บทที่ 119 ซูเฉิงน้อย
ลูกชายของโจวเสี่ยวเม่ยกับซูต้าหลินมีชื่อว่าซูเฉิง
ซูเฉิงน้อยเติบโตได้อย่างงดงามและน่ารักมาก เนื่องจากได้รับพันธุกรรมหน้าตาดีทั้งหมดของโจวเสี่ยวเม่ยกับซูต้าหลินมา
เมื่อรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายของคุณอาหญิงกับคุณอาเขย เจ้าใหญ่ เจ้ารอง กับเจ้าสามเลยมาเยี่ยมเขา
หลินชิงเหอเองก็บอกกับท่านแม่โจวว่าหากมีเรื่องด่วนอะไร ก็พาเด็กมาให้เธอช่วยเลี้ยงดูได้
จากนั้นหลินชิงเหอก็ไปสนทนากับสะใภ้สาม
“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับบ้านนั้นเหรอคะ? ทำไมไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวอะไรเลย” หลินชิงเหอเอ่ยแล้วก็พยักเพยิดไปทางห้องของสะใภ้รอง
สะใภ้สามเลยตอบแบบถากถาง “หลังจากที่เสี่ยวเม่ยกับน้องเขยกลับบ้านไปเมื่อวาน หล่อนก็หาเรื่องตีวัวกระทบคราดมากมายจนทำให้ทั้งครอบครัวอยู่ไม่เป็นสุข ลุงสองของอู่นีทนไม่ไหวเลยทะเลาะกับหล่อน หล่อนเลยเก็บข้าวของของตัวเองตั้งแต่เช้าวันนี้แล้วก็กลับบ้านฝั่งแม่ไปแล้วน่ะ”
“หล่อนกลับไปที่บ้านตระกูลเฉินของหล่อนนี่เอง มิน่าล่ะคะฉันถึงนึกว่ามีอะไร” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยแววตาประหลาดใจ
“หล่อนทำอย่างกับว่าทางตระกูลโจวปฏิบัติแย่ ๆ ใส่หล่อนอย่างนั้นแหละ” สะใภ้สามเอ่ยด้วยความหมั่นไส้
“หล่อนเชื่อว่าตระกูลโจวของเราเป็นฝ่ายรังแกหล่อนไปฝ่ายเดียวน่ะค่ะ การไม่เคารพหล่อนถือว่าเป็นการรังแกหล่อนแล้ว” หลินชิงเหอเอ่ย
“ใครจะตามใจหล่อนในเรื่องแบบนั้นกันล่ะ!” สะใภ้สามตอบ
“อย่าพูดถึงหล่อนอีกเลยค่ะ ตอนนี้พี่ต้องพักฟื้นฟูร่างกายให้เยอะ ๆ พี่ไม่ต้องแก้ปัญหาตรงนั้นก็ได้ค่ะ มันไม่ง่ายเลยที่จะดูแลเด็กสองคน พี่ต้องทานสิ่งที่ควรต้องทานนะคะ” หลินชิงเหอบอก
“พี่รู้แล้วจ้ะ” สะใภ้สามยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงสิ่งของที่หล่อนได้รับเมื่อวานนี้
สะใภ้สามไม่แย้งใด ๆ ในเรื่องของบำรุงร่างกาย เมื่อคืนนี้ซูเฉิงน้อยไม่ได้นอนกับหล่อนแต่นอนกับแม่สามีของหล่อน เมื่อเขาเกิดหิวขึ้นมานางก็จะพามาให้หล่อนให้นม และหล่อนเองก็ต้องตื่นขึ้นมาให้นมกับลูกสาวของตนเองในกลางดึกด้วย ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวล
เป็นแบบนี้แล้ว ซูเฉิงน้อยจึงอยู่ในบ้านตระกูลโจวอย่างสุขสบาย
เจ้าใหญ่กับน้องๆ เริ่มชอบซูเฉิงน้อยมากขึ้นและมาเยี่ยมเยียนเป็นบางครั้งบางคราว
แม้ว่าเจ้าสามจะถามว่า น้องชายตัวน้อยกินได้หรือยัง? ในทุกครั้งที่เขาได้ของกินอร่อย ๆ
อย่างเช่นวันนี้ที่พวกเขากินหงโต้วเกา(1) เจ้าสามก็ถามอีกครั้ง “น้องชายตัวน้อยของผมกินได้หรือยังครับ?”
