ความสุข…ปัจจัยของความสุข
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเรามีความสุข?
“…”
ประทานโทษนะคั้บ พี่คาดหวังให้ผ้มตอบว่าอะไรหรอคั้บ??
‘ไม่รู้โว้ยยย!! เอ็งเห็นตูหน้าเหมือนอริสโตเติลรึไง!’
ไนติงเกลยังคงปั้นสีหน้าเรียบเฉยเสมือนรูปปั้น ในขณะที่กำลังเหงื่อแตกพลั่ก ๆ อยู่ภายใน
“อะแฮ่ม…แล้วคุณคิดว่ายังไงบ้างคะ?”
ก่อนอื่นมาฟังความคิดของเขากันก่อนดีกว่า…
จูเลียซดูเหมือนจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว จึงตอบกลับมาทันที
“เงิน”
“…”
โอ้…โอเค
ฟู่ว…ไนติงเกลกลั้นความอยากที่จะถอนหายใจเอาไว้
ก็นะ ‘เงิน’ ไม่ใช่คำตอบที่ผิดหรอก กลับกันมันเป็นคำตอบที่เข้าใจได้ง่ายมากต่างหาก
ตัวเธอเองในโลกเก่าก็เคยวิ่งวุ่นหาเงินเป็นบ้าเป็นหลังอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นถึงได้เข้าใจ
…เพียงแต่ว่าพอได้ยินคำตอบออกมาตรง ๆ จากปากเด็กอายุ 17 เธอก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้…
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นหรอคะ…?”
ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังคงถามออกไป
‘มีใครไม่ต้องการเงินบ้างล่ะ?’
โชคดีที่จูเลียซไม่ได้หันมาพูดแบบนั้น แต่เขาทำเพียงนั่งก้มหน้ามองฝ่ามือตัวเอง เหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง
“…มิสไนติงเกลอาจจะรู้อยู่แล้ว ว่าผมถูกท่านบารอนเก็บมาจากสลัม”
‘ไม่อ่ะ ไม่รู้’
แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดออกไป
ในนิยายบอกเพียงแค่ว่า ‘จูเลียซไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของบารอนไอแซค’ แค่นั้น…ไม่ได้เล่าชีวิตสุดเศร้าเคล้าน้ำตาใด ๆ ของนายเอกเลย
‘ดูจากการที่ความทรงจำไม่ได้เด้งขึ้นมาเหมือนปกติ หมายความว่าไนติงเกลตัวจริงก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน…’
ระหว่างที่กำลังขุดความทรงจำ เธอก็ไม่ลืมที่จะสำรวจสีหน้าท่าทางของจูเลียซไปด้วย
“…ท่ามกลางความหนาวเหน็บ เขาเป็นคนยื่นมือมาช่วยผมออกไป”
ดวงตาสีน้ำทะเลเป็นประกายยามเมื่อพูดถึงผู้มีพระคุณของตน ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
“คุณคงจะเคารพท่านบารอนมากเลยสินะคะ”
“อื้ม! เพราะงั้นก็เลยอยากจะเป็นประโยชน์ให้ท่านน่ะ…”
ตรงจุดนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับบารอนไอแซคก็โผล่ขึ้นมาในสมองของไนติงเกล
‘ดินแดนอาซาเอล จำนวนประชากร 13,000 คน ปกครองโดย ‘บารอน เบอร์นาร์ด ไอแซค’ มีการค้างชำระหนี้พ่อค้าชนชั้นกลางเป็นจำนวนมาก’
“อยากจะตอบแทนบุญคุณน่ะ… อ้ะ ขอโทษด้วยนะ ดันพูดอยู่คนเดียวซะได้”
“ฮุฮุ ไม่เป็นไรค่ะ”
จูเลียซรู้สึกผิดมากที่ดึงเวลาอันมีค่าของอีกฝ่าย แต่พอเห็นว่าเธอไม่ได้มีท่าทีรำคาญอะไร เขาจึงผ่อนคลายมากขึ้น
‘ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะฉันใช้นายเป็นข้ออ้างโดดเรียนมาไงล่ะ! เพราะงั้นพูดยาว ๆ เลยก็ได้!’
ในระหว่างที่คาบดวลตัวต่อตัวยังคงดำเนินต่อไป ไนติงเกลที่หมดหวังในตัวสัตว์วิเศษของตน จึงใช้จูเลียซเป็นข้ออ้างในการหนีออกมา
“อะแฮ่ม! จะว่าไปแล้ว มิสเตอร์จูเลียซเนี่ยเก่งจริง ๆ นะคะ ที่อยู่ตัวคนเดียวในสถานที่นั้นมาโดยตลอด…”
ถึงแม้จะพูดออกไปเพื่อยื้อเวลา แต่ก็มีความจริงด้วยหลายส่วน
ไนติงเกลชื่นชมอีกฝ่ายที่สามารถเอาตัวรอดจากนรกที่เรียกว่าสลัมมาได้จริง ๆ
“อา…ไม่ได้ตัวคนเดียวหรอก ก่อนหน้านี้ ผมเคยมีพี่สาวอยู่คนหนึ่งน่ะ”
“พี่สาว…หรอคะ?”
ด้วยความที่เป็นนักอ่านตัวยง ไนติงเกลจึงค่อนข้างให้ความสนใจกับเนื้อเรื่องภูมิหลังของตัวละครมากเลยทีเดียว
‘นายเอกมีพี่ด้วยหรอ? อ๋อ เพราะงั้นเขาถึงมีชีวิตรอดในสลัมมาได้สินะ’
“ไม่ใช่พี่แท้ ๆ หรอก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เคยเลี้ยงดูผมมาเหมือนเป็นคนในครอบครัว…”
“…”
‘เคย’ ถ้างั้นก็แสดงว่าตอนนี้เธอไม่อยู่แล้วสินะ
ก็ไม่แปลกหรอก ผู้หญิงในสลัมมีชีวิตยังไง ไม่ต้องบอกก็รู้…ที่แปลกคือจูเลียซต่างหากที่รอดมาได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง แถมยังดวงดีเจอขุนนางรับไปเลี้ยงทั้ง ๆ ที่เป็นโอเมก้าอีก
‘จะบอกว่าเป็นพล็อตก็คงได้ล่ะเนอะ’
“เธอมีชื่อว่าอะไรหรือคะ?”
“…”
“มิสเตอร์จูเลียซ?”
หลังจากถามไป อยู่ดี ๆ ชายหนุ่มก็เงียบไปโดยไม่ทราบสาเหตุ…
ตอนแรกเธอคิดว่าเขาอาจจะไม่อยากพูดถึงเรื่องพี่ตัวเองเท่าไหร่ ไนติงเกลจึงเลือกที่จะเงียบปากลงเช่นกัน
แต่ทว่า…
“อะ…เอ้ะ จ-จำไม่ได้…?”
“…อะไรนะคะ?”
“ผมจำ…ชื่อเธอไม่ได้…ต-แต่ทำไม!?”
ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม
ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม
เขาถามซ้ำไปซ้ำมาด้วยความไม่เข้าใจ ในขณะเดียวกัน ไนติงเกลที่นั่งอยู่ตรงนั้นมีสีหน้าว่างเปล่า
‘นี่มันเกิดเรื่องเชี่ยอะไรขึ้นอีกเนี่ย…’