บทที่ 129 ไปตรวจร่างกาย
สำหรับคนทั่วไปในทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าเรื่องในตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดหรือ?
ผลผลิตปีนี้นับว่าอู้ฟู่ไม่แพ้กัน ตราบใดที่พวกเขาทำงานหนัก ทุกบ้านก็จะมีอาหารเพียงพอต่อการกินในช่วงฤดูหนาว
ตอนนี้ข้าวสาลีฤดูหนาวได้รับการปลูกเรียบร้อยและฝ่ายผลิตก็ทำการแบ่งเนื้อกันไปแล้วเหมือนกัน ในวันสิ้นปีจะมีการแบ่งผลผลิตกันอีกครั้ง คนธรรมดาเองก็จะได้กินอาหารดี ๆ สักมื้อ ช่วงเวลาตอนนี้ช่างงดงามนัก
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็คิดอย่างนั้น คนอื่น ๆ รุ่นเดียวกันกับพวกเขาในหมู่บ้านจะไม่คิดแบบนี้หรือ?
โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ผ่านช่วงเวลาแห่งการอดอาหารมา 3 ปีเต็ม การมีชีวิตที่สงบสุขและมั่นคงในตอนนี้ก็เหมือนกับเป็นบุญของพวกเขาแล้ว
หลังจากแบ่งเนื้อแล้ว อาหารที่บ้านก็นับว่าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม้หลินชิงเหอจะมีความเป็นอยู่ค่อนข้างอู้ฟู่เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ในยุคนี้ ความจริงแล้วครอบครัวของเธอไม่ได้กินเนื้อกันทุกมื้อหรอก
ต่อให้มีเนื้ออยู่ มันก็เป็นแค่เศษเนื้อเท่านั้นแหละ
ส่วนไข่นั้นทานทุกวันได้
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสะดุดตาเท่าไหร่แล้วในตอนที่สามารถทำอะไรอย่างเปิดเผยได้เหมือนอย่างตอนนี้
เช้าตรู่วันต่อมา โจวชิงไป๋ขี่จักรยานไปหาฟืนอีกครั้ง ในสองวันที่ผ่านมาเขารวบรวมฟืนมาได้มากและเก็บไว้ในสวนหลังบ้าน ซึ่งบางส่วนก็ยังไม่แห้ง เพราะลมตอนนี้ค่อนข้างหนาวเย็น มันจึงแห้งเพียงเล็กน้อย
หลินชิงเหอทำซาลาเปาโดยมีเจ้ารอง เจ้าสาม กับท่านแม่โจวมาช่วย
กากหมูของเมื่อวานยังคงเหลืออยู่ ต่อให้เด็ก ๆ จะทานเล่นกันไปแล้วเล็กน้อย แต่มันก็ยังเหลืออีกเยอะมาก แม้พวกเขาจะตะกละตะกลามอยากกินกากหมูอีก แต่เมื่อรู้ว่ากากหมูส่วนนี้ต้องนำมาทำเป็นไส้ซาลาเปา พวกเขาก็เลยยั้งใจไว้ได้
พวกเขาลองนับวันดูก็พบว่าไม่ได้กินซาลาเปาหมูกันมานานแล้ว
ความจริงแล้วในมิติของหลินชิงเหอยังมีซาลาเปาหมูเหลืออยู่เพียงหนึ่งในสาม ซึ่งเธอมักจะหยิบออกมาให้สามพี่น้องได้กินเป็นบางครั้งบางคราว
จากนั้นเธอก็จะบอกพวกเขาว่าซื้อมันมาจากในอำเภอ และให้พวกเขากินในช่วงที่พวกเขาไม่มีเนื้ออยู่ที่บ้านเท่านั้น
โจวชิงไป๋เองก็ได้กินเป็นบางครั้ง หลังจากนั้นเมื่อเธอให้เขากิน เขาก็ไม่เคยกินมันอีกเลย แต่กลับคะยั้นคะยอให้เธอกินแทน