“ยังหรอก” โจวชิงไป๋ตอบ
“เมื่อไหร่เขาถึงจะกินได้ล่ะครับ?” เจ้าสามถาม
โจวชิงไป๋ไม่รู้เรื่องนี้เพราะไม่ได้ติดตามดูการเจริญเติบโตของลูกชายทั้งสาม เมื่อชายหนุ่มตอบคำถามไม่ได้เขาก็หันไปหาภรรยา
จริง ๆ แล้วหลินชิงเหอก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนที่เธอทะลุมิติมา เจ้าสามก็มีอายุมากกว่าหนึ่งขวบแล้ว เธอเลยตอบไปว่า “เขาจะกินได้ก็ตอนอายุประมาณหนึ่งขวบแล้วน่ะ”
“แม่ ทำไมครอบครัวผมไม่มีน้องชายล่ะครับ” เจ้าสามถามแม่ของเขาต่อ
“ใครบอกว่าเราไม่มีล่ะ? ลูกน่ะเป็นน้องชายคนเล็กของพี่ใหญ่กับพี่รองไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่าพี่ใหญ่ก็มีลูกกับพี่รองเป็นน้องชายของเขาหรือยังไง?” หลินชิงเหอตอบ
“แต่ผมอยากได้น้องชายนี่ครับ” เจ้าสามเอ่ยขณะมองแม่ “ผมอยากให้แม่มีน้องชายให้ผมอีกคนหนึ่ง”
อย่าประมาทเพราะเห็นว่าเขายังเป็นเด็กเชียว ต่อให้เขายังเด็ก เขาก็แยกแยะได้ชัดเจนว่าเขากับพี่ชายทั้งสองเกิดจากพ่อแม่เดียวกัน พวกเขาจึงนอนด้วยกันได้ หากไม่ใช่พี่น้องที่มาจากพ่อแม่เดียวกันแล้วพวกเขาก็จะไม่นอนด้วยกัน
หลินชิงเหอล่ะอยากต่อยใครบางคนจริง ๆ โจวชิงไป๋อยากมีลูกไม่เป็นไรหรอก แต่เจ้าเด็กนี่ดันอยากมีน้องด้วยนี่สิ
“ตอนนี้ลูกเป็นลูกคนเล็กของครอบครัวอยู่นะ ถ้าแม่คลอดน้องชายหรือน้องสาว ลูกก็จะไม่ใช่ลูกคนเล็กนะ ของอร่อย ๆ ก็ต้องแบ่งกับน้องชายหรือน้องสาวของลูก ลูกยอมเหรอ?” หลินชิงเหอบอก
ใบหน้าของเจ้าสามฉายแววลังเล
“แม่ครับ มีน้องเถอะครับ ผมมีอะไรจะแบ่งให้น้องสาวเอง แค่แม่ต้องมีน้องสาวให้ผม ผมมีน้องชายสองคนแล้ว ไม่อยากมีเพิ่มอีกคนแล้ว” เจ้าใหญ่แทรกขึ้นมา
“ผมอยากได้น้องสาวเหมือนกันนะครับ” เจ้ารองพยักหน้า
“แม่ครับ มีน้องเถอะ ผมจะแบ่งของกินให้น้องชายหรือน้องสาวผมกิน ผมไม่มีน้องชายหรือน้องสาวเลย ผมอยากได้ทั้งคู่ แม่มีทั้งน้องชายกับน้องสาวให้ผมนะครับ!” เจ้าสามคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยตอบ
หลินชิงเหอหันไปมองโจวชิงไป๋และก็ได้สบกับสายตาร้อนแรงของชายหนุ่ม
แต่ว่า…
เธอมีลูกไม่ได้ เธอทำหมันไปแล้ว แล้วจะคลอดลูกได้อย่างไรล่ะ!
“ลูก ๆ นี่น่ารำคาญจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะให้แม่รอคลอดออกมา ตอนนี้พวกลูกยังอยากให้แม่คลอดน้องเพื่อมารับใช้อีก ช่างเข้าข้างกันดีนักนะ น้องสาวหรือน้องชายจากป้าสะใภ้ทั้งสามก็เป็นน้องสาวน้องชายลูกเหมือนกันนั่นแหละ” หลินชิงเหอโบกมือ
จากนั้นเธอก็หยุดพูดกับเด็ก ๆ และเรื่องมีน้องเพิ่มก็จบลงเท่านี้ หญิงสาวไม่รู้จะตอบคำถามกลุ่มเด็กชายตัวเหม็นที่นับวันจะพูดมากอย่างไรดีหากพวกเขาคุยกันต่อไป
หลินชิงเหอกลับบ้านไปทำความสะอาดห้องของเธอ
วันนี้แสงแดดจัดดีมาก เธอจึงนำผ้านวมทั้งหมดที่ใช้ในฤดูหนาวปีนี้ไปตากแดด
แล้วโจวชิงไป๋ก็เข้ามา
“คุณมาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ รีบเอาผ้านวมออกไปเร็ว เราต้องเอาผ้านวมผืนใหญ่สองผืนนี้ของเราไปตากแดดนะคะ” ทันทีที่หลินชิงเหอเห็นเขา เธอก็สั่งให้เขาทำงาน
ผ้านวมผือนใหญ่สองผืนนี้เธอเป็นคนเอามา ผืนหนึ่งหนัก 7 ชั่งและมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ มันใหญ่พอที่จะห่มได้แม้จะมีโจวชิงไป๋สามคนเลยทีเดียว
“ไม่เหมือนกันนะ” โจวชิงไป๋เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ในตอนแรกหลินชิงเหอไม่ได้คิดมากนัก แต่พอเธอนึกออกก็ถึงกับนิ่งไป เพราะมันเป็นคำตอบของประโยคคำถามที่เธอตัดบทกับเด็ก ๆ
“มีน้องท้องเดียวกับพวกเขาสักคนหนึ่งสิ พวกเขาจะได้ชอบมากกว่านี้” โจวชิงไป๋จ้องมองภรรยา
หลินชิงเหอยิ้มหวานให้เขา “ฉันรู้แล้วล่ะค่ะ ฉันก็ไม่ได้บอกนี่คะว่าจะไม่คลอดอีกคน เพียงแต่บุญวาสนายังมาไม่ถึงไม่ใช่เหรอคะ?”
