บทที่ 101 ตั้งครรภ์แล้ว
พอถึงหลังสามทุ่ม หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็พาเด็ก ๆ กลับบ้าน
ปีนี้เด็กชายทั้งสามต่างมีพลังเหลือล้นขณะเล่นเกม ปีที่แล้วเจ้าสามเล่นเกมยังไม่เป็น พอมาปีนี้เขาก็เข้าร่วมเล่นเกมกับพี่ ๆ เขาจึงมีท่าทางเหน็ดเหนื่อยในตอนนี้
เมื่อพวกเขาถึงบ้าน ทั้งผู้เป็นพ่อและแม่ก็วางเด็กทั้งสามบนเตียงในทันที
หลังหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ทำความสะอาดร่างกายเสร็จ พวกเขาก็ขึ้นไปนอนบนเตียงเตาเหมือนกัน จากนั้นโจวชิงไป๋ก็เอ่ยขึ้นมา “คุณแม่เพิ่งถามผมว่าทำไมคุณถึงยังไม่ท้องสักทีน่ะ”
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็คงจะถกกันเรื่องนี้ไม่หยุดตลอดฤดูหนาวนี้ เธอคลอดลูกชายมาสามคนแล้วทำไมต้องคลอดอีกคนล่ะ? เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบสักที?
“พี่สะใภ้สามลำบากกับการตั้งท้องมากค่ะ ฉันรู้เลยว่าหล่อนไม่สบายตัวขนาดไหนกับอาการแพ้ท้อง” หลินชิงเหอบอก
“คุณแม่บอกว่าสุขภาพของคุณแข็งแรงดี ตอนท้องเด็กผู้ชายคุณไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย” โจวชิงไป๋ตอบ
“จะแน่ใจได้ยังไงคะ พี่สะใภ้สามตอนสองท้องแรกก็ยังไม่มีปฏิกิริยาเลยเหมือนกัน แต่ครั้งนี้หล่อนกลับแพ้ท้อง” หลินชิงเหอแย้ง “คุณอยากให้ฉันเป็นแบบนั้นเหรอคะ?”
โจวชิงไป๋ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับเธอเลย แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าภรรยาไม่อยากมีลูกกับเขากันนะ?
“คุณอย่าคิดเลยค่ะว่าฉันไม่อยากมีลูกกับคุณ” หลินชิงเหอบอก
ต่อให้เธอไม่อยากคลอดลูก เธอก็บอกเขาไม่ได้
“ไม่จริงเหรอครับ?” โจวชิงไป๋ยักคิ้ว
เขามั่นใจ เขาถึงคิดแบบนั้น
หลินชิงเหอเอื้อมมือแตะใบหน้าหล่อเหลาของสามี “ถ้าฉันไม่อยากมีลูกกับคุณจริง ถ้างั้นเจ้าใหญ่กับน้อง ๆ จะมาจากไหนกันล่ะคะ?”
โจวชิงไป๋ไม่เอ่ยอะไร
“เมื่อก่อนคุณท้องเร็วมาก แต่ตอนนี้คุณกลับไม่ท้องเลย” โจวชิงไป๋เอ่ยขณะที่มือก็เริ่มเปลื้องผ้าเธอไปด้วย
หลินชิงเหอรีบหยุดมือเขาไว้ทันที “คืนนี้อย่าทำค่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
แต่แล้วเธอก็ไม่ได้พัก ทั้งคู่ทำกิจกรรมร่วมกันบนเตียงตั้งแต่สามทุ่มจนถึงเที่ยงคืน
“นั่นเสียงจุดพลุส่งท้ายปีนี่นา” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
โจวชิงไป๋จูบแก้มเบา ๆ พลางยิ้มกริ่ม “ภรรยาครับ นอนเถอะ”
หลินชิงเหอเห็นได้ชัดเจนว่าชายคนนี้ต้องการให้เธอมีลูกสาวจริง ๆ แต่ในเนื้อเรื่องต้นฉบับเธอไม่มีลูกสาวเลย หญิงสาวจึงรู้สึกว่าที่ตอนนี้เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ต้องเป็นเพราะพล็อตเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เธอไม่อยากมีลูกโดยบังเอิญ ดังนั้นจึงต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับการป้องกัน
แต่ดูจากความถี่ที่เขาทำแล้ว บางทีเขาอาจเปลี่ยนแปลงเส้นเรื่องเดิมก็เป็นได้หรือเปล่านะ?
