทียบได้
“เจตนารมณ์แห่งดาบ!” มู่หรงเฉียนหลินตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ริมฝีปากของนางสั่นก่อนจะกล่าว “มันยังเป็นเจตนารมณ์แห่งดาบระดับเล็กอยู่!”
เจตนารมณ์แห่งดาบของหลินเซวียนยังไม่ได้ปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ เพราะเขายังไม่ต้องการแสดงพลังมากเกินไป เพราะมันทั้งลึกลับ และยังเข้าใจได้ยากอย่างแท้จริง
มู่หรงเฉียนหลิงกลับมาสงบเช่นเดิม นางมองหลินเซวียนก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “แค่เจตนารมณ์แห่งดาบระดับนี้ยังไม่พอ!”