ในที่สุดพวกเขาก็งัดเจ้าชายออกมาจากห้องน้ำได้สำเร็จ
และเมื่อตอนที่แก๊งค์ล่าโปเก*อนมาถึง พวกเขาก็ต้องอึ้งเมื่อสังเกตุเห็นว่าทั่วทั้งหอประชุมเต็มไปด้วยลัทธิบูชาเจ้าชาย…
“บรรยากาศมันแปลก ๆ นะขอรับ ดูอันตรายยังไงก็ไม่รู้…”
จินพูดกับเจ้าชายที่ตอนนี้ปลอมตัวเป็นไนติงเกลด้วยเวทย์ลวงตาอยู่
แต่ดวงตาของเอียนไม่ได้มองมาที่เขา หรือฝูงชนน่าขนลุกพวกนั้นเลย ดวงตาไร้อารมณ์สีเทาจับจ้องไปที่โพเดียมแต่เพียงเท่านั้น
“…นั่น…?”
นี่เป็นครั้งแรกที่จูเลียซได้ยินเขาพูด แต่ถึงกระนั้นเสียงที่ออกมาก็ยังเป็นเสียงของไนติงเกลอยู่ดี ไม่ใช่ของเจ้าชาย
“ใช่ขอรับ เป็นมิสไนติงเกล”
“…”
‘จะเก๊กเพื่อ?’
โอเมก้าผมดำพ่นลมหายใจออกทางจมูก โดยไม่สนใจท่าทีตำหนิของลุยซาร์
เขาเริ่มส่งสัญญาณให้ไนติงเกลผ่านสกิลการเชื่อมต่อ เพื่อบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตัวการได้มาถึงแล้ว
*****************************
ในที่สุดก็มาโว้ยยยยย ปวดแขนชิบหาย!!
ทันทีที่ได้ยินเสียงของจูเลียซผ่านสกิล ไนติงเกลก็เกือบหลุดตะโกนออกมา ในที่สุดเธอก็สามารถบอกลาแท่นโพเดียมที่รักนี่ได้เสียที!
เด็กสาวปล่อยมือออกจากโพเดียม เมื่อสัมผัสได้ถึงเวทย์แรงโน้มถ่วงที่กลับมาแล้ว
โครม!
“อุปส์…”
ช่างน่าเศร้า…เพราะเมื่อทันทีที่เธอปล่อยมือออกจากมัน โพเดียมก็กลายเป็นซากปูชนีย์วัตถุทันที…
นักเรียนอ้าปากค้าง อาจารย์อ้าปากค้าง
ขนาดเจ้าชายที่ทำท่าทางเหมือนจะหลับตลอดเวลาก็อดหันขวับมามองไม่ได้…
ทุกคน “…”
“อะแฮ่ม… ขอบคุณทุกคน ลาก่อน”
…
แปะ…แปะ
เมื่อมีคนนึงปรบมือขึ้น คนที่เหลือก็พากันปรบมือตามกันไปอย่างงง ๆ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของเสียงแรกนั้นเริ่มมาจากหน้าม้าส่วนตัวของเจ้าชายเก๊ แม่บ้านลุยซาร์นั่นเอง
แปะ ๆ ๆ ๆ!
จากนั้นทั่วทั้งหอประชุมเต็มไปด้วยเสียงปรบมือด้วยความชื่นชม โดยที่ทุกคนพากันเมินซากอดีตโพเดียมกันหมด
หลังจากที่ไนติงเกลลงมาจากเวที เธอก็ได้พบเข้ากับร่างโคลน… เจ้าชายรัชทายาทที่ปลอมตัวเป็นเธออยู่นั่นเอง
ด้วยความที่ทั้งสองคนมีนิสัยคล้ายกัน การปลอมตัวเป็นอีกฝ่ายจึงไม่ใช่เรื่องยากนัก ที่สำคัญมันออกจะง่ายกว่าสำหรับเอียนที่แค่นั่งเฉย ๆ ให้คนเข็นไปเข็นมาด้วยซ้ำ
“ฝ-ฝ่าบาท เหนื่อยหน่อยนะขอรับ!”
