ความทรงจำแรกของเขาคือหิมะ
“อู…อา”
ทารกถูกวางทิ้งไว้ในย่านสลัมแห่งหนึ่ง ห่อผ้าน้อยโดดเด่นออกมาจากโลกสีขาว
“อู…แง…อุแว๊!!”
ทารกน้อยร้องไห้ท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีชื่อ ไม่มีแม้กระทั่งความสามารถในการเอาชีวิตรอด
ทั้งหมดที่เขาทำได้ มีแค่การร้องไห้เท่านั้น
“…ชิ”
ผู้คนที่ผ่านไปมาได้แต่ส่ายหน้า บ้างก็มองด้วยความสงสาร แต่ว่าไม่มีใครหยุดช่วยเลยสักคน
เพราะว่าพวกเขาเองก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่รอดเช่นกัน
“แว๊…แว๊”
กลางคืนกำลังจะมาถึง ความหนาวเย็นจะทวีคูณยิ่งกว่าเดิม สลัมไม่มีเตาผิง แม้แต่ไม้ขีดสักแท่งก็ยังไม่มี
ทุกคนต่างอาศัยอยู่ได้ด้วยการแย่งชิงเตนท์ของคนอื่น หรือไม่ก็กอดกันแนบแน่นเพื่อคลายความหนาว
พวกเขาไม่มีเวลามาใส่ใจทารกที่กำลังจะตายในไม่ช้า
“…”
และไม่นานนักเสียงร้องไห้ก็หยุดไป
…
พึบ ฟึบ…
ในตอนนั้นเอง ฝีเท้าอ่อนแรงก็ได้เดินย่ำพื้นหิมะเข้ามาใกล้
“…”
เด็กสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ชุดของเธอหลุดรุ่ย ชนิดที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเสื้อผ้า
แม้จะตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เพียงใด แต่เธอก็ยังคงเอื้อมมืออันสั่นเทาไปหาห่อผ้านั้น
กึก
ทารกน้อยที่ถูกยกขึ้นสัมผัสได้ถึงไออุ่นเป็นครั้งแรก
“…แอ๊”
สิ่งแรกที่เขาพบเห็นท่ามกลางโลกสีขาวนี้ คือใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเด็กสาวคนหนึ่ง
“อา…สวัสดี”
รอยยิ้มของเธอละลายความหนาวเหน็บของโลกไปจนหมด…
…
“จูเลียซ!”
เด็กสาวที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ตะโกนเรียกชื่อเขา
“ครับ?”
จูเลียซผู้มีใบหน้าน่ารักน่าชังตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“ลูกค้ามาแล้ว รีบไปแอบเร็ว!”
เด็กน้อยพยักหน้า ก่อนจะรีบมุดออกไปนอกเตนท์ และไม่นานนักเสียงผู้ชายแปลกหน้าก็ดังขึ้น รวมถึงเสียงของพี่สาวด้วย
“เวทย์ลวงตา เป็นสกิลระดับกลาง”
เด็กน้อยก้มลงอ่านหนังสือให้เงียบที่สุดเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่ก็ไม่อาจปกปิดดวงตาเป็นประกายของตัวเองได้
“โดยการใช้พลังเวทย์คลุมไว้ทั่วร่าง…”
…
พรึ่บ
“เรียนถึงไหนแล้วหรอ?”
พี่สาวของเขาโผล่หน้าออกมาจากในเตนท์
“พี่ฮะ!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น จูเลียซก็วิ่งเข้าไปกอดเธออย่างสุดแรง
“โอ๊ะ ๆ! เดี๋ยวก็ล้มหรอก”
โชคดีที่เขายังตัวเล็กอยู่ ทั้งคู่จึงยังไม่ล้มลงไปกองกับพื้น
“ดูสิ ๆ!”
มือน้อย ๆ ยื่นสมุดเก่าที่แสดงตัวอักษรที่เธอไม่เข้าใจมาให้
“ถึงสกิลลวงตาแล้ว!”