หลินชิงเหอไม่กล้าหลับยาวในวันปีใหม่เพราะน้องชายสามตระกูลหลินจะพาครอบครัวมาเยี่ยม เธอจึงตื่นนอนราวแปดโมง
จากนั้นตอนเก้าโมง น้องชายสามตระกูลหลินและภรรยาก็มาหา
เดิมทีพวกเขาตั้งใจแค่มาเยี่ยมชั่วขณะหนึ่งแล้วก็กลับไปโดยไม่อยู่ทานอาหารกลางวัน แต่แล้วพวกเขาก็ต้องอยู่ทานอาหารด้วย
ในวันปีใหม่ที่ญาติพี่น้องมาเยี่ยมทั้งที พวกเขาจะกลับไปพร้อมกับท้องที่ว่างเปล่าได้อย่างไรล่ะ
เมื่อเห็นท่าทีของสะใภ้สามตระกูลหลินในตอนนี้แล้ว หลินชิงเหอก็ไม่สนใจเรื่องในอดีตอีก เธอคงไม่อยากให้เจ้าใหญ่กับน้อง ๆ ไม่มีน้าชายกับน้าสาวหรอกถูกไหม?
ดังนั้นแล้ว เธอจึงขอให้พวกเขาอยู่ทานอาหารกลางวัน
อาหารกลางวันของวันนี้ดูราวกับอาหารงานเลี้ยง มันอาจเป็นมาตรฐานสำหรับครอบครัวของเธอ แต่สำหรับน้องชายสามและสะใภ้สามตระกูลหลินแล้ว มันดูหรูหราระดับอาหารเหลาเลยทีเดียว
และการที่พวกเขามาเยี่ยมในครั้งนี้เองก็ทำให้หลินชิงเหอทราบว่าเป็นเพราะปีที่แล้วสะใภ้สามตระกูลหลินที่คลอดลูกสาวคนที่สองไม่ได้รับแม้กระทั่งไข่ฟองเดียวจากบ้านใหญ่ ทั้งคู่จึงแยกครอบครัวออกมา
พวกเขาได้รับเงินอันน้อยนิดและอาหารเพียงบางส่วน ซึ่งก็เป็นอย่างที่คาดไว้ มันไม่พอเลี้ยงพวกเขาหรอก
“ตอนนี้คุณเห็นแล้วใช่ไหมคะว่าพ่อแม่ตระกูลหลินมีนิสัยยังไงกันบ้าง” หลินชิงเหอเอ่ยกับโจวชิงไป๋หลังส่งครอบครัวน้องชายกลับไปแล้ว
ครั้งนี้เธอได้ยินมาจากปากน้องสะใภ้เองว่าตอนที่แยกครอบครัวกันนั้น พวกเขาสองคนได้เงินแค่ 10 หยวนและอาหารอีกนิดหน่อย เห็นชัดว่าอาหารปริมาณน้อยนิดเท่านั้นมันไม่พอกิน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรัดเข็มขัดไว้
เธอไม่ชอบถามเรื่องแบบนี้เลย แต่เป็นสะใภ้สามตระกูลหลินที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขณะช่วยเธอทำอาหาร
โจวชิงไป๋ไม่ตอบ เนื่องจากคนที่ถูกกล่าวถึงเป็นพ่อตากับแม่ยายของเขา
“เราควรช่วยพวกเขาดีไหม?” ชายหนุ่มถามเพียงเท่านี้
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ พวกเขาไม่ได้ร้องขอเรา รอให้พวกเขาขอแล้วเราถึงจะช่วยดีกว่า ครอบครัวเราเองก็ยังจะเอาตัวไม่รอดกันเลยเหมือนกัน” หลินชิงเหอบอก
โจวชิงไป๋พยักหน้าและไม่เอ่ยอะไร
เมื่อถึงวันแรก ๆ ของเทศกาลปีใหม่ ทั้งครอบครัวก็ไปเยี่ยมบ้านตระกูลโจว เธอเล่นไพ่กับบรรดาสะใภ้เพื่อฆ่าเวลา ขณะที่เด็ก ๆ วิ่งเล่นกันอย่างมีความสุข ซึ่งเรื่องนี้หลินชิงเหอไม่ได้เข้าไปยุ่ง พวกเขาโตพอแล้วและเด็กผู้ชายก็ไม่ควรจะอยู่นิ่ง ๆ
มีแค่เจ้าสามเท่านั้นที่ยังเด็กเกินไปและไม่อาจปล่อยให้ตามพี่ ๆ ไปได้ เขาจึงอยู่แต่ในบ้านตระกูลโจว
แล้ววันปีใหม่ก็ผ่านไปอีกวันหนึ่ง และเข้าสู่วันที่สองอันเป็นวันที่บรรดาลูกสาวที่แต่งงานแล้วจะต้องมาเยี่ยมบ้านของตนเอง
หลินชิงเหอไม่ได้ออกไปไหนเพราะรอพบโจวเสี่ยวเม่ยในวันนี้โดยเฉพาะ แต่โจวเสี่ยวเม่ยก็ไม่ได้กลับมาอย่างที่คาดคิดไว้ กลับเป็นซูต้าหลินที่มาหาแทน
“เสี่ยวเม่ย…กะ…กำลังท้องอยู่…หล่อน…หล่อนแพ้ท้องหนักมาก…ผมเลย…ผมเลยมา…คนเดียวครับ” ซูต้าหลินเอ่ยตะกุกตะกัก แต่น้ำเสียงของเขาก็ไม่อาจเก็บความปิติยินดีไว้ได้
ชายที่แก่กว่าคนนี้เป็นโสดมานานหลายปี ปีที่แล้วเขาเพิ่งได้แต่งภรรยาเข้าบ้านและในปีนี้ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตคนคนหนึ่งแล้วถูกไหม?
