“เอาล่ะ แยกย้าย ๆ”
เมื่ออาจารย์วิสเวียสปรบมืออีกครั้ง พวกไทยมุงก็แตกรังกระจายออกไปคนละทิศละทาง …แน่นอนว่าไนติงเกลเองก็กระเถิบหนีออกมาเหมือน จึงทำให้ที่ตรงนั้นเหลือเพียงจูเลียซและเอียน
“พวกคุณสองคน…ต้องการดวลใช่ไหมคะ?”
“ครับผม!”
หนุ่มผมดำตอบอย่างกระตือรือล้น ส่วนองค์ชายรัชทายาทเองก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจเช่นกัน เมื่อเห็นอย่างนั้นอาจารย์สาวก็ก้มหน้าครุ่นคิด
อืมม…ตอนแรกเธอกะว่าจะให้ใช้วิธีจับฉลากเอาเพราะความขี้เกียจ แต่เมื่อเห็นดวงตาลุกโชนของจูเลียส…
“น่ารำคาญจัง…เลยตามเลยก็แล้วกัน”
ก็อก!
เธอใช้ส้นสูงเคาะเข้ากับพื้นสนามทันทีที่พูดจบ ก่อให้เกิดเสียงกังวาลดังไปทั่วโถงขนาดใหญ่
ครืนน!
และทันใดนั้นเองพื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้น!
“ก-เกิดอะไรขึ้น?!”
“ไม่รู้สิ- เฮ้ย คุณหนูไนติงเกล!”
เพราะการเกิดแผ่นดินไหวกระทันหันนั้น ทำให้ไนติงเกลแทบจะหล่นจากวีลแชร์ โชคดีที่พวกนักเรียนที่อยู่ข้าง ๆ เธอ พุ่งเข้ามาจับไว้ได้ทัน
“ข-ขอบคุณค่ะ”
ไนติงเกลกล่าวขอบคุณ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้จูเลียซกับเอียนที่มองมาด้วยความเป็นห่วง
‘จะว่าไปแล้ว…นี่มันสุดยอดเลยแฮะ’
เด็กสาวมองไปที่สิ่งก่อสร้างตรงกลางที่โผล่ขึ้นมากระทันหัน ไม่สิ ต้องเรียกว่าถูกสร้างขึ้นอย่างกระทันหันจะถูกกว่า
ตัวการที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหว คือแท่นประลองเรียบง่ายที่ถูกสร้างขึ้นจากปูน
เมื่อครู่ ทันทีที่อาจารย์วิสเวียสเคาะเท้าลงไป ทั่วทั้งอาคารก็สั่นไหวราวกับจะตอบสนองคำสั่งของเธอ พื้นปูนสนามถูกยกระดับขึ้นจนกลายเป็นเวทีขนาดย่อม
‘แต่ว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของวิสเวียส สตอร์มบอรี่ หากแต่เป็นสิ่งที่ทาเนสสร้างขึ้น’
สถาบันทาเนสถูกสร้างขึ้นด้วยเจตจำนงของกษัตริย์ไวน์เบิร์กที่ 2 เพราะงั้นที่ดินทั้งหมดของสถาบันก็ถือว่าเป็นเจตจำนงของท่าน ความสามารถของมันคือการตอบสนองความต้องการของบุคลลที่นับว่าเป็นบุคลการของโรงเรียน นั่นคือสิ่งที่ไนติงเกลนึกได้จากความทรงจำ
“เอาล่ะ…เชิญคู่แรกขึ้นไปบนเวที”
หลังจากได้เห็นฉากทั้งหมด ไม่รู้ทำไมจูเลียซถึงได้กลืนน้ำลาย เวลาได้ยินเสียงราบเรียบของอาจารย์…แต่แน่นอนว่าแค่นี้ไม่ทำให้เขาป๊อดไปได้หรอก!
ชายหนุ่มทั้งสองก้าวขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับคู่หูของตัวเอง ฝ่ายหนุ่มผมดำนั้นพบความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม ส่วนเจ้าชายก็เอาแต่เหลือบมองมาทางไนติงเกลตลอดเวลาแบบไม่มีใครเห็น
‘ใครไม่เห็น ตูเห็นเฟ้ย!’
เมื่อสังเกตุเห็นสายตาหงอยเหงาที่มองมา เธอก็ยกมือขึ้นตรงบริเวณอก จากนั้นก็ส่งภาษามือที่ถนัดในโลกก่อนไปให้เขา พร้อมกับขยับปากพะงาบ ๆ เผื่อในกรณีที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจภาษามือ
‘ห้าม ล้ม มวย นะเพคะ!!’
“…?”
แน่นอนว่าเอียนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันแปลว่าอะไร เขาจึงส่งสายตา ‘อิหยังวะ’ มาให้
เวรเอ้ย งั้นก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เข้าใจ ก็ทำอย่างนี้ไปเลยแล้วกัน!