“โห! จูเลียซของเราเป็นอัจฉริยะสินะ ดีจังน้า~ พี่เองก็อยากมีเวทย์มนต์บ้างจัง”
“ฮี่ ๆ!”
เด็กชายผมดำยิ้มร่า ยามเมื่อมืออันหยาบกร้านวางลงบนศีรษะของเขา
“งั้นเดี๋ยวผมจะสอนให้เองนะ!”
“โอ้ จริงหรอ? จูเลียซเป็นเด็กดีจังน้า~”
คืนนั้นในเตนท์โทรม ๆ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของสองพี่น้อง ราวกับว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ที่มีความสุขที่สุดในโลก
แต่ว่าน่าเสียดายที่ความสุขนั้นช่างไม่ยืนยาวเอาเสียเลย…
…
วันต่อมา ขบวนของพ่อค้าทาสได้มาเยือนที่สลัมของพวกเขา
“ไปเอาตัวมาให้หมด อย่าให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
ชายวัยกลางคนตะโกนสั่งให้ลูกน้องไปจับเด็กที่อายุต่ำกว่า 11 ปี ออกมา
วิ้ง! ลูกแก้วสีแดงในมือเขาส่องสว่างขึ้น
ชื่อของมันคือ ‘ลูกแก้วแห่งการคัดสรรค์’
ตามชื่อของมัน สิ่งนั้นคืออุปกรณ์ที่พวกขุนนางและเศรษฐีใช้ในการระบุเพศที่ 2 ของทายาทตั้งแต่แรกเกิด
ปกติแล้วเพศที่ 2 จะตื่นขึ้นเมื่อตอนอายุ 11 ปี แต่ ‘ลูกแก้วแห่งการคัดสรรค์’ สามารถย่นระยะเวลาในการระบุได้ทันทีตั้งแต่เกิด
“เบต้า เบต้า เบต้า…ชิ แม่งมีแต่เบต้ารึไงวะ ออกไป! อย่าจับนาน ของกูแพงนะเว้ย!”
“โอ้ย!”
พ่อค้าทาสใช้เท้าถีบเด็กผู้หญิงที่ยังวางมือบนลูกแก้วอย่างลืมตัว
“ถุ้ย! มีแต่ขยะ”
ชายตัวใหญ่สั่งให้ลูกน้องทำงาน พลางสบถต่อไป จนกระทั่งยามถึงคิวของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
วิ้งง! ลูกแก้วสีแดงส่องสว่างขึ้นยามที่เด็กคนนั้นสัมผัสมัน
“…อัลฟ่า! อัลฟ่า!! ฮ่า ๆๆ วันนี้ดวงดีเว้ยเฮ้ย!”
“…เอ๋?”
พ่อค้าทาสตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะตบไปที่ไหล่ของเด็กคนนั้นอย่างเป็นกันเอง
สภาพจากหลังเท้าเป็นหน้ามือทำให้ผู้คนต่างพากันขนลุกไม่ได้…
“ไอ้หนู ยินดีด้วยแกเป็นอัลฟ่า! เตรียมเสวยสุขเป็นคุณชายได้เลย!”
“เอ่อ…”
เด็กผู้ชายคนนั้นค่อย ๆ หันกลับมามองครอบครัวด้วยใบหน้าไม่แน่ใจ
แต่สิ่งที่รออยู่คือสายตา ‘ริษยา’
“…”
และนั่นก็ทำให้เขาไม่กล้าหันกลับไปอีกเลย…
ทั้งหมดถูกแบ่งเป็นสองแถว
แถวแรกคือเบต้าที่พอหน้าตาดี ส่วนใหญ่จะโดนนำไปขายให้ซ่อง ไม่ก็โรงละครสัตว์
อัลฟ่าไม่ได้จัดเป็นแถว เพราะด้วยความที่มีเพียงคนเดียว และจะถูกขายแยกให้พวกเศรษฐีหรือขุนนางที่อยากได้ทายาท
ส่วนแถวสองคือ…
“แม่! แม่คะ ช่วยหนูด้วย!!”
