เมื่อไปแจ้งให้ดยุคฟอร์ซทราบแล้ว ลุยซาร์ก็เข็นวิลแชร์ของไนติงเกลไปที่ห้องรับประทานอาหาร ระหว่างทางเธอก็พยายามกลอกตามองซ้ายขวาอย่างสนใจโดยไม่ให้หลุดอาการ
ทำให้เธอก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกว่า คนรับใช้ทุกคนในคฤหาสน์นี้เป็นเบต้ากันหมด ไม่ใช่แค่หมอที่เรียกมา
‘นี่คงต้องเป็นคำสั่งของดยุคฟอร์ซแน่’
ในฐานะผู้นำตระกูล ดยุคฟอร์ซจะต้องเป็นอัลฟ่าแน่นอน เพราะงั้นก็คงไม่แปลกที่เขาจะจ้างเฉพาะเบต้าเท่านั้นให้เข้ามาอยู่ในบ้าน
‘อัลฟ่าสองตัวอยู่ร่วมชายคาเดียวกันไม่ได้’ ดั่งคำที่กล่าวไป เพราะงั้นไนติงเกลที่เป็นอัลฟ่าเหมือนกันจึงไม่ได้รับความรักจากเขาสินะ ถ้าให้เดา ชายคนนี้คงเป็นประเภทมีครอบครัวเพื่อใช้งาน
หลังจากคิดเรื่อยเปื่อย วิลแชร์ก็แล่นมาจนถึงห้องบอสจนได้
กึก ลุยซาร์ปล่อยมือออกจากวิลแชร์ ก่อนจะเดินไปยืนอยู่ด้านหลังของไนติงเกล
‘อ้าว เดี๋ยวสิเฮ้ย ถ้าไม่เข็นแล้วฉันจะเข้าไปยังไงล่ะ!!’
ท่ามกลางความโกลาหลในจิตใจของเด็กสาว ป้าเมดก็ทำเพียงยืนอย่างนิ่งสงบอยู่อย่างนั้น ดูเหมือนว่าในสายตาของลุยซาร์ ตอนนี้คุณหนูของเธอคงกำลังเตรียมใจจะเข้าไปพบพ่ออยู่
หลังจากกรีดร้องในหัวเสร็จ ไนติงเกลก็นึกขึ้นมาได้ว่า ‘โลกนี้มีเวทย์มนต์นี่หว่า!’ ตอนนี้หัวหน้าเมดคงกำลังคอยให้เธอใช้พลังเวทย์เคลื่อนวิลแชร์เข้าไปในห้องอาหารเองอยู่แน่เลย!
‘แต่ประเด็นคือผ้มใช้เวทย์มนต์ไม่เป็นนี่สิครั้บ!’
เวลาที่ผ่านไปเพียงไม่กี่วิ แต่กลับดูยาวนานสำหรับเธอเหลือเกิน เด็กสาวพยายามนึกย้อนดูถึงเนื้อหาในนิยาย แล้วก็ต้องสบถออกมา เพราะว่านิยายห่วยแตกนี่มีแต่เนื้อหาโรแมนซ์!!
เอ็งจะยัดเวทย์มนต์เข้ามาทำไมฟะ ถ้าคิดจะเล่นแต่เรื่องรักอย่างเดียว!
‘ช่วยไม่ได้ กราบล่ะไนติงเกล ช่วยขยับร่างกายด้วยตัวเองอีกครั้งทีเถอะ!’
มืออันสั่นเทาเอื้อมไปเคาะประตู เพื่อหวังว่าเหตุการณ์กดดัน จะช่วยให้ร่างกายตัวเองเกิดปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติอีกครั้ง!
ก็อก ๆ
“เข้ามา”
แล้วก็เป็นดังคาด เมื่อเสียงทุ้มต่ำภายในห้องดังออกมา ร่างกายของไนติงเกลก็ทำงานด้วยตัวเอง
สัมผัสความเย็นเฉียบไหลผ่านร่างกายของเธอ เริ่มจากขั้วหัวใจ ไหลผ่านออกจากปลายนิ้ว และตรงไปยังบานประตู
แอ้ดด
ไนติงเกลกำมือของตัวเอง น่าแปลกที่แม้จะกังวลมาก แต่ก็ไม่มีเหงื่อเลยสักนิดบนฝ่ามือของเธอ
เมื่อประตูถูกเปิดอ้าจนสุด สัมผัสเย็นยะเยือกก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันไหลไปที่ปลายนิ้วเท้าของเธอ จากนั้นก็หมุนวนอยู่ที่ล้อรถ ทำให้ในที่สุดวิลแชร์ก็สามารถเคลื่อนที่ไปด้วยตัวเองได้เสียที
แต่สัมผัสหนาวเหน็บจากเวทย์มนต์ ก็ไม่อาจสู้บรรยากาศหนักอึ้งตรงหน้าได้เลย
ที่หัวโต๊ะตรงนั้น มีชายวัยกลางคนที่ดูหล่อเหลาคนหนึ่งนั่งอยู่ ต้นตอของบรรยากาศหนาวเหน็บคือตัวตนของเขานั่นเอง
‘ลุดวิก ฟอร์ซ’
ทันใดนั้น ชื่อ ๆ หนึ่งก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับคราวของลุยซาร์
‘งั้นนี่ก็คือพ่อของเรา…ของไนติงเกลสินะ’
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ…ท่านพ่อ”
“อรุณสวัสดิ์ นั่งสิ”
เขาพูดขึ้น ทั้งที่ยังคงไม่ละสายตาออกจากเอกสาร
โต๊ะยาวเต็มไปด้วยเก้าอี้ หากแต่มีที่ ๆ หนึ่ง ที่ถูกเว้นว่างเอาไว้ วิลแชร์เคลื่อนที่ด้วยเวทย์มนต์พาไนติงเกลไปเสียบเข้าที่มุมตรงนั้นอย่างพอดิบพอดี
‘หืม คนนั้นใครน่ะ?’
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด ในระหว่างที่คนรับใช้กำลังยกจานอาหารมาวางไว้ตรงหน้า ไนติงเกลก็ต้องตกใจเมื่อเพิ่งสังเกตุบุคคลอีกหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือ
ผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนที่จืดจางมาก หน้าตาธรรมดา ไม่ขี้เหร่ ไม่สวย และนั่นทำให้เธอนึกถึงตัวเองจากโลกเดิมไม่น้อย ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ห่างจากตัวเธอและดยุคฟอร์ซมาพอสมควร เรียกได้ว่าอยู่ระหว่างกึ่งกลางพอดี
‘แม่ของไนติงเกลหรอ? แล้วทำไ–’
“หะ”
ระหว่างที่เธอกำลังสังเกตุอีกฝ่ายอย่างระวัง สัญชาติญาณบางอย่างก็ถูกปลุกขึ้น… มันคือสัญชาติญาณของอัลฟ่า
กลิ่นหอมจาง ๆ ที่ลอยมาตามลมทำให้ไนติงเกลขมวดคิ้ว มันเป็นกลิ่นหอมของนมผสมกับน้ำผึ้ง ในชีวิตนี้เธอไม่เคยได้กลิ่นอะไรอย่างนี้มาก่อน!
‘ไม่ผิดแน่! ผู้หญิงคนนี้เป็นโอเมก้า’