เดี๋ยว ๆ ไอ้บรรยากาศที่เหมือนหลุดออกมาจากเรื่องโ*โจ้นี่มันอะไรวะคะ!?
พวกนายจะต้อง–!
‘อะเฮื้อ เจ้าคือคู่แห่งโชคชะตาของข้า’
‘ม-ไม่ได้นะ คู่แห่งโชคชะตาของฉันคือเจ้าชายอย่างนั้นหรอ! ต-แต่ว่า…’
วิ้ง ๆ ๆ
‘เขาช่างเปล่งประกายอะไรอย่างนี้ อ้าาา’
ต้องอย่างนี้สิ!! ไม่ใช่–
‘โฮ่ โฮ่…จะเข้ามาอย่างงั้นหรอ?’
ไนติงเกลสะบัดหัวไล่ละครที่เล่นในสมองตัวเองออกไป
‘ทะเลาะกันหรอ? หรือว่ากำลังหึงที่เราอยู่ใกล้เจ้าชาย??’
ต้องใช่แน่ ๆ จูเลียซหลงรักเจ้าชายแล้ว จึงหึงที่เราเข้าห้องมาพร้อมกับเขาสินะ!
“ด-ได้พบกันอีกแล้วนะคะ มิสเตอร์จูเลียซ เป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้อยู่ห้องเดียวกับคุณ”
เธอหัวเราะโฮะ ๆ ออกมา พยายามจะทำตัวให้เป็นมิตรที่สุดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
‘เห็นไหม! ฉันไม่ได้จะแย่งพระเอกไปจากนายนะ เราเป็นเพื่อนกันจำได้ม้ายย!!’
โชคดีที่อย่างน้อยจูเลียซก็ยังจำได้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน เขาละสายตาออกจากเอียนแล้วทักทายกลับมา
“ครับ ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ไนติงเกลก็ถอนหายใจออกมา
เธอตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกส่งเข้าลานประหาร และเพื่อการนั้นเธอจะต้องถอนหมั้นกับพระเอกให้ได้
แต่ก่อนอื่น…
‘ได้เวลาตีสนิทกับนายเอกแล้วโว้ย!’
ว่าแล้วไนติงเกลก็ยิ้มแบบนักธุรกิจออกมา
“นี่คงเป็นครั้งแรกที่มิสเตอร์จูเลียสได้เข้ามาเรียนที่นี่สินะคะ ถ้าไม่รังเกียจ ดิฉันสามารถช่วยแนะนำได้นะ”
นายเอกคุงเป็นนักเรียนใหม่ในชั้นปีที่ 2 เพราะงั้นจึงยังไม่รู้ที่รู้ทางเท่าไหร่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้เดินหลงไปคนละทิศละทางกับหอประชุมจนปะเข้ากับพวกคุณชายนักเลงเหล่านั้น
‘ถึงแม้เขาจะได้ที่ 1 ในการสอบเข้าก็เถอะ…’
ดวงตาของเด็กหนุ่มลุกวาวเพราะคำพูดของเธอ แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบตกลง เขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมากระทันหัน
นั่นก็เป็นเพราะว่า วีลแชร์ของไนติงเกลที่กำลังเลื่อนไปทางเขา กลับถูกใครบางคนจับไว้แน่น
กึก
เป็นเอียนที่จับเอาไว้…
“หะ? ฝ่าบาท??”
เด็กสาวร้องเสียงหลงออกมา เพราะเมื่อกี้ตัวเองเกือบพุ่งหัวทิ่มไปข้างหน้าอยู่แล้ว
และอยู่ดี ๆ คุณเจ้าชายที่ไม่เคยปริปากมาตลอด ก็พูดกระซิบเสียงเบา
“…คน”
“คะ?”
“…น่ากลัว”
ไนติงเกล “…”
จูเลียซ “…”
…
‘คือ…สูเป็นห่วงข้อย?’
เมื่อดูดี ๆ ก็จะเห็นว่าใบหน้าเรียบเฉยเหมือนรูปปั้นของเขามืดครึ้มลงเล็กน้อย…แบบเล็กน้อยจริง ๆ
ดูเหมือนพ่อพระเอกแสนดีจะกลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย จึงพยายามห้ามไม่ให้เข้าไปหาจูเลียซ
‘เออ ก็เข้าใจได้นะ อยู่ดี ๆ ก็โดนคนเข้ามาหาเรื่องตั้งแต่เข้าห้อง จะระวังตัวก็ไม่แปลก…แต่ว่าไอ้หมอนั่นมันคือว่าที่เมียเอ็งในอนาคตเลยนะเฮ้ย!? จะกลัวทำพระแสงอะไร??’