“มิลลี่!! อย่าเอามิลลี่ ได้โปรด อย่าเอาลูกสาวฉันไ–”
พลั่ก!
“อย่ามาเกะกะนะเว้ย! อีนังกะXนี่!”
พ่อค้าทาสถีบหญิงวัยกลางคนจนล้มลงกับพื้น และด้วยความที่ขาดสารอาหาร ร่างกายผอมดุจกิ่งไม้จึงไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
แถวสองคือโอเมก้า
โอเมก้านั้นถูกเลือกโดยไม่สนรูปลักษณ์หรืออายุ ทุกคนที่ถูกระบุว่าเป็นโอเมก้าจะถูกพาไปทั้งหมด
และหนึ่งในนั้นก็มีพี่สาวของเขาอยู่ด้วย…
“…พี่ครับ”
จูเลียซถูกสั่งให้ซ่อนอยู่หลังเตนท์ เขาจึงได้แต่ยืนมองด้วยความกังวล
[สกิล ‘ภาพลวงตา’ LV.1 เปิดใช้งาน]
ขอบคุณหนังสือที่พี่หามาให้ บวกกับพรสวรรค์ของเขา จึงไม่มีใครตามหาจูเลียซเจอ
“ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยวพี่จะกลับมาพร้อมกับเงินเยอะ ๆ เลย!”
ตอนที่ขบวนพ่อค้าทาสมาถึง เธอได้สั่งให้เขาซ่อนตัว และห้ามส่งเสียงโดยเด็ดขาด
“เพราะงั้น…ดูแลตัวเองให้ดีจนกว่าจะถึงวันนั้นนะ”
มือหยาบกระด้างลูบผมของน้องชายด้วยความรักไคร่
“พี่รักเธอนะ”
หลังจากนั้นรถม้าก็ลับสายตาไป และจูเลียซก็ไม่ได้พบเธออีกเลย
…
จนกระทั่งผ่านไป 3 ปี เขาถึงได้พบเธออีกครั้ง
ตุบ!
ในสภาพศพที่ถูกนำมาโยนทิ้งไว้ข้างกองขยะ
“…พี่…ครับ?”
เขากล่าวออกมาอย่างไม่มั่นใจ เพราะว่าสภาพของร่างนั้นช่างแตกต่างจากในความทรงจำโดยสิ้นเชิง
‘ไม่ใช่ พี่ผมสีน้ำตาล’
แต่ผมของร่างนั้นถูกไฟเผาจนไหม้เกรียมเป็นสีดำ
“ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยวพี่จะกลับมาพร้อมกับเงินเยอะ ๆ เลย!”
‘พี่จมูกโด่งกว่านี้’
ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจนไม่เหลือชิ้นดี รวมถึงดั้งจมูกที่ยุบลงจนเห็นกระดูกสีขาว
“เพราะงั้น…ดูแลตัวเองให้ดีจนกว่าจะถึงวันนั้นนะ”
‘ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พี่’
“พี่รักเธอนะ”
“…”
ท่ามกลางหิมะที่ล่วงหล่นลงมา เด็กชายในวัย 8 ปี มองร่างกายของคนที่รู้จัก แต่ก็เหมือนไม่รู้จัก ด้วยสายตายากจะคาดเดา
“อา…”
มันเจ็บปวดเกินไปที่จะต้องยอมรับว่าพี่สาวของเขาไม่มีอยู่อีกแล้ว…
เขาจึงเลือกที่จะ ‘ปฏิเสธ’ ความจริงตรงหน้าไป
“…ต้องกลับบ้านแล้วสิ…”
ตึก ตึก
จูเลียซก้าวเดินต่อไป โดยเชื่อว่าสักวันหนึ่งคนที่เขารักจะกลับมา…