…
ไนติงเกล ‘ชี้หน้า’
เอียน “…?”
ไนติงเกล ‘ปาดคอ’
เอียน “!”
โอ้ ดูเหมือนว่าจะได้ผล เพราะเจ้าชายดูไฟลุกโชนขึ้นมาแล้ว!
******************************************
หลังจากให้กำลังใจ(?)พระเอกเสร็จ ไนติงเกลก็เขยิบมาใกล้ ๆ อาจารย์ที่ปรึกษา เพราะว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุด เมื่อนักเรียนคนอื่นเห็นเธอทำแบบนั้น ก็พากันมาอออยู่ตรงนี้ด้วย
“เอ่อ…ทุกคนคะ”
บริเวณด้านขวาดของเวทีนั้นเงียบกริบไร้ผู้คน ส่วนด้านซ้ายที่มีอาจารย์วิสเวียสอยู่กลับแน่นเอียดประหนึ่งเป็นผู้อบพยพโรฮิงญา
“…ที่ก็ตั้งกว้างนะคะ”
แต่ถึงต่อให้พูดอย่างนั้นไป ก็ไม่มีใครยอมขยับ แม้แต่ขนาดบุตรีดยุคอย่างคุณหนูไนติงเกล ก็ยังนั่งนิ่งไม่ไปไหน อาจารย์วิสเวียสจึงได้แต่ถอนหายใจ
“ตามใจเลยค่ะ…จะเริ่มการประลองแล้วนะคะ เอ้า 3…”
หลังจากเริ่มนับถอยหลัง ทั้งคู่บนเวทีก็เริ่มตึงเครียดขึ้น
อีกฝั่งร้อนวิชา ส่วนอีกฝั่งโดนบังคับ ฝ่ายไหนจะชนะกันนะ?
“เอ้า 2”
“ฟู่ว…”
จูเลียซและแพนกวิ้นพ่นลมหายใจออกมา
“เอ้า 1…”
เปรี้ยะ!
โอเมก้าผมดำเริ่มชาร์ตเวทย์เสริมพลังกายไปที่ต้นขาของตัวเอง ก่อให้เกิดเป็นประกายสายฟ้าขึ้น
“0!”
และทันทีที่ถึงเลขศูนย์ เขาก็พุ่งตัวไปข้างหน้าทันทีโดยไม่รีรอ!
วิ้ง!
จูเลียซพุ่งตัวออกไปราวกับสายฟ้า ไม่ใช่แค่ลักษณะที่เหมือน แต่ความเร็วและความแรงเองก็ด้วย และทันทีที่เขาพุ่งชนเข้ากับเอียน เสียงระเบิดก็ดังขึ้น
เปรี้ยง! ราวกับมีสายฟ้าพุ่งลงมายังอีกด้านของเวที ควันและประจุไฟฟ้าลอยขึ้นตลบอบอวนไปทั่วทั้งสนาม
ทุกคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงคนสามคนเท่านั้นที่มองทัน รวมถึงคนที่มองไม่เห็นแต่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอีกหนึ่ง
“…อา”
ไนติงเกลถูกดันให้ถอยห่างออกมาถึง 1 เมตร บริเวณด้านหน้าของเธอกลายเป็นสีฟ้าน้ำทะเล มันคือบาเรียป้องกันที่อาจารย์วิสเวียสสร้างขึ้น
เธอเองก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอกลับรับรู้ว่าจูเลียซทำอะไรลงไป…
[สกิล ‘เสริมพละกำลังเฉพาะที่(สายฟ้า) LV. 6 ผู้ใช้ จูเลียซ ไอแซค’]
จูเลียซเริ่มเปิดศึกด้วยการพุ่งเข้าชนเจ้าชายอย่างเต็มแรง
“แม่ง…”
นั่นทำให้ไนติงเกลอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา แน่นอนว่าไม่มีใครได้ยิน
‘พระเอกเป็นไงบ้างวะเนี่ย?’
ผ่านไปหลายวินาที แต่ควันก็ยังพวยพุ่งออกมาจนน่าแปลกใจ และในตอนนั้นเองเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
‘เดี๋ยวนะ…ควัน?’
ฟวึ่บ! และทันใดนั้น ควันก็ถูกตวัดออกไปเป็นแนวยาวราวกับถูกแซ่ฟาด เผยให้เห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น
รัชทายาทผมสีน้ำเงินยืนตระหง่านอยู่ที่เดิมโดยไร้ซึ่งบาดแผล และที่เบื้องหน้าของเขาก็คือจูเลียซที่ถูกบาเรียน้ำอันงดงามสกัดหมัดเอาไว้
“เฮะ น่าสนุกดีนี่ รัชทายาท!”
ดวงตาสีฟ้าเบิกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูบ้าคลั่ง
Extra
คาปิบาร่า & แพนกวิ้น ‘ได้ข่าวว่าต้องให้พวกตูสู้กันไม่ใช่เรอะ…’