“…คนนั้น…เก่ง”
เขาคงจะคิดว่าไนติงเกลยังไม่เข้าใจ จึงพูดออกมาเพิ่ม
ไนติงเกล “…”
จูเลียซ “…”
แน่นอนว่าถึงแม้เสียงจะเบาเหมือนมดยังไง จูเลียซที่หูดีก็ยังได้ยิน เขาขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
‘หรือว่านี่คือการท้าทายอย่างหนึ่ง?’
เมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาก็พยักหน้าออกมา
“อย่างนี้นี่เองรัชทายาท ท่านคงอยากจะแข่งกับกระผมตัวต่อตัวสินะ?”
ทีนี้เป็นฝ่ายไนติงเกลกับเอียนที่เงียบไป…
“อะไรของมันว– เอ้ย! พูดอะไรของคุณคะเนี่ย??”
“หึหึ ไม่ต้องพยายามปกปิดหรอก มิสไนติงเกล แค่เห็นมือนั่นผมก็รู้แล้ว!”
จูเลียซชี้ไปยังมือของเอียนที่กำลังสั่นน้อย ๆ จนแทบไม่อาจสังเกตุเห็น
“มันคืออาการสั่นสู้ยังไงล่ะ!”
สั่นกลัวโว้ยย ไม่ใช่สั่นสู้!! แกตาบอดรึไง เห็นไหมว่าเจ้าชายหน้าซีดไปไหนถึงไหนแล้ว!?
เอียนปล่อยมือออกจากวีลแชร์ แล้วเก็บมือหนีไปด้านหลัง พยายามซ่อนมันจากสายตาของอีกฝ่าย
ตอนนี้ไนติงเกลไม่มัวนั่งสาปแช่งนิสัยตัวละครที่แตกต่างจากในนิยายอีกแล้ว เธอเอาตัวเข้าไปขวางเจ้าชายรัชทายาทไว้!
“ห้ามสู้กันนะคะ! ดิฉันไม่อนุญาติให้มีการต่อสู้กันในโรงเรียนเด็ดขาด!”
เมื่อเห็นเธอออกตัวปกป้องแบบนี้ พระเอกก็ดูเหมือนจะทราบซึ้งขึ้นมา ส่วนนายเอกก็ทำปากยู่
“ม-ไม่ได้จะท้าสู้สักหน่อย! ไอ้นั่นไง การแข่งขันน่ะ! วันนี้คาบเรียนแรกคือวิชาการอัญเชิญถูกไหม? เราจะแข่งกันเรื่องนั้นต่างหาก!”
ไนติงเกลที่ได้ยินดังนั้นก็ค้นความทรงจำเกี่ยวกับวิชาในวันนี้ ก็พบว่าคาบเรียนแรกนั้นคือวิชาอัญเชิญจริงอย่างที่เด็กหนุ่มว่า
วิชาอัญเชิญ คือวิชาที่จะสอนให้นักเรียนอัญเชิญ ‘สัตว์วิเศษ’ ของตัวเองออกมา มันคือวิชาที่ป็อปปูล่าที่สุดในโรงเรียนนี้ เพราะคุณจะสามารถเรียกสัตว์อัญเชิญน่ารัก ๆ ออกมาได้
เนื่องจากมีอันตรายอยู่บ้าง โรงเรียนจึงอนุญาติให้มีเพียงนักเรียนปีที่ 2 เท่านั้น ที่สามารถเรียนได้
เด็กสาวจำได้ว่าไนติงเกลตัวจริงเองก็ตั้งตารอวิชานี่อยู่เหมือนกัน…
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ…ยังไงเสีย การเรียนและการแข่งขันก็เป็นของคู่กันอยู่แล้ว ถ้าพวกท่านทั้งสองเต็มใจ ดิฉันก็ไม่สามารถห้ามได้หรอกค่ะ”
‘เพราะพวกแกจะได้สนิทดันไว ๆ ยังไงล่ะ!’
ไนติงเกลยกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย โดยไม่ทันสังเกตุว่าพระเอกที่อยู่ข้างหลังกำลังค่อย ๆ พยายามหนีออกจากห้องเรียน…