หมอที่ชื่ออะไรไม่รู้ พลิกซ้ายพลิกขวาดูไนติงเกลจนแน่ใจ ว่าไม่มีร่องรอยฟกช้ำตรงอื่นอีก
แต่หมอคะ…หนูว่ามันจะช้ำเพิ่มก็เพราะหมอมากกว่านะ
“ฟกช้ำบริเวณเข่า แล้วก็ถลอกเล็กน้อยตรงแขน ไม่มีอาการบาดเจ็บร้ายแรงกว่านั้นครับ”
“ค่อยยังชั่ว ขอบคุณมากนะคะ”
เมื่อได้ยินว่าเสร็จแล้ว เด็กสาวก็สวมเสื้อคลุมกลับเข้าที่เดิม ก่อนจะสังเกตุไปรอบ ๆ
‘พ่อกับแม่ไม่เห็นจะมาดูเลยแฮะ’
ถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยก็เถอะ แต่ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ควรจะเป็นห่วงกันบ้างไม่ใช่หรอ?
อีกอย่างคุณค่าของไนติงเกล ฟอร์ซ ก็ไม่ใช่แค่ระดับอัลฟ่าธรรมดา ๆ ด้วย แต่หากเป็นถึงว่าที่พระชายาในอนาคตของเจ้าชายเชียวนะ
หรือว่าเธอจะไม่สนิทกับครอบครัว?
เฮ้อ! สังคมชนชั้นสูงนี่เข้าใจยากจริง ๆ
ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะถอนหายใจแรงมากไปหน่อย จนทะลุออกมาในโลกความเป็นจริง ทำให้คุณแม่บ้านหันกลับมามองด้วยสายตา…สงสาร
ตอนนี้คงกำลังคิดในใจว่า ‘โถเอ้ย ทูนหัวของบ่าว ป่านนี้คงกำลังน้อยใจอยู่สินะเจ้าคะ’ แน่เลย
เอ้านั่น หมอเองก็ส่ายหัวเหมือนกัน หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันไม่ได้กำลังน้อยใจเรื่องนั้นสักหน่อย!!
ใช่แล้ว คนที่พวกนี้กำลังสงสารอยู่ไม่ใช่เรา แต่เป็นไนติงเกลต่างหาก
โธ่ ยัยนางร้ายเอ้ย ขนาดคนรับใช้ยังพากันสมเพชเธอเลย จิ๊ ๆๆๆ !
“เดี๋ยวกระผมจะสั่งยาทาให้นะขอรับ ขอตัวก่อน”
ในที่สุดคุณหมอก็ก้มโค้งให้ แล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
อืม ก็เข้าใจล่ะนะ คงไม่มีใครอยากอยู่ร่วมห้องกับอัลฟ่านาน ๆ หรอก คุณหมอเป็นแค่เบต้า คงจะรับแรงกดดันไม่ไหว
จะว่าไปแล้ว ป้าแม่บ้านคนนี้ก็แกร่งใช่เล่นแฮะ อีกทั้งยังยกร่างคนทั้งคนขึ้นได้ง่าย ๆ อีก เป็นเบต้าที่แข็งแกร่งมาก
“ถ้างั้นวันนี้หยุดเรียนไปก่อนดีไหมเจ้าคะ? เดี๋ยวดิฉันจะส่งคนไปแจ้งทางโรงเรียนให้”
ระหว่างที่คิดอะไรเพลิน ๆ เจ้าของเป้าหมายนินทาก็พูดขึ้นมา
‘โรงเรียน? อ้อ ใช่สิ เราต้องไปโรงเรียนด้วยสินะ’
ความพิเศษของ ‘My Omega’ นอกจากจะเป็นแนวยุคกลาง แล้วก็ยังเป็นแนวแฟนตาซีอีกนี่แหละ
เซตติ้งเรื่องก็ประมาณว่า ในอณาจักร ‘วอร์ลุงกา’ ที่เป็นเมืองหลักในนิยายแห่งนี้ มีกฏเหล็กอยู่ว่า ประชาชนทุกคนที่มีเวทย์มนต์จะต้องเข้าโรงเรียนทุกคน
เพราะกฏนั้นเอง จึงทำให้ในโรงเรียนมีราชวงศ์และสามัญชนเดินกันให้หน้าสลอนไปทั่ว
นายเอกของเรื่องก็เป็นหนึ่งในนั้น บุตรชายของพ่อค้าผู้ร่ำรวยที่ไต่เต้าจนได้ขึ้นมาเป็นบารอน ‘จูเลียซ ไอแซค’