คนสนิทจินยื่นน้ำให้กับไนติงเกลแต่สายตาคอยมองไปที่เอียนตลอดเวลา มองจากดาวอังคารก็ยังดูออกว่ากำลังเลิกลั่ก
‘สมกับเป็นตัวละครที่ถูกเซตมาให้โกหกไม่เป็นจริง ๆ…’
**********************
“ขอบใจนะ”
ชายหนุ่มรับแก้วน้ำมา ก่อนจะหันพูดกับคนที่อยู่รอบ ๆ ตัว
“เราต้องการจะสนทนากับพระคู่หมั้นเพียงลำพัง พวกเจ้าจงรออยู่ด้านนอก ห้ามให้ใครเข้ามาเด็ดขาด”
เขาพูดพลางใช้ดวงตาสีดำสนิทสบเข้ากับดวงตาสีเทาของเธอ
เอียนเปิดประตูให้อย่างเป็นสุภาพบุรุษ โดยไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะรับมุกไม่ทัน ไนติงเกลเลื่อนวีลแชร์เข้าไปในห้องอย่างว่าง่าย
เพราะบริเวณหลังเวทีนั้นเต็มไปด้วยเหล่าองค์รักษ์และคนรับใช้ของเจ้าชายเป็นจำนวนมาก
เธอจึงใช้วิธีการเชิญอีกฝ่ายเข้าไปในห้องง่าย ๆ เพื่อสับเปลี่ยนตัวตนกัน
อย่างไรเสีย การที่รัชทายาทจะจู๋จี๋กับคู่หมั้นตัวเองในห้องสองต่อสองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรอยู่แล้ว
…
“เฮ้อ…ถวายบังคมเพคะ ฝ่าบาท โล่งอกไปทีที่พระองค์ทรงปลอดภัย”
ไนติงเกลที่กลับสู่ร่างเดิมแล้วอดไม่ได้ที่จะเอนตัวลงกับวีลแชร์อย่างเหนื่อยอ่อน
มันควรจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่ น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกเกร็งเลยสักนิด เกรงว่าคงจะเป็นอิทธิพลมาจากไนติงเกลอีกแล้วเช่นกัน
พระเอกที่ยังอยู่ในรูปลักษณ์เดียวกับเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำเพียงพยักหน้าตอบกลับมาเท่านั้น
ว่าแต่ทำไมพี่ไม่กลับร่างเดิมล่ะเฮ้ย? ถึงฉันจะเป็นคนหลงตัวเอง แต่แบบนี้มันก็หลอนเหมือนกันนะ…
“…”
“…”
ไนติงเกลจ้องไปที่เขาประหนึ่งจะถามว่า ‘มัวลีลาอะไรอีกล่ะเพคะ รีบกลับร่างสักทีสิ?’
แต่อีกฝ่ายก็ยังคงทำตัวกูไม่ใช่กู ไม่ยอมสบตากลับมา ส่งผลให้บรรยากาศมาคุแผ่กระจายไปทั่วห้อง
‘เอ้า อะไรอีกเล่า! มีอะไรก็พูดมาสิ พระนางเรื่องนี้เป็นอะไรชอบยืนเก๊กกันอยู่ได้?!’
“…ฝ่า-”
ในขณะที่เธอสูดหายใจเตรียมจะเร่งอีกฝ่าย ประตูที่ล็อกไว้อย่างดีก็ถูกพังเข้ามา!
โครม!
“วัทเด–!”
ไนติงเกลรีบตาลีตาแหกเอาตัวเข้าไปบังเอียนไว้หมายจะปิดให้มิด แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ ส่วนพ่อพระเอกตัวดีก็มัวแต่ยืนเหม่อ พลางคิดว่าสถานการณ์นี้มันเดจาวูยังไงก็ไม่รู้…
สมองของเธอแล่นเร็วจี๋ ยามเมื่อพยายามนึกถึงหน้าของคนที่สามารถฝ่าด่านองค์รักษ์เข้ามาได้ แถมยังกล้าพังประตูเข้ามาแบบนี้อีก…
ไม่ผิดแน่ คน ๆ นั้นจะต้องเป็น!
‘เป็นใครวะะะ?? คิดไม่ออกโว้ย!’
ในขณะที่กำลังจะสติแตกอยู่รอมร่อ พริบตานั้นเธอก็เห็นร่าง ๆ หนึ่งโผล่เข้ามาในห้อง
บุคคลนั้นมีผมสีน้ำเงินงดงามเช่นเดียวกับใครบางคนที่เธอรู้จัก
“อะ…”
และทันทีที่ร่างนั้นมองเห็นดอปเปลแกงเกอร์ของไนติงเกล ดวงตาสีดำก็เบิกโพลงขึ้น
“คุณพระช่วย มีท่านพี่หญิงถึงสองคน นี่มันสวรรค์หรืออย่างไรกันคะเนี่ย!!”