ท่านแม่โจวยังรู้นิสัยหลินชิงเหอสะใภ้คนนี้อยู่บ้าง นางจึงไม่ได้ว่าอะไรในเรื่องที่พวกเขาทำซาลาเปากันวันนี้
หลังทานอาหารเช้าเสร็จนางก็เข้ามาช่วย
ส่วนท่านพ่อโจวออกไปคุยกับคนอื่น ๆ ก่อนที่จะออกไปเขาก็ถามว่ามื้อกลางวันมีอะไรกินบ้างเมื่อเขากลับมาแล้ว และได้รับคำตอบว่าเป็นซาลาเปาแป้งขาวของโปรดของเขา
เนื่องจากมีท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวร่วมทานด้วย หลินชิงเหอจึงทำมากขึ้น แต่กากหมูที่มีอยู่อย่างจำกัดทำให้เธอทำเพิ่มได้ไม่มากนัก
บางทีอาจพอกินในหนึ่งมือ
“พอกินสองมื้ออยู่ล่ะ หุงโจ๊กมากินด้วยสิแล้วก็เก็บไว้กินมื้ออื่นบ้าง” ท่านแม่โจวบอก
ในความคิดของหลินชิงเหอ แค่มีซาลาเปานึ่งเป็นอาหารกลางวันก็พอแล้ว แล้วตอนกลางคืนเธอก็ค่อยทำเกี๊ยวเห็ด แต่หลังจากฟังข้อเสนอของท่านแม่โจวแล้ว เธอก็ไม่คัดค้าน
หุงโจ๊กข้าวฟ่างมากินกับซาลาเปาด้วยก็ดีเหมือนกัน
ในตอนเที่ยง ซาลาเปาแสนอร่อยก็เสร็จสมบูรณ์ เจ้าใหญ่ทานซาลาเปาขนาดเท่าฝ่ามือเข้าไปสามลูกและกินโจ๊กข้าวฟ่างเข้าไปหนึ่งชาม
เจ้ารองเองก็กินสามลูกเหมือนกัน แต่กินโจ๊กข้าวฟ่างเพียงครึ่งชามเท่านั้น
ส่วนเจ้าสามยังเล็กนัก แม้เขาอยากจะกินมากกว่านี้ แต่เขาก็กินไม่ไหวแล้ว เขากินได้มากที่สุดก็แค่ซาลาเปาสองลูกกับโจ๊กข้าวฟ่างครึ่งชาม
เขากินเป็นปริมาณพอ ๆ กับหลินชิงเหอ ซึ่งเธอกินซาลาเปาไปหนึ่งลูกคู่กับโจ๊กข้าวฟ่างสองชาม
เธอชอบกินโจ๊กข้าวฟ่างมากกว่า ส่วนซาลาเปาไส้กะหล่ำปลีชุ่มน้ำมันนี้เธอมีความรู้สึกว่ามันมีรสชาติธรรมดาสำหรับเธอ
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวทานจุมาก ทั้งคู่อายุมากแล้วแต่ก็ยังแข็งแรง เดิมทีพวกเขาทานกันคนละสามลูก แต่หลินชิงเหอรู้ว่ามันไม่พอสำหรับสามีภรรยาชราคู่นี้ก็เลยให้แต่ละคนได้กินเพิ่มอีกคนละลูก
หลังทานกันเสร็จแล้ว มันก็เหลือซาลาเปาที่ทำกันในตอนเช้าอยู่ไม่มาก เมื่อโจวชิงไป๋กลับมาถึงบ้านหลังบ่ายโมง หลินชิงเหอก็อุ่นซาลาเปาที่เหลือกับโจ๊กข้าวฟ่างที่ยังเหลืออยู่ให้เขาทาน
ซาลาเปาลูกใหญ่ห้าลูกกับโจ๊กข้าวฟ่างเกือบสองชามต่างลงไปอยู่ในท้องของเขา
มีซาลาเปาเหลือจากมื้อเช้าแค่แปดลูก ซึ่งมันไม่พออย่างแน่นอน
ท่านแม่โจวคิดสวยหรูเกินไป นางไม่รู้เลยว่าพลังการกินจุของลูกชายคนเล็กกับหลานชายทั้งสามนั้นไม่ได้น้อย ๆ
หลินชิงเหอให้โจวชิงไป๋นอนพัก จากนั้นก็เริ่มนวดแป้ง
ตอนนี้มีซาลาเปาเหลืออยู่แค่แปดลูก มันจะไปพอได้อย่างไร ต้องทำเกี๊ยวไส้หมูกับเห็ดด้วยถึงจะพอ
เดิมทีโจวชิงไป๋อยากจะมาช่วย แต่หลินชิงเหอไม่ต้องการให้เขาช่วย งานง่ายนิดเดียวทำไมต้องช่วยกันสองคนล่ะ?