โอเมก้าหนุ่มผู้มากความสามารถ มีพลังเวทย์มนต์ท่วมท้น เขาได้รับยกย่องว่าเป็นโอเมก้าที่แข็งแกร่งที่สุด จนกระทั่งวันหนึ่งฉายานั้นก็ดึงดูดคู่แห่งโชคชะตาของเขา ให้เข้ามา
องค์ชายรัชทายาทสุดเย็นชา ‘เอียน ไวน์เบิร์ก’
ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้สบตากัน ก็เกิดอาการสปาร์ควู้ฮู้กันเกิดขึ้น
“เจ้า…คือคู่แห่งโชคชะตาของข้า”
ขอจบการพรีวิวแต่เพียงเท่านี้
เอาล่ะ มาตั้งสติกันก่อน เรื่องนั้นยังไม่เกิดขึ้นไวขนาดนั้นหรอก กว่าพระนางจะได้เจอกันก็ปาไปวันเปิดภาคเรียนใหม่นู้น
…
‘ว่าแต่วันนี้วันที่เท่าไหร่นะ’
…
“ลุยซาร์”
“เจ้าคะ”
ในตอนที่กำลังจะหันไปถามวันที่กับคุณแม่บ้าน จู่ ๆ ชื่อหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัว
และเมื่อคุณแม่บ้านขานตอบกลับมา ก็ทำให้ได้รู้ว่ามันคือชื่อของเธอนั่นเอง
‘ชื่อลุยซาร์นี่เอง…ดูเหมือนว่าร่างกายจะยังจำได้อยู่แฮะ ไม่เลว เรื่องอะไรต่าง ๆ จะได้ง่ายขึ้น’
“วันนี้วันที่เท่าไหร่”
“วันที่ 14 เดือน 1 เจ้าค่ะ”
“ปี?”
“…? ปี 564 เจ้าค่ะ”
แม้จะงงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดตอบคำถาม นี่เป็นสิ่งสามัญสำหรับคนรับใช้ที่ถูกฝึกมาอย่างเข้มงวด
แต่ลุยซาร์ก็อดมองไปยังใบหน้าราบเรียบของเจ้านายไม่ได้ ซึ่งแตกต่างจากตอนกลางคืนเมื่อวานที่ดูตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เพราะจะได้พบเจ้าชายอีกครั้ง
‘…นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนรับใช้ควรถาม’
เธอส่ายหน้าอย่างเงียบงัน พลางรอให้คุณหนูตัดสินใจ
ส่วนไนติงเกลเก๊ที่กำลังใช้สกิลการแสดงทั้งหมดมาช่วยปั้นหน้าขรึมนั้น ภายในกำลังช็อคแบบสุด ๆ
‘โอ้ เวร วันนี้วันเปิดเทอม! เส้นตายเข้ามาใกล้อีกแล้ว!!!’
ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงแท่นกิโยตินลอยเข้ามาใกล้ ทำให้อดตัวสั่นไม่ได้
“คุณหนู วันนี้พักก่อนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเตรียมซุปอ่อน ๆ กับยาประจำวันมาให้”
“ไม่ต้อง…วันนี้ฉันจะไปโรงเรียน”
“แต่ว่า…”
“ไปเตรียมน้ำอุ่น ฉันจะอาบน้ำ”
“เจ้าค่ะ”
ถึงแม้จะอิดออด แต่ลุยซาร์ก็ยอมไปทำแต่โดยดี
ในขณะเดียวกันไนติงเกลก็อยากจะชมปากของเธอจริง ๆ ที่ทำตามหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถูกแล้ว ประโยคที่บอกให้ไปเตรียมน้ำอุ่นนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจจะพูด หากแต่เป็นจิตใต้สำนึกที่พูดออกมาเองโดยไม่รู้ตัว
จะว่าสะดวกมันก็สะดวก แต่จะว่าน่ากลัวมันก็น่ากลัวนะ
ทั้ง ๆ ที่เป็นของที่ไม่เคยเห็น แต่กลับคุ้นเคย เห็นคนแปลกหน้า แต่ดันรู้จักชื่อ
‘ฉันสงสัยจัง ว่าสักวันฉันอาจจะถูกจิตสำนึกของไนติงเกลตัวจริงยึดครองกลับไป…’
…