โจวชิงไป๋พยักหน้าและตัดสินใจว่าเขาจะขยันทำมากกว่านี้
ต้องบอกว่าโจวชิงไป๋อิจฉาพี่ชายทั้งสามของเขาจริง ๆ พวกเขามีทั้งลูกชายและลูกสาว แม้เขาจะมีลูกชายแต่ก็มีแค่ลูกชายติดกันสามคนและไม่มีลูกสาวแม้แต่คนเดียว
หากลูกสาวของเขาเกิดมามีหน้าตาเหมือนภรรยา เธอจะต้องสวยมากแน่ ๆ
หลินชิงเหอกระแอมและเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง “ปีนี้มาทำผ้านวมผืนใหม่ให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณเถอะค่ะ ครั้งที่แล้วฉันเห็นว่าผ้านวมของคุณพ่อคุณแม่เก่ามากเลย มันคงจะใช้คลุมฟูกได้ในปีนี้ แต่คงใช้ห่มนอนไม่ได้หรอกค่ะ”
“ถ้าคุณคิดว่าดีก็ทำเลย” โจวชิงไป๋ตอบ
เขาไม่เข้าไปยุ่งเรื่องเหล่านี้มากนัก เรื่องต่าง ๆ ล้วนขึ้นอยู่กับการจัดการของเธอ
หลินชิงเหอพยักหน้า “รอจนกว่าฝ้ายในช่วงนี้จะวางขายก่อนนะคะ คุณกับลูก ๆ ไม่มีอะไรต้องทำเพิ่มแล้ว เสื้อผ้าปีที่แล้วก็ยังใส่ได้อยู่ ฉันจะถักเสื้อกั๊กให้พวกคุณแต่ละคนแล้วกันนะคะ ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ต้องหนาวจนแข็งกัน”
โจวชิงไป๋รู้ดีเกี่ยวกับความเอาใจใส่ของเธอ ไม่มีอะไรที่เธอจัดการไม่ได้ ยกเว้นเรื่องมีลูกสาวเท่านั้นที่เขาจนปัญญา
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมภรรยาของเขาถึงไม่ตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงตอนนี้
“ช่วงเก็บตัวฤดูหนาวปีนี้ ผมจะพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลนะ” โจวชิงไป๋เอ่ย
“ได้ค่ะ” หลินชิงเหอวางแผนจะสารภาพกับเขาเมื่อถึงตอนนั้น เรื่องแบบนี้ไม่อาจปกปิดไว้ได้ตลอดไปหรอก ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องรู้ เพราะชายคนนี้อยากมีลูกเพิ่มมากจริง ๆ
แต่เธอให้กำเนิดลูกไม่ได้ ดังนั้นหนทางเดียวที่ทำได้คือสารภาพ
ตอนนี้โจวชิงไป๋กำลังยุ่งเพราะการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงได้เริ่มขึ้นในช่วงเวลานี้
ทันทีที่โจวชิงไป๋เข้าร่วมการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วง หลินชิงเหอก็เริ่มทำซอสพริก
มันทำให้เธอรู้สึกถึงความเผ็ดร้อนมากขึ้น
แต่ผู้ชายของเธอเหมือนจะชอบอาหารเผ็ด ต่อให้เธอต้องเสียสละ เธอก็จะทำเพื่อเขา
…………………………………………………………………………………
เค้กถั่วแดงของจีน (紅豆糕) ทำมาจากถั่วแดงบดผสมน้ำตาลกับแป้งอัดใส่พิมพ์ก่อนจะนำไปนึ่ง (จาก http://sweetheartkitchen.com/recipes/red-bean-cake/)
สารจากผู้แปล
ไม่ใช่แค่พ่อคนเดียวที่อยากได้ลูกสาว เด็ก ๆ ก็อยากได้น้องสาวเหมือนกัน แม่ผู้ทำหมันไปแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะเนี่ย
พ่อจะรู้ความจริงเมื่อไหร่ ติดตามตอนต่อไปนะคะ
ไหหม่า (海馬)