“เยี่ยมไปเลยค่ะ คุณกลับบ้านไปบอกหล่อนนะคะว่าเราจะไปหาหล่อนในเมืองวันพรุ่งนี้” หลินชิงเหอรู้สึกดีใจแทนโจวเสี่ยวเม่ยและตอบด้วยรอยยิ้ม
“ครับ” ซูต้าหลินยิ้มกริ่มอย่างเห็นด้วย
เพราะโจวเสี่ยวเม่ยอยู่คนเดียวที่บ้านและกำลังตั้งครรภ์ ซูต้าหลินจึงรีบกลับไปหลังจากฝากของขวัญเป็นเหล้ากับน้ำตาลที่นำติดตัวมาแล้ว
พี่สาวคนโตกับพี่สาวคนรองรวมถึงสามีของพวกหล่อนก็กลับมาเยี่ยมด้วย
โจวเสี่ยวเจวียนพี่สาวคนโตและโจวเสี่ยวจวีพี่สาวคนรองต่างเป็นลูกคนโตของบ้านทั้งคู่ เนื่องจากพวกหล่อนแต่งงานออกจากบ้านไปนานแล้ว หลินชิงเหอจึงไม่คุ้นเคยกับพวกหล่อนเท่าไหร่ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ผิวเผินนัก
เช่นเดียวกับสะใภ้สาม
เนื่องจากสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองแต่งงานกันเร็ว พวกหล่อนกับพี่สาวบ้านโจวสองคนนี้จึงใกล้ชิดกันมากกว่า
หลินชิงเหอได้แต่ไปตามน้ำและพูดคุยตามมารยาท
“ปีนี้สะใภ้สี่ดูทำตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่าน ๆ มานะ” เมื่อหลินชิงเหอกลับบ้านไปแล้ว พี่สาวคนโตก็พูดกับสะใภ้ใหญ่
“แม่เจ้าใหญ่ตอนนี้นิสัยดีมากแล้วค่ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ
“นิสัยดีอะไรกันล่ะคะ? พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง พวกคุณคงยังไม่รู้สินะคะว่าคราวที่แล้วฉันแค่วิจารณ์หล่อนนิดหน่อย หล่อนถึงกับจับฉันเหวี่ยงทุ่มลงพื้น” สะใภ้รองแค่นเสียง
“อะไรนะ?” พี่สาวทั้งสองคนต่างอึ้งไป
“เรื่องมันเกิดเมื่อนานมาแล้วค่ะ แล้วเราก็เห็นกันหมดว่าเป็นสะใภ้รองที่ผลักหล่อนก่อน” สะใภ้ใหญ่ตอบเสียงเรียบ
สะใภ้สามเองก็ยิ้ม “คุณพ่อกับคุณแม่ก็เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยนะคะ”
สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นแววรังเกียจในดวงตาของกันและกัน สะใภ้รองช่างฟื้นฝอยหาตะเข็บไม่เลิกจริง ๆ ทั้งที่วันนี้เป็นวันปีใหม่แล้ว!
สะใภ้รองกลอกตา “ตอนนั้นฉันยังไม่ท้องนี่คะ ถ้าฉันท้องแล้วโดนหล่อนจับทุ่มแบบนั้น ฉันก็จะคอยดูว่าหล่อนจะรับผิดชอบยังไง!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทั้งสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามก็หันมามองหล่อน สะใภ้รองเห็นดังนั้นแล้วก็ประกาศออกมาด้วยท่าทางภาคภูมิใจเล็ก ๆ “ฉันท้องได้เกือบเดือนแล้วค่ะ”
ใช่แล้ว หล่อนเองก็ตั้งครรภ์เหมือนกัน
สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามจึงเอ่ยแสดงความยินดีกับหล่อน จากนั้นก็ไม่มีอะไรต่อเพราะการตั้งครรภ์ไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับพวกหล่อน
“เป็นเรื่องน่ายินดีจริง ๆ นะจ๊ะ” พี่สาวคนโตกับพี่สาวคนรองบ้านโจวเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มทำลายบรรยากาศคุกรุ่นนี้ลง
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พ่อกลัวว่าตัวเองหมดน้ำยาใช่ไหมคะเลยทำน้องกับแม่ใหญ่เลย น่าสงสารเขาจังค่ะ 555
เสี่ยวเม่ยท้องแล้ว ยินดีด้วยค่า
เอาปากไว้กินอาหารอร่อย ๆ เถอะสะใภ้รอง ปีใหม่แล้วก็ยังแซะแม่ไม่เลิกเลย ระวังลูกเกิดมาปากจัดเหมือนตัวเองนะคะ
ไหหม่า (海馬)