เธอแช่เห็ดในน้ำอุ่น หากแช่ในน้ำเย็นมันคงจะไม่ทัน เมื่อแป้งขึ้นตัวดีมันก็คงจะพร้อมห่อเกี๊ยว
โจวชิงไป๋ตื่นขึ้นหลังจากงีบไปครึ่งชั่วโมง
แป้งยังคงขึ้นตัวไม่ได้ที่ หลินชิงเหอจึงนั่งอยู่บนขอบเตียงเตาและถักเสื้อให้เจ้ารองที่เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ต่อ และเหลือเพียงเสื้อของเจ้าใหญ่เท่านั้น
“อีกไม่กี่วันผมจะขนฟืนที่ต้องใช้กลับมาเสร็จแล้ว ดังนั้นเราเดินทางเข้าเมืองกันเถอะ” โจวชิงไป๋บอก
“ตกลงค่ะ!” หลินชิงเหอตอบเสียงใส
“แต่พาเด็ก ๆ ไปด้วยไม่ได้นะ” เห็นท่าทางหูผึ่งของเธอแล้ว มุมปากของโจวชิงไป๋ก็โค้งขึ้นอย่างยินดี
“ทำไมต้องพาพวกเขาไปด้วยล่ะคะ? เราจะไปกันสองต่อสองไม่ใช่เหรอ? พาเจ้าพวกหลอดไฟตัวยุ่งน้อย ๆ ไปด้วยทำไม” หลินชิงเหอบอก
แม้จะมีศัพท์หลายคำที่เขาไม่เคยได้ยิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เข้าใจ โจวชิงไป๋จึงรู้สึกอารมณ์ดีหลังได้ฟัง
“ฉันต้องถักเสื้อกั๊กของเจ้าใหญ่ให้เสร็จก่อนออกเดินทางนะคะ คืนนี้คุณทำเกี๊ยวไปแล้วกัน” หลินชิงเหอสั่ง
การทำเกี๊ยวเป็นเรื่องง่ายสำหรับโจวชิงไป๋ ตอนอยู่ในกองทัพเขาก็เคยทำมาแล้ว ต่อให้ภรรยาของเขาจะไม่เคยให้เขาได้ทำหลังจากกลับมาถึงบ้านก็ตาม
ท่านแม่โจวอุ้มซูเฉิงน้อยมาหาตอนสี่โมงเย็น ตอนนี้นางมาที่นี่บ่อยขึ้นและการได้มาคุยกับสะใภ้สี่ก็เป็นเรื่องดีมาก
แล้วนางก็เห็นโจวชิงไป๋กำลังสับไส้เกี๊ยว
“ทำไมแกถึงเป็นคนทำเกี๊ยวล่ะ?” ท่านแม่โจวถาม
“ผมกินซาลาเปาไปเยอะมาก แล้วมันก็เหลือไม่พอกินสำหรับคืนนี้ ชิงเหอก็เลยขอให้ผมช่วยทำเกี๊ยวหน่อยน่ะครับ” โจวชิงไป๋ตอบ
“แล้วชิงเหอล่ะ?” ท่านแม่โจวถาม
“เธอนั่งถักเสื้อให้เจ้ารองอยู่ครับ”
“ดูแลแกกับลูก ๆ แกนี่มันไม่ง่ายจริง ๆ ด้วย” ท่านแม่โจวเอ่ยตรงไปตรงมา
นางมาที่นี่บ่อยจนเห็นกับตา ถึงจะบอกว่าสะใภ้สี่อยู่บ้านทั้งวัน แต่ความจริงแล้วตลอดทั้งวันเธอไม่มีเวลาว่างเลย
ทุกครั้งที่นางมาถึง นางก็จะเห็นสะใภ้สี่เย็บรองเท้าหรือไม่ก็ถักเสื้อไหมพรมหรือไม่ก็จัดการสวนหลังบ้าน หรือไม่เธอก็กำลังเตรียมอาหารให้ลูกชายคนเล็กของนางที่ทำงานอยู่ข้างนอกทั้งวันให้กลับมากินที่บ้าน
โจวชิงไป๋พยักหน้า “ชิงเหอไม่ได้สบายเลยจริง ๆ ครับ แม่ครับ ผมจะพาชิงเหอไปข้างนอกสักระยะหนึ่งนะครับ อาจใช้เวลาเจ็ดหรือแปดวัน ถึงตอนนั้นให้พ่อมาอยู่ที่บ้านแล้วดูแลเจ้าใหญ่กับน้อง ๆ นะครับ”
“แกจะไปไหนเหรอ?” ท่านแม่โจวชะงักไปครู่หนึ่ง
“เราจะเดินทางไปเมืองหลวงกันครับ แต่แม่อย่าบอกใครนะครับ” โจวชิงไป๋ตอบ
“แกไปที่นั่นทำไมน่ะ?” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างอดไม่ได้
“ผมกะว่าจะไปตรวจร่างกายสักหน่อยน่ะครับ” โจวชิงไป๋คิดหาคำอธิบายไว้แล้ว
แน่นอนว่าพอเขาพูดออกมา ท่านแม่โจวก็เข้าใจในทันที นางเลยกระซิบตอบ “ชิงเหอจะมีปัญหาสุขภาพได้ยังไงกัน? เด็ก ๆ เหมือนแกทุกอย่าง แกจะคิดอะไรไร้สาระไม่ได้นะเข้าใจไหม?”
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่โจวยังไม่เคยเห็นพลังกินล้างผลาญของลูกชายคนเล็กกับหลานชายทั้งสามสินะคะ เป็นชิงเหอมันไม่ง่ายเลย
ตอนนี้พ่อได้แสดงทักษะพ่อบ้านแล้วค่ะ ว่าที่พ่อบ้านใจกล้าในอนาคตต้องมาแล้ว
พ่อจะพาแม่ไปตรวจร่างกายแล้ว เตรียมนับถอยหลังรอวันที่พ่อรู้ความจริงกันค่ะ
ไหหม่า (海馬)